เธอไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนหนุ่ม 21 วัน พอถึงวันสุดท้าย เธอตัดสินใจบอกเลิกแฟนทันที!

LIEKR:

ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ก่อนจะแต่งงานกับอีกฝ่าย ต้องลองไปเที่ยวด้วยกันดูซักครั้ง

ลิขสิทธิ์โดย LIEKR

        หากคู่รักที่ต้องการอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต นอกเหนือจากความรักที่มีต่อกันและกันแล้ว ยังมีเรื่องของเงิน นิสัยการใช้ชีวิต ค่านิยม และบททดสอบอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งมีพื้นฐานทางอารมณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีด้านที่เข้ากันไม่ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำลายความรู้สึกของกันและกัน

        ไม่นานมีนี้มีหญิงสาวต่างประเทศคนหนึ่งโพสลงในเพจๆ หนึ่ง แชร์ประสบการณ์ความรักที่ผ่านมา เพื่อเป็นคำแนะนำให้กับคู่รักทั่วทุกมุมโลก “เห็นบทความที่คนแต่งงานสายฟ้าแล่บ หย่าสายฟ้าแล่บ กับอีกหลายๆ บทความที่คู่รักไม่เหมาะสมกัน ทำให้ฉันคิดถึงเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้” แนะนำว่าก่อนที่ทุกคนจะแต่งงานให้ไปท่องเที่ยวด้วยกันยาวๆ สัก 2 อาทิตย์ขึ้นไป หรือลองอยู่ก่อนแต่งสักระยะ

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        เจ้าของบทความย้อนนึกถึงอดีต ตอนนั้นไปเที่ยวกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอย่างสนุกสนาน เหตุผลก็เพราะหนึ่งไม่เคยไปเที่ยวเมืองนอกกับเพื่อนนาน 3 สัปดาห์ขนาดนี้มาก่อน สองยังได้ไปเที่ยวกับแฟนด้วย ตอนเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง เธอก็เริ่มรู้สึกได้ว่า การไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดแต่..

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        เธอเล่าว่า เทียบกับเพื่อนอีก 3 คนแล้ว ตัวเองกับแฟนถือว่าไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรง ดังนั้น 1 เดือนก่อนออกเดินทางก็เลยเริ่มออกกำลังกาย เธอเองก็เตือนแฟน “ออกกำลังหน่อยน่า จะได้ไม่ไปเป็นภาระคนอื่น” แต่แฟนก็เหมือนฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เวลา 30 วันมาออกกำลังแค่ 4 วัน

        เมื่อเดินทางถึงที่หมาย ระหว่างการเดินทางก็สามารถมองเห็นข้อแตกต่าง “ฉันกับเพื่อน 3 คนสามารถเดินไปได้เรื่อยๆ แต่เขาต้องหาเก้าอี้นั่งพักบ่อยๆ ทำให้ฉันคนเดียวเสียเวลาน่ะไม่เป็นไร แต่การพักของเขาทำให้คน 4 คนต้องเสียเวลา”

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        ไม่เพียงแค่นั้น แฟนยังเข้ากับคนอื่นๆ ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด เธอเล่าว่า เมื่อเข้าไปกินในร้าน izakaya พนักงานก็บอกว่า “ทุกคนต้องสั่งเครื่องดื่มคนละแก้ว” แต่แฟนก็ยืนยันว่าไม่สั่ง แถมยังอ้างว่า “เราไม่ใช่คนท้องถิ่น จะมาใช้กฎของพวกเขากับเราได้ยังไง” ทำให้เธอทำได้แค่สั่งเหล้ากับชามาอย่างละแก้ว “ถือว่าสำหรับ 2 คน”

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        “ระหว่างการไปเที่ยว 21 วัน ความขัดแย้งระหว่างเขากับทุกคนส่วนใหญ่เกิดจากร่างกายไม่อำนวย ต้องการนั่งพักบ่อยๆ” บางครั้งแฟนยังต้องการแยกจากกลุ่มไปเที่ยวที่อื่น แต่เพราะภาษาไม่อำนวย ก็เลยต้องเอาเธอไปเป็นไกด์ ทำให้เธอลำบากใจมาก

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

 

Sponsored Ad

 

        “บางครั้งไปช้อปปิ้งฉันถือถุงพะรุงพะรัง ขอให้เขาช่วยถือก็โดนปฏิเสธ” โชคดีที่มีเพื่อนช่วย แต่พอกลับถึงโรงแรมก็โดนแฟนว่า “ไม่มีมารยาท”, “ไปให้ผู้ชายคนอื่นช่วยได้ยังไง” นอกจากนั้นทั้งเรื่องการให้ผู้หญิงเดินข้างใน ช่วยกางร่มให้เวลาฝนตก แฟนก็เอาแต่ยืนดู แล้วก็มาว่าทีหลัง “ให้เขาทำอย่างนี้ จะไปคบกับเขาใช่มั้ย”

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

 

Sponsored Ad

 

        สัปดาห์สุดท้ายอยู่ที่คันโต เจ้าของบทความก็ตัดสินใจว่าต้องบอกเลิก “เพราะถ้าในอนาคตอีก 60 ปีฉันต้องมีชีวิตแบบนี้ ฉันต้องบ้าแน่ๆ” ตอนนั้นเนื่องจากอาการหนาวขึ้น เธอขอให้แฟนถอดเสื้อหนาวให้ใส่ แต่กลับถูกปฏิเสธ “พอเขาเป็นหวัด เขาก็ให้ฉันอยู่โรงแรมดูแลเขา ไม่ต้องไปเที่ยวกับเพื่อน”

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

Sponsored Ad

        ประมาณสี่ทุ่ม เธอก็ให้แฟนที่เป็นไข้กินกาแฟดำ กินน้ำเยอะๆ และแช่น้ำอุ่น แต่เขากลับ “ต้องการให้ฉันออกไปร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อดูว่ามียาแก้หวัดขายมั้ย Hello? พวกเราอยู่บนเกาะที่แม้แต่รถยังไม่วิ่ง 24 ชั่วโมง จะเอาอะไรกับร้านขายยา”

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        “สรุปแล้ว ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ก่อนจะแต่งงานกับอีกฝ่ายต้องไปเที่ยวด้วยกัน แล้วคุณจะได้ไม่พลาด” เธอยังไม่ลืมที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันทำตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กมาเกือบ 5 ปี ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไปก็อยากถามตัวเอง เธอสมองมีปัญหารึเปล่า?”

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        พอบทความถูกแชร์ออกไปชาวเนตมากมายก็เข้ามาแสดงความเห็น บอกว่าไม่ว่าคู่รักหรือแฟน ปกติเวลาที่คบกันล้วนสามารถเสแสร้ง แต่เวลาไปเที่ยวต่างประเทศจะสามารถมองเห็นนิสัยที่แท้จริง “เราว่าอยู่ด้วยกันก็ยังไม่สามารถมองอีกฝ่ายได้ทะลุ แต่การไปเที่ยวด้วยกันถึงจะสามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายใส่ใจ และห่วงใยคุณหรือไม่”, “เห็นด้วยไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ความแตกต่างมากมายล้วนเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น”, “เห็นด้วยอย่างยิ่ง อีกหน่อยฉันก็จะให้ลูกสาวทำแบบนี้”

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        พูดได้คำเดียวว่าถ้าอยากทดสอบความรู้สึกระหว่างกันและกัน ก็ลองไปเที่ยวด้วยกันดูสักทริป

ที่มา : foyuan

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

Copyright © LIEKR.com

ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอก เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซด์อื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ