เมื่อไม่นานมานี้ซุป'ตาร์สาว "ชมพู่ อารยา" ได้ไปเปิดใจสุดเอกซ์คลูซีฟกับเรื่องราวต่างๆ ที่คนทั้งประเทศยกย่องเรียกว่า Material girl เป็นต้นแบบในเรื่องแฟชั่น และไลฟ์สไตล์เว่อร์วัง 

        แต่ก็ต้องคอยเผชิญหน้าเสียงวิจารณ์ที่ตามมาเรื่องบ้าวัตถุ จนถูกมองว่า เ ส พ ติ ด ความกดดันมาตลอดชีวิต แม้แต่การเลี้ยงลูกที่มักถูกจับตามอง เมื่อพิธีกรถามว่าการมีลูกมันดีจริงๆไหม ชมพู่ กล่าวว่า

        "สำหรับชมนะในฐานะแม่ ลูกเราเป็นกระจกสะท้อนตัว เราจะเห็น สั น ด า น ดิบบางอย่างของเราที่อยู่ในตัวเขา แบบมันเป็นผลผลิต เรื่องมรดกตกทอดจริงๆ ยิ่งในวัยที่เขากำลังเริ่มเรียนรู้ บางอย่างที่เราทำไม่ดีเด็กมันพร้อมที่ซึมซับตลอดเวลา 

        ฉะนั้นเขาจะสะท้อนให้เราเห็นตลอด เราจะได้พัฒนาตัวเราเองด้วย เพราะว่าเราได้เห็นแบบสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีในตัวเรา และอีกอย่างหนึ่งคือสำหรับผู้หญิง ช่วงเวลาการเป็นแม่ลูกอ่อนเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งเพศหญิงมากๆ เมื่อผ่านไปมันเป็นพลังที่ทำให้เรารู้ว่า เราทำอะไรได้อีกเยอะมาก หน้าที่ของการเป็นแม่มันสุดจริงๆ

        สำหรับชมว่าสิ่งสวยงามอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของพันธุกรรม ทั้งฝั่งชมแล้วคุณน็อต คุณพ่อ เ สี ย แล้วทั้งคู่ แต่พอมีลูกเหมือนเราเห็นคนที่จากไปแล้วเห็นอะไรบางอย่างในตัวเขา มันเป็นอะไรที่เรานึกถึงคนที่จากไปแล้ว มันดี

        อีกอย่างหนึ่งคือสำหรับผู้หญิงนะ ช่วงเวลาการเป็นแม่ลูกอ่อนที่คือแบบเป็นบทพิสูจน์แบบว่าความแข็งแกร่งของเพศหญิงมากๆ 

        ฉะนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่เราเจอขุมทรัพย์พลังอะไรบางอย่างในตัวเราแล้วแบบว่าเหมือนเราขุดมันมาใช้ได้ยังไงก็ไม่รู้ แบบว่านี่เราทำได้ขนาดนี้หรอ แล้วเมื่อเราผ่านไปได้แล้วมันเป็นพลังมันทำให้เรารู้เราทำอะไรได้อีกเยอะมากในแบบหน้าที่ของแม่นี่คือมันสุดจริงๆ"

ชมพู่เลี้ยงลูกแบบไหน ?

        ชมพู่ : "ก็เลี้ยงอย่างที่เห็น (หัวเราะ)"

บุฟเฟต์เหรอ ?

        ชมพู่ : "ไม่ได้ถึงกับบุฟเฟต์ จริงๆไม่เคยคลาดสายตา ถ้าเราไม่อยู่ ชมค่อนข้างจะโชคดี แบล็กออฟฟิศชมคือดีเลย แต่กว่าจะลงตัวกว่าจะเซตอัพทีมที่ได้กันขนาดนี้ก็คือขึ้นคอเหมือนกัน นี่เรียกได้ว่าเป็นทีมเลยก็เรียกว่าเป็นก็มันลิง 2 ตัว นึกออกไหมพี่ คือคนเลี้ยงก็ต้องทันเขาเหมือนกัน"

ชมพู่เป็นแม่แบบไหน เลี้ยงลูกเหมือนคุณแม่เลี้ยงแบบเราไหม ?

        ชมพู่ : "คงไม่เหมือนนะ เอาจริงๆ ตอนชมเด็กเท่านี้ ชมก็จำไม่ได้ว่าแม่เลี้ยงเรายังไง แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ชมรู้คือแม่ให้เราเป็นตัวเอง ตั้งแต่เกิดจนโตมาไม่เคยได้ยินแม่พูดว่าเปรียบเทียบเราเด็กบ้านอื่น หรือว่าทำไมเราไม่ทำอย่างนั้น แม่ไม่เคยแม้แต่จะยัดเยียดไปเรียนนั้นสิลูก ไปทำอันนี้สิไม่มี คือรู้แต่ว่าเราที่เราเป็นตัวเรา 

        คือชมรู้ว่าแบบตัวเองมาเป็นแม่เราก็มานั่งย้อนว่า แม่เราเลี้ยงเรายังไงทำไมเราถึงแบบเราถึง Self Esteem (การเคารพตัวเอง) ถึงขนาดนี้ ทำไมเราไม่เคยสงสัยในตัวเราเลย 

        ก็เลยแบบว่าเป็นโจทย์ข้อแรกเลยว่า จะเลี้ยงเขาให้เขาแบบเป็นตัวเขาแล้วก็แบบไม่กังขาในตัวเองว่าอันนู้น-นี้ฉันทำถูกไหม หรือเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจ"

ปล่อยเขา Freedom ใช่ไหม ไม่มีความเอาเราเข้าไปใส่เขาหรือเอาคุณน็อตเข้าไปใส่ลูกทั้ง 2 คนเลย ?

        ชมพู่ : "อาจจะมีบ้างที่แบบว่าบางอย่าง เราก็ต้องพาเขาออกไปบ้าง ไม่งั้นเขาจะอยู่แต่ในบ้าน ก็ไม่ได้เห็นอะไรแต่ว่ามันก็เป็นเชิงแบบว่า Explore (สำรวจ) มากกว่าอย่างคุณน็อตเขาก็จะอาจมีแบบบอลๆ ใส่ฟุตบอลเข้าไป (หัวเราะ) 

        แต่เรื่องที่เป็นพื้นฐานที่เราต้องให้เขา อย่างเรื่องการศึกษาเรื่องอะไรแบบนี้ เราจัดในสิ่งที่คิดว่ามันดีที่สุด ที่เรามีปัญญาที่จะให้เขาได้ นอกเหนือไปกว่านั้นคืออยากเห็นธรรมชาติของเขาก่อน 

        เพราะว่าชมว่าเด็กควรจะได้เป็นเด็ก คือเด็กต้องโตอยู่แล้วมันเป็นกฎธรรมชาติเขาต้องโตอยู่แล้วแต่มันไม่ใช่หน้าที่เขาที่เขาต้องรีบโต เขาควรจะได้เป็นเด็กก่อนตามธรรมชาติเขา เพราะชมว่าความทรงจำตรงนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ชมว่าตรงนี้มันแบบมันสำคัญ"

เห็นหน้าลูกยิ้มก็หายจริงไหม พรนี้มันวิเศษขนาดไหนขนาดนั้นจริงไหมครับ ?

        ชมพู่ : "มันคือจริงๆ กายเราก็ยังคงเหนื่อยแหละ งานจริงๆ ก็ร่างเราก็คงยังแหลกอยู่เหมือนเดิม แต่ว่ามันจะไปต่อได้ มันก็จะแบบว่าเหมือนเขาแบบคือยังไงก็ต้องตื่น ถ้าเขาตื่นมาเขาเล่นกับเรา เราก็ต้องเล่นอะมันเรามันทิ้งไม่ได้เลย"

ชมคลิปสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ที่ Thairath Talk

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Thairath, Instagram chomismaterialgirl