เก่งมาจากไหน "ปิยบุตร แสงกนกกุล" บ้านไม่รวย ได้ทุนจบนอก เส้นทางกว่า 16 ปี รับราชการเป็นอาจารย์

LIEKR:

เก่งมาจากไหน "ปิยบุตร แสงกนกกุล" บ้านไม่รวย ได้ทุนจบนอก เส้นทางกว่า 16 ปี รับราชการเป็นอาจารย์

    หากใครติดตามข่าวสารการเมืองมาโดยตลอด เราก็จะเห็นนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทสำคัญ และที่ถือเป็น "The Man oF Week" ถูกฝ่ายตรงข้ามพาดพิงโจมตีขุดคุ้ยเรื่องราวต่างๆ ผิดบ้างถูกบ้างกระจายเต็มโซเชียล 

    และล่าสุดทางด้านเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอเส้นทางกว่า 16 ปีที่ได้รับราชการเป็นอาจารย์ ของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" โดยตำแหน่งสุดท้ายคือ "รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ก่อนที่จะตัดสินใจลาออก ก่อนจะมาปรากฏตัวสร้างความฮือฮาอีกครั้ง หลังประกาศตัวจับมือกับ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" และผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองคล้ายกันอีกจำนวนหนึ่ง ยื่นจดจัดตั้งพรรคการเมืองในชื่อ "พรรคอนาคตใหม่" ด้วยความตั้งมั่นจะสร้างการเมืองใหม่แห่งความหวัง การกลับคืนสู่หนทางที่การปกครองจะยึดโยงอยู่กับประชาชน และสร้างสรรค์ประเทศไทยที่อนาคตอยู่ในมือประชาชนอย่างแท้จริง 

 

Sponsored Ad

 

"บ้านไม่รวย สมองดี นักเรียนนอก รักความเท่าเทียมในสังคม" 

    ปิยบุตร แสงกนกกุล หรือ "ป๊อก" ในวัยที่อายุกำลังจะเข้าสู่ 40 ปี เขาเกิดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2522 เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 4 คน และเกิดในครอบครัวคนชั้นกลางเชื้อสายจีนที่ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก ในขณะที่พ่อแม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาของลูกๆ เหตุนี้เองครอบครัวเขาจึงต้องสร้างอนาคต ประหยัดอดออม ใช้แรงแลกงานหนัก เพื่อนำเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา 

 

Sponsored Ad

 

"ปิยบุตร" จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 จากนั้นได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลฝรั่งเศส ให้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก "ปิยบุตร" จบปริญญาโท DEA (Master 2) สาขากฎหมายมหาชนและกฎหมายสิ่งแวดล้อม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย Nantes ประเทศฝรั่งเศส วิทยานิพนธ์เรื่อง “ข้อความคิดเรื่องผู้มีส่วนได้เสียในคดีปกครองสิ่งแวดล้อม” (2546 - 2547) และ ปริญญาเอก เกียรตินิยมดีมาก โดยมติเอกฉันท์ (Mention Très Honorable avec Félicitations) มหาวิทยาลัยตูลูส (Toulouse) ประเทศฝรั่งเศส (2553) วิทยานิพนธ์เรื่อง “ศาลปกครอง: การกำเนิดของสถาบัน”

 

Sponsored Ad

 

ปริญญาเอกด้านกฎหมาย จับตาความเคลื่อนไหวการเมืองไทย 

    "ปิยบุตร" กลับจากฝรั่งเศสหลังเรียนจบปริญญาเอกด้านกฎหมายในปี พ.ศ.2553 เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่รัฐใช้กำลังเข้าปราบปรามประชาชนในช่วงการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ พ.ศ.2553 ตัวเค้าเองให้ความสนใจประเด็นต่างๆ ทางสังคมมาโดยตลอด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เค้าให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์การเมืองในไทยมาโดยตลอด เพราะระหว่างที่เค้าได้รับทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ไปเรียนปริญญาโทและเอกอยู่ที่นั่น นอกจากจะศึกษาวิชากฎหมายตามแนวทางการเรียนแล้ว 

 

Sponsored Ad

 

    ตัวเค้าเองยังพร่ำค้นคว้าประวัติศาสตร์การเมือง ปรัชญา วัฒนธรรม รวมทั้งขบวนการทางสังคมที่เคลื่อนไหวผลักดันประเด็นต่างๆ ทั้งในฝรั่งเศสและประเทศยุโรปอื่นๆ ควบคู่ไปกับติดตามสถานการณ์การเมืองไทย และพร่ำแสดงความคิดเห็นโดยตลอด กระทั่งประเทศไทยเข้าสู่เหตุการณ์รัฐประหารโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2557 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการยึดอำนาจโดยทหารครั้งที่ 2 ในห้วงเวลาห่างกันไม่ถึง 10 ปี   

    มุมมองของเค้าแสดงทัศนคติออกมาเด่นชัด เรื่องการล้มรัฐบาลโดยวิธีผิดปกติอีก 1 ครั้ง นับจากปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดสิ่งที่เค้าชี้ให้สังคมเห็นว่านี่คือ “ทศวรรษที่สูญหาย” ประเทศเสียเวลาและโอกาสของความเจริญก้าวหน้า เกิดความแตกร้าวของคนในชาติที่ ‘ถูกกำหนดสร้างขึ้น’ เป็นรอยร้าวลึกล้ำจนไม่อาจหันหน้ามาปรึกษาหาทางออกกันได้ ในขณะเดียวกัน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็ถูกอำนาจและอาวุธกดทับเอาไว้ ประชาชนจำนวนมากต้องมีชีวิตอยู่กับการเมืองแห่งความกลัว

 

Sponsored Ad

 

ลิเวอร์พูล ทีมในดวงใจ

    คนทั่วไปจะรู้จัก "ปิยบุตร" ในมุมความเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่างๆ เมื่อยังเป็นอาจารย์เขาต้องหาเวลาให้ตัวเองได้อ่านและค้นคว้าทำงานวิชาการต่อเนื่องสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน เค้ามีกีฬาสุดโปรดคือฟุตบอล ใครที่รู้จัก ‘อาจารย์ป๊อก’ เป็นอย่างดี จะรู้ว่าเขามีลิเวอร์พูลเป็นทีมในดวงใจ จดจ่อติดตามแม้จะผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แพ้แล้วแพ้อีก นอกจากนี้ "ปิยบุตร" ยังเชียร์ทีมชาติฝรั่งเศสด้วยความผูกพัน เพราะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนั้นช่วงเรียนปริญญาโทและเอกเป็นเวลานาน รวมถึงภรรยาของเขาก็ยังเป็นชาวฝรั่งเศสอีกด้วย

 

Sponsored Ad

 

    นอกจากนี้ ปิยบุตร ยังถือเป็นผู้ชายที่กินง่ายอยู่ง่าย ชอบทดลองอาหารหลากหลายประเทศ เขามีความหลงใหลในวัฒนธรรมอาหาร โดยไม่ต้องกังวลว่าอาหารจานนั้นจะดีต่อสุขภาพหรือไม่ นอกจากนี้เค้ายังชอบจิบไวน์เป็นชีวิตจิตใจ และมีความรู้ในเรื่องไวน์เป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือเหมือนจะห่วงหล่อหน่อยๆ ก่อนออกจากบ้านเซ็ตผมจัดทรง "มาดต้องตา วาจาต้องใจ"

สอนหนังสือในห้องเรียนไม่น่าจะพอแล้ว ต้องลงมาเปลี่ยนจากข้างนอกด้วย

Sponsored Ad

    เพราะการสอนหนังสืออย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม เวลาสอนหนังสือ นักศึกษาที่เขาเห็นด้วย เชื่อและยึดมั่นในกฎหมายรัฐธรรมนูญรูปแบบของประชาธิปไตย เขารู้ว่าอะไรถูกหลักการ อะไรผิดหลักการ แต่ปัญหาคือ เมื่อวันหนึ่งเขาเรียนจบออกไปเข้าสู่ระบบการทำงาน ความรักในความถูกต้องจะค่อยๆ หายไปโดยปริยาย ถามว่าเขารู้ไหม รู้ แต่ระบบกำลังบีบบังคับให้เขาต้องไม่กล้าที่จะขบถ กลายเป็นคนที่เขาเรียกกันว่า ‘อยู่เป็น’

    "วิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยตลอดสิบกว่าปีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมคิดว่า บ้านเมืองนี้จะอยู่แบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ มันควรจะต้องลงมาทำงานการเมือง จากงานทางวิชาการต้องมาทำในภาคปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อจะสร้างการเมืองแบบใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพราะการเมืองแบบใหม่ ทางเลือกแบบใหม่จะช่วยทำให้สังคมไทยออกจากวิกฤตการณ์ความขัดแย้งที่ฝังอยู่ในช่วงสิบกว่าปีนี้ได้"

    เวลาเราสอนหนังสือ ทำงานทางวิชาการ เราก็จะถามว่ามันมีประโยชน์ในการสร้างคนใหม่ๆ ออกไปไหม ผมคิดว่ามี แต่อย่างที่ผมพูดไป ถ้าระบบข้างนอกยังเป็นแบบเดิม กลุ่มคนจำนวนมากที่ออกไปจากรั้วมหาวิทยาลัยเขาก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เพราะเขาต้องอยู่ในระบบแบบนี้ ผมเลยคิดว่าสอนหนังสือในห้องเรียนไม่น่าจะพอแล้ว ต้องลงมาเปลี่ยนจากข้างนอกด้วย ไม่อย่างนั้นสอนหนังสืออย่างเดียวจะกลายเป็นการผลิตคนให้กลับไปทำงานในระบบนี้ด้วย

“ทศวรรษที่สูญหาย” มุ่งหน้าสู่ “ทศวรรษแห่งการทวงคืนอนาคต”

    การตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ก็คือการลาออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยตำแหน่งสุดท้าย รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 หลังรับราชการมาแล้วมากกว่า 16 ปี

    จริงๆ แล้วความคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองของปิยบุตรและกลุ่มเพื่อนๆ เริ่มต้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่มาเข้มข้นจริงจังมากขึ้นเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน บ้านเมืองเหมือนจะเดินกลับไปสู่ยุคสมัยที่ประชาชนไร้สิทธิ์และเสียงมากขึ้นทุกทีๆ เมื่อเขาสอนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญในชั้นเรียน มีนักศึกษาเป็นจำนวนมากที่เข้าใจจุดยืนอุดมการณ์ แต่แล้วเมื่อเรียนจบและไหลเข้าสู่ระบบ พวกเขาก็จนหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทางเดียวที่พอจะมีความหวังก็คือการต้องเปลี่ยนแปลงระบบนั้น

    อนาคตใหม่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของการนำพาประเทศออกจากวิกฤติ กลับคืนสู่หนทางประชาธิปไตย ยุติ “ทศวรรษที่สูญหาย” มุ่งหน้าสู่ “ทศวรรษแห่งการทวงคืนอนาคต”

ปลดล็อก ปรับโครงสร้าง เปิดโอกาส 

    ก่อนจะไปถึงรูปธรรมได้ อาจต้องพูดนามธรรมนิดนึง ทั้งหมดที่เราคิดออกมาในรูปที่เราเรียกกันว่า 3 ป. ปลดล็อก ปรับโครงสร้าง เปิดโอกาส ปลดล็อก หมายความว่า ประเทศนี้มีหินก้อนมหึมาอยู่ก้อนหนึ่งที่วางทับอยู่อย่างนี้ คนจำนวนมากถูกหินก้อนนี้ทับเอาไว้ ซึ่งมาในแง่ของโครงสร้างการเมืองการปกครอง รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ลงไปถึงระดับกฎกระทรวง ออกใบอนุญาตต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการโชว์พลังของมนุษย์ออกมา เต็มที่ คุณอาจจะยกมือยกนิ้วได้ขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่มีใครที่ยืนตัวตรงได้ เพราะก้อนหินนี้ทับเอาไว้ แต่จะมีคนที่อยู่รอบก้อนหินที่สามารถยืนได้ เมื่อเรามองขึ้นไปบนยอดก้อนหินก็มีคนไม่กี่คนนั่งอยู่ ดังนั้นต้องยกก้อนหินก้อนนี้ออก เพื่อจะทำให้คนที่อยู่ใต้ก้อนหินออกมายืนตรง

    ปรับโครงสร้าง โครงสร้างอำนาจไทยตอนนี้ไม่สมดุลกัน รวมศูนย์กันเกินไป มีไม่กี่กลุ่ม ส่วนราชการไม่กี่ส่วนที่มีอำนาจ แต่ส่วนอื่นๆ ไม่มี นโยบายเรื่องนี้คือเรื่องการกระจายอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้ใครๆ ก็พูดได้ ทุกพรรคการเมืองพูดหมด พูดมาโดยตลอด แต่ผมคิดว่าบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ แต่ละพรรคก็เคยได้เป็นรัฐบาลแล้ว การกระจายอำนาจก็อยู่แบบเดิม

"พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ" มีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไร

    ประชาธิปัตย์ ก็อย่างที่สังคมไทยพูดกัน เขามีความเป็นพรรคการเมืองที่มีความต่อเนื่องยาวนาน เคยผ่านจุดสูงสุดและต่ำสุดไปไม่รู้กี่ครั้ง เขาก็ยังอยู่แบบนี้ได้ ส่วนจุดอ่อนคือ ด้วยสภาพการณ์หลายปีที่ผ่านมาทำให้เขาปรับตัวให้เกิดความใหม่ได้อย่างไม่เต็มที่นัก ซึ่งผมก็คิดว่าถ้าเขาผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีบทบาทมากขึ้น การเมืองไทยก็จะสนุกขึ้น

    ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ที่ลือกันว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการหา ส.ส. เพื่อไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. สำหรับผมก็ดีเหมือนกันที่เป็นแบบนี้ มันจะได้ชัดเจน พูดกันง่ายๆ คือ เลือกพรรคอนาคตใหม่คุณได้อนาคตใหม่ เลือกพรรคที่สนับสนุน คสช. คุณก็ได้อนาคตเก่า

    อนาคตเก่า 20 ปีตามแผนยุทธศาสตร์ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และถ้านับตั้งแต่ 2549 จนหลังรัฐประหาร 2557 และมียุทธศาสตร์ชาติ พูดง่ายๆ คือภาพที่วาดไว้ทั้งหมดคืออนาคตเก่า ส่วนของเราที่กำลังทำตอนนี้ เราพยายามจะวาดภาพให้สังคมเห็นว่าอนาคตแบบใหม่ที่เรากำลังทำ 20 ปีข้างหน้าเป็นแบบใด แล้วพี่น้องประชาชนก็เลือก

อะไรคือความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ 

    หนึ่ง ผมคิดว่าการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ทำให้คนพอจะเชื่อได้ว่ากลับไปเลือกตั้งได้ไม่มากก็น้อย สอง ผมคิดว่าเราสามารถผลักดันเป็นคนกำหนดวาระให้กับการเมืองไทยได้ ยกตัวอย่างเช่น พอเราเปิดตัว แต่ละพรรคต้องกลับไปทำการบ้าน สรรหาคนรุ่นใหม่ออกมา ไม่ใช่คนหน้าเดิม หรือเราสามารถกำหนดวาระว่ารัฐธรรมนูญ 2560 เป็นปัญหา เราสามารถกำหนดวาระได้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเอากันให้ชัดว่าใครเป็นฝ่ายสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. ใครเป็นฝ่ายไม่สนับสนุน เราพยายามกำหนดขีดเส้นแบ่งการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่

มีทางออกอย่างไรเมื่อเจอปัญหาที่ต้องแก้ 

    ผมใช้สองวิธี หนึ่ง ผมไปนั่งดูกระจกตัวเองว่ายังได้อยู่นะ เรายังรู้อยู่ว่าเรายืนตรงไหน จุดยืนอะไร มีเป้าหมาย ยังรู้สึกว่านี่ยังเป็นเรา ไม่ใช่ขายวิญญาณให้ซาตานไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมถามตัวเองทุกวันเวลาตื่นขึ้นมา อีกวิธีที่โชคดีคือ ผมคุยกับภรรยาผม เขาก็เป็นนักวิชาการ อย่างน้อยที่สุดการกลับมามีชีวิตได้พูดเรื่องวิชาการคือตอนคุยกับภรรยาผม เขายังมานั่งคุยกับผม ซึ่งเป็นความฝันที่ผมชอบ นั่งคุย นั่งพูด อ่านหนังสือถกเถียงกัน อย่างน้อยที่สุดเราไม่ได้ขาดเรื่องนี้ไป เมื่อมีคนคาดหวังเยอะ ก็ย่อมตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องปกติ ยืนยันนะครับว่าทุกความเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์ผม ผมฟังตลอดเวลา.

บทสัมภาษณ์บางส่วนจาก one on one

ข้อมูลและภาพจาก thairath

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ