มีทัศนคติชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ฟ้าลิขิต” !

มีการผ่อนปรนชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ไม่เอ่ยถึงอีก”!

มีการมองให้ปลงชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ปล่อยไปอย่างสงบ”!

มีการปลอดปล่อยชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ปล่อยไปตามธรรมชาติ”!

มีสภาวะของจิตใจที่เรียกว่าทุกอย่าง!

ชีวิตบนโลกนี้

หลายเรื่องไม่อาจเป็นดังใจหวัง

หลายคนไม่อาจอยู่กับเราได้ตลอดไป

หากคุณใส่ใจมากไป จิตใจก็เหนื่อยเปล่า

หากคุณไปพัวพัน ก็รั้งจะก่อความรำคาญ

ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่

ถึงจะมีชีวิตที่สบาย

ก่อความวิวาท สู้เป็นมิตรดีกว่า

ก่อความขัดแย้ง สู้ปล่อยวางดีกว่า

หลายคน หลายเรื่องราว

ยิ่งยืนหยัด ยิ่งได้มาน้อยลง

ยิ่งใส่ใจ ยิ่งสูญเสียไปเร็วเท่านั้น

ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก

แล้วใยต้องมีชีวิตอย่างเศร้าโศก

สิ่งที่ไม่ได้มา ก็อย่าไปหวัง

สิ่งที่คิดไม่ตก ก็อย่าไปคิด

สิ่งที่มองไม่ทะลุ ก็อย่าไปมอง

ถือทัศนคติ เปิดใจกว้าง

ทุกอย่างจะดีเอง

มีทัศนคติชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ฟ้าลิขิต”

ไม่ใฝ่หา ไม่ครอบครอง

ไม่คิดแค้น ไม่บ่นว่า

มองให้ทะลุสิ่งที่สูญเสียไป ปล่อยวางโดยไม่ขุ่นเคือง

พยายามมีชีวิตปัจจุบันให้ดีที่สุด

มีทัศนคติชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ฟ้าลิขิต”

ไม่แยแส ไม่หมกมุ่น

มีชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด

ทั้งชีวิตนี้

ต้องเรียนรู้จัก “พรหมลิขิต”

ปล่อยไปตามพรหมลิขิต คืออะไร?

พรหมลิขิต ไม่ใช่ “แล้วแต่” แต่เป็นการปล่อยไปตามธรรมชาติ

พรหมลิขิต ไม่ใช่ “หมดหนทาง” แต่เป็นการยอมรับการกำหนดที่วางไว้

พรหมลิขิต คือ เมื่อเผชิญปัญหาก็จะทำให้ดีที่สุด

แม้จะล้มเหลว แต่ก็จะไม่เสียใจ

พรหมลิขิต ก็คือ การเปิดใจให้กว้างในการมองสิ่งที่สูญเสียไป

ไม่บ่นว่าโทษคนอื่น

เป็นคน

จะต้องมีทัศนคติในการมอง “พรหมลิขิต”

เพื่อเผชิญหน้ากับโลกใบนี้

ไปมองดู การได้มาและสูญเสีย  การพบเจอและพรากจาก

ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด

ตั้งใจเดินบนเส้นทางที่เท้าคุณนำไป

ใส่ใจความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง

ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร โปรดยอมรับมัน

ไม่เสียดาย ไม่มีเรียกร้อง และไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น!

มีทัศนคติชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า “ฟ้าลิขิต”

มีภูมิปัญญาชนิดหนึ่งเรียกว่า “มองให้ทะลุ”

หนทางสู่ชีวิต

ได้มาไม่ชื่นใจ สูญไปไม่เสียดาย

ปล่อยให้เป็นไปตาธรรมชาติ ยอมรับ “ฟ้าลิขิต”

ที่มา : readthis

แปลและเรียบเรียงโดย Liekr