LIEKR:
จากกรณีความพยายามในการตรวจสอบการทำงานของกกต.กับการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่ามีความโปร่งใสหรือไม่นั้น ล่าสุด "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" ผบช.สตม.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวแถลงว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากการเข้าโจมตีระบบของแฮกเกอร์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวยอมรับว่าได้รับการประสานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบเรื่องระบบรายงานผลคะแนนการเลือกตั้ง เนื่องจากทาง กกต.ตรวจพบระหว่างระบบแรพพิทรีพอร์ต ที่รายงานผลคะแนนการเลือกตั้งทำงานล่มถึง 3 ครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าโจมตีระบบของแฮกเกอร์
Sponsored Ad
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยืนยันพบมีการแฮกระบบจริง โดยมีต้นทางจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมๆ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดหรือไม่ เนื่องจากไม่ต้องการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอย ขอเวลาเจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างชัดเจนก่อน
Sponsored Ad
ในช่วงการเลือกตั้ง มีการเฝ้าระวังการกระทำผิดผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีการดำเนินคดีและสรุปสำนวนกับผู้แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งอันเป็นเท็จไปแล้วกว่า 20 ราย ซึ่งจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป
ไม่นานหลังจากการแถลง มีสมาชิกผู้ใช้เฟสบุ๊คคนหนึ่งเผยข้อมูลวงในพบว่าข้อผิดพลาดมาจากระบบของ กกต. เอง ถือเป็นการแฉที่ตอกย้ำว่าระบบของ กกต. ไม่มีศักยภาพเพียงพอ และการอ้างว่าถูกแฮกถือเป็นการ "dy/dx" หรือการดิฟซึ่งเป็นสแลงสื่อถึงการลื่นไหลที่คนไทยชอบเรียกว่าแถ
Sponsored Ad
"...เบื้องต้นการรวบรวมข้อมูลผลคะแนน มีความผิดพลาดของการประเมินปริมาณข้อมูล แม้ว่าทางฝ่ายเทคนิคของสื่อได้มีการทักท้วงแล้วก็ยังดึงดันว่าพอ และเมื่อเกิดการทดสอบช่วงก่อนการเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน ด้วยปริมาณหน่วยเลือกตั้งกว่า 90,000 หน่วยที่จะต้องส่งข้อมูลคะแนนหลังนับพร้อมๆกันเข้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อทดลองส่งเพียง 30,000หน่วย ระบบก็ล่มทันที"
และเมื่อวันการเลือกตั้งจริง เกิดขึ้น ระบบก็ล่ม บ่อยครั้ง เนื่องจากหลายสาเหตุทางเทคนิค ซึ่งในงานระดับมืออาชีพ จะมีการปิดช่องโหว่ของปัญหาที่คาดว่าจะเกิดทั้งหมด แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับไม่พบการปิดช่องว่างนี้แต่อย่างใด"
Sponsored Ad
"ฉะนั้น เรื่องของแฮกเกอร์ ตามที่ กกต. กล่าวอ้าง อาจจะไม่มีจริง แต่เป็นเพราะความไม่เป็นมืออาชีพของผู้จัดการระบบส่วนกลางของ กกต.เองซะมากกว่า งานนี้ออกมาโบ้ยกันเช่นนี้น่าเห็นใจประเทศชาติของเรา ที่พยายามก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 โดยแท้..."
อ่านเพิ่มเติมที่โพสต์ต้นฉบับ
ข้อมูลและภาพจาก siamnews, Chanon Ngernthongdee