ชายวัยกลางคนเผย "แก่มาถึงได้เข้าใจ" ตอนหนุ่มๆ ทำตัวไม่น่ารักกับเมีย คิดได้ตอนนี้ก็เกือบสาย

LIEKR:

สุดท้ายแล้ว.. คนที่เราพึ่งพาได้ "ไม่ใช่ลูก" แต่คือ "คู่ชีวิต" ที่อยู่เคียงข้าง

        ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเวียนว่ายตายเกิด ในฐานะมนุษย์ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับคุณธรรมของตน ตอนหนุ่มสาวอย่าทำสิ่งที่ไม่ควรทำมากเกินไป มีคนบอกว่า สถานการณ์ชีวิตแต่งงานของคนสมัยนี้คือ วันนี้คุณใส่ใจดูแลฉัน แก่แล้วต้องใส่ใจดูแลตัวเอง ใครๆ ก็ต้องแก่ 

        จริงๆ สุดท้ายแล้วคนที่เราพึ่งพาได้ไม่ใช่ลูก แต่คือคู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้าง อายุ 51 ถึงได้เข้าใจ ตอนหนุ่มๆ ไม่ทำดีกับภรรยา แก่แล้วก็เลยต้องลำบากเอง

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า "อาเกา" ในวัย 51 ปีเหมือนเครื่องจักรที่ยังหมุนไม่ยอมหยุด จนประสบอุบัติเหตุ ถึงได้หยุดหมุนลง ช่วงเวลาที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เขาคิดถึงเรื่องราวมากมาย แต่ที่ทำให้เขาเสียใจที่สุด ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ภรรยาและลูกไม่สนใจเขา ถ้าพูดถึงเรื่องที่ภรรยาไม่สนใจเขา เขายังเข้าใจได้ เพราะตอนหนุ่มๆ เขาไม่เคยทำดีกับเธอ แต่ที่ลูกชายไม่สนใจ ทำให้เขาปวดใจมาก และถึงได้นึกออกว่า ความไม่รับผิดชอบของเขาก่อนหน้านี้ ทำร้ายครอบครัวนี้มากแค่ไหน

 

Sponsored Ad

 

        เมื่อก่อนอาเกาไม่เคยเห็นภรรยาในสายตา ถึงขนาดเคยด่าว่าทุบตี ยิ่งภรรยาอดทนไม่มีปากเสียง เขาก็ยิ่งได้ใจ คิดมาตลอดว่าภรรยาไปไหนไม่รอด แน่นอนว่าตอนเขาหนุ่มๆ ไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน ถ้าแก่แล้ว ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าชาตินี้จะไม่ป่วย ถ้าถึงตอนนั้น ใครจะมาดูแลตน ?

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

 

Sponsored Ad

 

        ตอนหนุ่มๆ อาเกาตัวใหญ่แข็งแรง ถึงแม้เขาจะคิดถึงปัญหานี้ ก็คงไม่พิจารณามันอย่างลึกซึ้ง และก็คงตอบไปว่า “ชาตินี้ผมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอะไรเธอ” ชีวิตแต่งงานแบบนี้ช่างน่าเศร้า ผู้หญิงคนนึงยอมเสียสละชีวิตวัยสาวให้สามี แต่กลับไม่ได้รับการตอบแทนอย่างที่คิด ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เธอมอบเวลาทั้งชีวิตให้ลูก ให้ครอบครัว ให้สามี แต่ไม่เคยให้ตัวเองเลย

        อาเกาเองก็ยอมรับ ความเย็นชาไร้จิตใจของตัวเอง ทำร้ายภรรยาอย่างมาก เขารู้สึกเสียใจที่ทำร้ายเธอ เพราะงั้นวันนี้ก็ไม่เรียกร้องอะไร

 

Sponsored Ad

 

        ผู้หญิงคนนึง ไม่ได้รับความรัก ไม่ได้รับความเอาใจใส่ ไม่ได้รับความเข้าใจ แถมยังต้องระวังทุกอย่าง ใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงว่าจะไปทำให้ใครไม่พอใจ ไม่ซาบซึ้งในความดีของภรรยา คิดว่าทุกสิ่งที่เธอดูแล เป็นแค่สิ่งที่ควรทำ

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

 

Sponsored Ad

 

        โดยเฉพาะหลายปีหลังมานี้ อาเกานิสัยแย่ลง ผู้ชายคนอื่นอายุยิ่งมากขึ้นก็ยิ่งมั่นคง อายุยิ่งมากขึ้นควบคุมอารมณ์ดีขึ้น แต่อาเกากลับตรงกันข้าม ยิ่งอายุมากขึ้น เขาก็ยิ่งหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย สุดท้ายอาเกาก็กดดันภรรยา จนฟางเส้นสุดท้ายขาดลง

        ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เขาก็แยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงขนาดนี้ ตอนนั้นเขามีความสุขเพลิดเพลินกับชีวิตตัวคนเดียว อาเกาทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เขารู้สึกว่าเขาหาเงินได้มาก สุขภาพก็แข็งแรงดี แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่า บนโลกใบนี้ผู้ชายที่หาเงินเก่งมีมากมาย คนที่สุขภาพแข็งแรงแต่อยู่ๆ ป่วยก็มีมากมาย คนเราสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องพึ่งพาคนรักของตัวเอง

 

Sponsored Ad

 

        ความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาจืดจางไป ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี เขาจะไปลงกับภรรยา ทุบโต๊ะ เก้าอี้ ทำหน้าบึ้งตึง หลายครั้งที่ภรรยาร้องขอแยกออกไปเช่าอยู่ แต่ก็ถูกลูกชายขอร้องไว้ ใครจะไปทนอารมณ์แบบนี้ได้ หลายปีหลังนี้ภรรยาสุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทุกวันๆ

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

Sponsored Ad

        ก่อนหน้านี้มีอยู่ช่วงที่อาเกาป่วย แม้ว่าความสัมพันธ์กับภรรยาจะไม่ดี แต่ภรรยาก็ไม่อยากให้คนนอกนินทา ยังอดทนมาดูแลเขาที่โรงพยาบาล แต่แน่นอนว่าทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้ดูแลด้วยใจ เห็นหน้าภรรยาที่ปิดบังความเกลียดชังและรังเกียจไว้ไม่มิด อาเกาก็เงียบไป

        วันแรกที่นอนโรงพยาบาล แค่เพราะว่าภรรยาซื้ออาหารมาไม่ถูกปาก ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาก็ปัดทุกอย่างลงพื้น ไม่มีใครชื่นชม ไม่มีใครเข้าใจ ว่าในใจคนแบบนี้กำลังคิดอะไร และไม่มีใครรู้ ต้องทำยังไง เขาถึงจะพอใจ

        ก่อนหน้าพูดไว้แล้วว่าจะไม่พึ่งพาภรรยา แต่ตอนนี้ก็ยังต้องพึ่งเธอ เขาคิดว่าตัวเองยังมีลูกชาย ปรากฏว่าความไม่ใยดีที่ลูกชายมีต่อเขา ทำให้ความหวังทั้งหมดของเขาพังทลาย และเพิ่งเข้าใจ คนเรามีเกิดเรื่องขึ้นมา ก็ทำได้แค่พึ่งพาภรรยาเท่านั้น

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        อาเกาคิดตก อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายซะทีเดียว ต้องถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับเขา แม้ว่าจะยังอารมณ์เสียอยู่บ้าง แต่ก็ปรับปรุงตัวได้มากขึ้นมากๆ แล้ว อาเกาพูดไว้เองว่า “จนอายุ 51 ถึงได้เข้าใจว่า ตอนหนุ่มๆ ไม่ดูแลภรรยาให้ดี พอแก่แล้วก็ทรมานเอง”

        พูดกันแฟร์ๆ ภรรยาได้ทำหน้าที่ของตัวเองดีพอแล้ว โดนกระทำมาขนาดนั้น พอสามีเจอปัญหา ก็ยังไม่จากไปและอยู่ดูแล ต้องเข้าใจก่อนว่า นี่ไม่ใช่แค่เข้ากันไม่ได้แล้ว แต่เป็นการทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ

        นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง แต่น้อยคนนักที่จะมีสติเท่าทัน อย่าไปคิดว่ามีลูกแล้วจะพึ่งพาได้ คนในครอบครัวก็จัดการได้แค่เรื่องในครอบครัวตัวเองเท่านั้น ความจริงง่ายๆ ข้อนี้ อายุตั้งเยอะแล้วยังไม่เข้าใจอีกหรอ? ลูกๆ ช้าเร็วเค้าก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง พอมีครอบครัวแล้ว ก็จะให้ความสำคัญไปที่ครอบครัวของตัวเอง

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

        พลังของคนๆ หนึ่งมีขีดจำกัด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง นี่ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เป็นความจริง นี่ไม่ได้บอกว่าลูกพึ่งพาไม่ได้ แต่ในสถานการณ์ทั่วไป ลูกๆ ก็ไม่มีความสามารถและเวลามาดูแลคุณ ถึงเวลานี้ ก็ทำได้แค่พึ่งพาคนรัก จริงๆ แล้วคนเราชีวิตนึง ไม่ได้มีชีวิตเพื่อพ่อแม่ ไม่ได้มีชีวิตเพื่อลูก แต่มีชีวิตเพื่อคนรัก

        หัวใจของคนเราเป็นก้อนเนื้อ โดนทำร้ายก็จะเจ็บปวด ได้รับความรักก็จะซาบซึ้ง ทุกครั้งที่ทำเรื่องทำร้ายอีกฝ่ายเรื่องหนึ่ง อีกฝ่ายก็จะทำเรื่องแสดงความรักต่อคุณลดไปเรื่องหนึ่ง ความสัมพันธ์ของทุกอย่างบนโลกมีความสมดุล คุณดีกับฉัน ฉันถึงจะดีกับคุณ ตอนยังหนุ่มสาว อย่ามองข้ามความจริงใจของอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นพอแก่แล้ว ต่อให้เสียใจก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

        เพราะคนเราเมื่อจิตใจมันเย็นชาไปแล้ว ก็กลับมาอบอุ่นใหม่อีกไม่ได้ ของเหล่านี้เกิดขึ้นแล้วย้อนกลับไม่ได้ ให้ความสำคัญกับความหนุ่มสาว ก่อนที่มันจะสายเกินไป ดูแลคนรักของตัวเองดีๆ เวลารักก็รักกันให้มากๆ ไม่รักแล้วก็เดินจากมา ไม่มีใครผูกติดกับใคร เมื่อใครสักคนเดินจากไป ก็ยังสามารถมีชีวิตได้อย่างดี


บทความที่คุณอาจสนใจ