LIEKR:
สาวบิ๊กไซซ์ฉุนหนัก ทะเลาะแฟนหนุ่ม ทิ้งน้ำหนักตัวกว่า 133 กิโล กระโดดทับแฟนหนุ่ม!
หญิงอเมริกัน วัย 44 ปี ผู้มีน้ำหนักตัว 133 กิโลกรัม ถูกจับตำรวจจับ หลังก่อเหตุฆ่าแฟนหนุ่ม ด้วยการกระโดดนั่งทับ จนแฟนเจ็บหนัก หายใจไม่ออกตาย
วันที่ 4 ธันวาคม 2561 เว็บไซต์เดอะซัน รายงานว่า วินดี้ โธมัส หญิงชาวอเมริกัน วัย 44 ปี อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 36 ปี ในข้อหาฆาตกรรม คีโน บัตเลอร์ แฟนหนุ่มของเธอ
Sponsored Ad
โดยวินดี้ได้ทำร้ายร่างกายเขา หลังจากที่มีปากเสียงทะเลาะกัน เธอทุบตีคีโนแล้วก็นั่งทับลงไปบนร่างของเขา ด้วยความที่เธอมีน้ำหนักตัวมากถึง 133 กิโลกรัม คีโนจึงได้รับบาดจ็บหนักและขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต
Sponsored Ad
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านของวินดี้และคีโน ตั้งอยู่ในเมืองอีรี รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา โดยในวันเกิดเหตุ วินดี้นั่งดื่มเหล้าอยู่บนโซฟา และเตรียมจะออกไปหาซื้อโคเคนมาเสพ เมื่อคีโนพบเห็นเข้า ก็ได้เข้ามาต่อว่า ทั้งสองมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง วินดี้โกรธมากและทุบตีแฟนหนุ่มด้วยความโมโห คว้ามีดมาแทงมือเขา และเอาขาโต๊ะฟาด หลังจากนั้นก็จัดการนั่งทับลงบนหน้าอกของเขาจนกระทั่งแน่นิ่งไป
หลังจากที่ได้สติแล้ว เธอก็ลุกขึ้นมาดูคีโน แต่เขาเสียชีวิตไปแล้ว วินดี้ตกใจมากและรีบโทร. แจ้งตำรวจ กรีดร้องบอกเจ้าหน้าที่ด้วยความสติแตกว่าเธอเพิ่งฆ่าแฟนหนุ่มไป
Sponsored Ad
วินดี้ถูกจับกุมและแจ้งข้อหาฆาตกรรม โดยในการพิจารณาคดีในชั้นศาลนั้น อัยการได้แสดงเอกสารบันทึกผลการชันสูตรพลิกศพคีโน โดยรายงานระบุว่า คีโนถูกกดทับด้วยน้ำหนักจำนวนมากบริเวณหน้าอก คอ และศีรษะ ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บรุนแรง และประสบภาวะขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกวินดี้นั่งทับ
Sponsored Ad
ทนายความของวินดี้ได้แก้ต่างให้เธอวินดี้ในชั้นศาล กล่าวว่า เธอไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าคีโน อ้างว่าตอนนั้นเธอกำลังมีอาการเมามาย แล้วหมดสติล้มลงทับคีโนด้วยความไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้เขาเสียชีวิต แต่อย่างไรตาม อัยการชี้ว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นไปด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ
ข้อมูลจาก โกอีรี ระบุว่า ศาลตัดสินว่าวินดี้มีความผิดในข้อหาฆาตกรรมโดยมิได้เจตนา หรือการพลั้งมือฆ่าเพราะความโกรธชั่ววูบจากการทะเลาะวิวาท ซึ่งไม่ได้เป็นการฆ่าที่ไตร่ตรองเอาไว้ก่อน เนื่องจากเธอให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จากเดิมมีโทษจำคุก 20-40 ปี แต่ลดเหลือ 18-36 ปี และจะมีการพิจารณาโทษอีกครั้งในวันที่ 10 ธันวาคม นี้
