"ขยัน-ประหยัด-พอเพียง" ช่วยไทยแก้จน! รู้จักขรก.สาว เมืองชัยภูมิ ผู้มุ่งมั่นพัฒนาชีวิตชาวบ้านมากว่า 5 ปี!

LIEKR:

"ต้องยึดหลักการดำเนินชีวิตตามหลักทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง ร.9 เพราะเป็นคำสอนที่มีประโยชน์สูงสุดกับชีวิตพวกเรา"

        ปัจจุบันมักจะได้ยินคำพูดว่า “เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของแพง เงินเดือนไม่ขึ้น ค่าแรงน้อย”คือเสียงบ่นในการใช้ชีวิตประจำวัน...วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ คงจะหนีไม่พ้นการ "ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย" แต่หากรายจ่ายมันยังเกินรายได้อีก ประเด็นนี้ทางออกมีทางเดียวคือหา "อาชีพเสริม" สร้างรายได้เข้ามาเจือจุนครอบครัวให้อยู่ได้ 

        ที่บ้านนาเขิน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีข้าราชการสาวชื่อ น..วัชราภรณ์ วันนา อายุ 30 ปี รับราชการสังกัด รพ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ใช้เวลาว่างรวมกลุ่มข้าราชการ-ชาวบ้านผลิตงานประดิษฐ์จากผ้าจนมีชื่อเสียงโด่งดัง รวมถึงสังคมโซเชียลฯ ก็มีการแชร์ส่งต่อผลงานกลุ่มฯจำนวนมากเช่นกัน 

 

Sponsored Ad

 

        “วัชราภรณ์” ใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งภายในบริเวณบ้านเปิดเป็นที่ผลิตและจัดแสดงผลงานกลุ่มศิลปะประดิษฐ์จากผ้าบ้านนาเขิน เกือบ 5 ปีที่ตั้งกลุ่มขึ้นมา จุดประสงค์เดียวคือต้องการให้ข้าราชการ แม่บ้านใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการหารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว สมาชิกต้องไม่มีหนี้สิน ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

.

 

Sponsored Ad

 

        วัชราภรณ์ บอกว่า รับราชการอยู่ที่โรงพยาบาลคอนสาร หลังจากมีเวลาว่างได้ศึกษางานประดิษฐ์ พานพุ่ม พานขันหมาก มาลัยจากผ้าตามคลิปในยูทูปก่อนทดลองทำ เนื่องจากเป็นคนรักและชื่นชอบงานประดิษฐ์อยู่แล้วจึงทดลองทำเรื่อยมาจนประสบความสำเร็จ ก่อนจะนำผลงานที่ผลิตโพสต์ลงในเฟซบุ๊กตัว มีคนเข้ามาชื่นชมสอบถามก่อนสั่งซื้อ จึงเกิดแนวคิดที่จะช่วยเหลือข้าราชการ-แม่บ้านผลิตขายสร้างรายได้เสริมอย่างจริงจัง และมองเห็นว่าพานพุ่ม พานขันหมาก มาลัยที่ผลิตจากวัสดุตามธรรมชาติ เช่น ใบตอง ต้นกล้วย ดอกไม้ เมื่อใช้เสร็จก็จะเหี่ยวแห้งต้องทิ้ง แต่ละชิ้นซื้อมาราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าผลิตสิ่งเทียมขึ้นโดยใช้วัสดุ-สีที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้าง น่าจะดีกว่าถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าก็ตาม แต่สามารถเก็บไว้ใช้ได้ตลอดไป ผู้ซื้อคุ้มค่ากว่า

 

Sponsored Ad

 

        “เริ่มต้นด้วยการชักชวนคนที่สนใจอยากมีรายได้เสริมเข้ามาเป็นสมาชิก นำความรู้ที่มีสอนการผลิตทุกขั้นตอนแบบตัวต่อตัว หลังจากนั้นแยกย้ายกันไปทำผลิตชิ้นส่วนตามที่ได้รับมอบหมายของแต่ละคนแล้วนำชิ้นส่วนที่ได้มาประกอบรวมกันเป็นชิ้นงานที่กลุ่ม สาเหตุที่ต้องรวมกลุ่ม และแบ่งงานกันทำเนื่องจากการผลิตเป็นงานทำมือทุกขั้นตอน มีความละเอียดใช้เวลาทำค่อนข้างนานในแต่ละชิ้น ถ้าทำเองไม่สามารถทำตามที่ลูกค้าสั่งได้ทันแน่นอน”

.

 

Sponsored Ad

 

        หลังจากเปิดกลุ่มฯเข้าสู่ปีที่ 5 มีสมาชิกเข้ามาร่วมกว่า 20 คน มีรายได้เฉลี่ยต่อคนเดือนละประมาณ 6 -7 พันบาท ลูกค้าส่วนมากจะสั่งผ่านเฟซบุ๊ก ไม่ก็โทรศัพท์เข้ามา มียอดสั่งจองจำนวนมาก ทางกลุ่มจะรับผลิตตามที่ลูกค้าสั่งเท่านั้น ไม่ได้วางจำหน่ายตามท้องตลาด เนื่องจากเป็นงานทำมือ ละเอียดทุกขั้นตอนใช้เวลาค่อนข้างมาก สำหรับจุดขายคือ ผ้าที่นำมาใช้จะเป็นผ้าซับใน ผสมนำยาสีผสมอาหาร สูตรของเราเอง สีสันตามลูกค้าสั่ง ไม่ใช้สารเคมีใด ๆทั้งสิ้น ราคามีตั้งแต่ 500-30, 000 บาท แล้วแต่ขนาด และความยากง่าย

 

Sponsored Ad

 

        “ความเดือดร้อนเรื่องการเงินถือเป็นปัญหาใหญ่ในครอบครัว แต่หากทุกคนรู้จักความประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยก็จะช่วยได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งการหารายได้เสริมเป็นอาชีพที่สุจริต ฝึกให้ตัวเองเป็นคนขยัน ทำมากได้มาก เมื่อเหลือแล้วก็ต้องเก็บออมไว้ใช้ยามจำเป็น อยากบอกว่าชีวิตที่ไม่มีหนี้สิน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บถือว่าเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก ๆ ทั้งนี้ย้ำกับสมาชิกเสมอว่าต้องยึดหลักการดำเนินชีวิตตามหลักทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวง ร.9 เพราะเป็นคำสอนที่มีประโยชน์สูงสุดกับชีวิตพวกเรา” 

 

Sponsored Ad

 

.

        “โสภาพ เปล่งคอนสาร” อายุ 61 ปี แม่บ้านรับจ้างทั่วไป บอกว่า เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มศิลปะประดิษฐ์จากผ้าบ้านนาเขินได้ 2 ปี สมัครฟรี-เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ฝึกเรียนการประดิษฐ์ พานพุ่ม พวงมาลัย ดอกไม้ โดยแยกการฝึกหัดทำทีละชิ้นส่วน ตอนนี้มีรายได้เสริมเดือนละประมาณ 5 - 7 พันบาท ถือเป็นรายได้นำมาช่วยเหลือครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพราะปกติเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร ใช้เวลาว่างหลังจากทำงานบ้านเสร็จก็นั่งทำ เมื่อเสร็จแล้วก็จะนำมารวมกันที่ศูนย์ฯแล้วร่วมกันประกอบขึ้นรูปชิ้นงาน ที่สำคัญได้เจอเพื่อนสมาชิก ได้พบปะพูดคุยสนุกสนานเพลิดเพลินด้วย

Sponsored Ad

        เรื่องราวข้างต้นเหมือนจะไม่ค่อยน่าสนใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณลองทำดูพร้อมกับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิม ๆ อวดรวยฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยจะรู้ว่าในกระเป๋ามันมีเงินไหลเข้ามาอย่างไม่น่าเชื่อ ...ทุกปัญหามีทางแก้หากเรายอมรับกับความจริง ก็ในเมื่อเศรษฐกิจมันเป็นแบบนี้โทษใคร-ด่าใครเงินมันก็ไม่เพิ่มขึ้นมาหรอก สู้หารายได้เสริมทำดีกว่า...ประเภทแจกโน่นแจกนี่ให้ชาวบ้านพอกันที สร้างค่านิยมผิดๆให้กับเขา ถึงเวลาแบมือรอรับลูกเดียวไม่คิดทำอะไรด้วยตัวเองเลย...ให้เรือให้ปลาแล้วควรให้แหให้เบ็ดสอนให้เขามีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้เหมือนอย่างที่ “วัชราภรณ์” ทำถือเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่ง


ข้อมูลและภาพจาก dailynews

บทความที่คุณอาจสนใจ