เขาเรียนจบแค่ม.ต้น แต่ทำอาชีพที่เสี่ยงที่สุด แถมเพื่อนร่วมงานระดับดร.ยังเรียกเขาว่า "เทพ"

LIEKR:

เขาเรียนจบแค่ม.ต้น แต่ทำอาชีพที่เสี่ยงที่สุด แถมเพื่อนร่วมงานระดับดร.ยังเรียกเขาว่า "เทพ"

      เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า Hong Xinjie ชาวเมืองหนานโถว ประเทศไต้หวันวัย 45 ปี เขามีอาชีพที่อันตรายที่สุดในไต้หวัน นั่นคือ “นักล่าต้นไม้” ทุกๆ ปีประมาณ 100 วันเขาจะใช้เวลาในป่าตามลำพัง

      รับผิดชอบในการรวบรวมพืชที่ใกล้สูญพันธุ์และนำกลับไปยังศูนย์อนุรักษ์เพื่อการเพาะปลูก เขาอาจจะถูกงูกัดเมื่อไหร่ก็ได้ หรืออาจจะตกจากต้นไม้สูงเท่าตึก 4 – 5 ชั้น… แม้ว่าเขาจะเรียนจบแค่ม.ต้น แถมยังเคยขโมยต้นไม้มาขายเอาเงิน 

 

Sponsored Ad

 

      แต่ Hong Xinjie กลับสามารถทำงานร่วมกับกลุ่มดอกเตอร์มากมาย ถามยังได้รับสมญานามจากเพื่อนร่วมงานว่า “เทพ Jie”

 

Sponsored Ad

 


      หลายอย่างที่นักพฤกษศาสตร์หลายคนอยากทำแต่ทำไม่ได้ เขาก็รับทำให้หมด เขาสามารถกระโดดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่งได้อย่างสบายๆ ดวงตาเหมือนเครื่องสแกนเนอร์ แค่มองแว๊บเดียวก็สามารถระบุชนิดและสถานะของพืชได้อย่างรวดเร็ว

      อา Jie ไม่ได้แต่งงาน และไม่คิดจะแต่งงาน : “ชีวิตแต่งงานต้องรับผิดชอบ ผมรักการเก็บรวบรวมพันธุ์พืชมากเกินไป วันหนึ่งผมคงจะตายในภูเขา”

 

Sponsored Ad

 

      ที่ Gaoshu จังหวัด Pingtung ประเทศไต้หวันมีศูนย์อนุรักษ์พืชเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก Dr. Cecilia Koo Botanic Conservation Center (KBCC) ที่นี่มีพันธุ์พืชกว่า 32,587 ชนิด ปัจจุบันนี้ไต้หวันมีบันทึกพันธุ์พืชไม่ถึง 5,000 ชนิด ที่นี่มีกล้วยไม้ มอส บิโกเนีย (begonia) และอื่นๆมากมายเป็นอันดับ 1 ของโลก

 

Sponsored Ad

 

เรือนกระจกในศูนย์ดูแล


      อา Jie ในวัย 45 ปี ทำงานที่นี่มาปีกว่าแล้ว เป็นผู้ช่วยวิจัยพิเศษและนักล่าพันธุ์พืชในศูนย์อนุรักษ์

      ตอนที่พวกเราได้พบอา Jie เขากำลังสวมแว่นตรวจสอบพันธุ์พืชในห้องเย็นที่อุณหภูมิคงที่ที่ 24 องศาเซลเซียส ก่อนหน้านี้ครึ่งเดือน เขาอยู่ในถิ่นทุรกันดารไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่อาศัยของพืชเขตร้อนทั่วโลกได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง อา Jie นำ พืชที่ใกล้สูญพันธุ์จำนวนมากออกมาจากป่า เพื่อนำมาดูแลในศูนย์อนุรักษ์

 

Sponsored Ad

 

.

ส่วนกล้วยไม้ในศูนย์อนุรักษ์


      เพื่อนร่วมงานของอา Jie ล้วนจบการศึกษาสูงๆอย่างต่ำ ก็ป.โท ป.เอก แต่ตัวอา Jie เองกลับจบแค่ม.ต้น แต่เพื่อนร่วมงานในศูนย์อนุรักษ์ล้วนชื่นชมเค้า และให้สมญานามว่า “เทพ Jie”

      นั่นก็เป็นเพราะ หลายๆเรื่องที่นักพฤกษศาสตร์ทำไม่ได้ อา Jie ทำได้หมด เพื่อที่จะรวบรวมพันธุ์ไม้ เขาเคยปีนต้นไม้มาเป็นพันๆต้น บางต้นสูงกว่าตึก 4-5 ชั้น และสามารถกระโดดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปอีกต้นได้อย่างสบายๆ

 

Sponsored Ad

 

      ศาสตราจารย์ Li Jiawei CEO ของศูนย์อนุรักษ์กล่าวว่า เห็นอา Jie ปีนต้นไม้ใหญ่ ที่แม้แต่คนในท้องถิ่นยังไม่กล้าปีนเพื่อไปเก็บต้นไม้ เอาต้นไม้พันรอบลำตัว ก็เหมือนได้เห็นได้เห็นนักล่าพันธุ์ไม้ชาวตะวันตกที่มีชื่อ

      ตอนมาทำงานที่นี่ปีแรก อา Jie ก็เก็บพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ได้ 1,500 ชนิด เพาะ 15,000 ตัวอย่างขึ้นมา และกลายเป็นคนที่รวบรวมตัวอย่างต้นไม้จากต่างประเทศที่มากที่สุดในไต้หวัน

Sponsored Ad

จากคนที่ขโมยต้นไม้ไปขาย กลายเป็นคนที่รักต้นไม้ดั่งชีวิต

      ตั้งแต่เล็กๆอา Jie ก็ชอบไปเก็บพันธุ์ไม้ต้นไม้ตามที่ต่างๆ จากนั้นก็เอามาปลูกที่บ้าน ปีที่เขาอายุ 17 ปี เขาได้พบกับพ่อค้ากล้วยไม้ จึงขายไปหลายต้นและได้เงินมามากพอที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์คันใหม่

      พอได้รู้วิธีหาเงิน อา Jie ที่บ้านฐานะไม่ดี จึงเริ่มต้นขโมยต้นไม้มาขายนับแต่นั้น เพื่อที่จะเข้าไปเก็บกล้วยไม้ เขาต้องเข้าไปทั้งในป่าลึก และภูเขาสูง

      ภาพในป่าลึกของ Taitung หลังจากเดินเท้าเข้าไป 5 วัน

      อา Jie ถ่าย Thismia hongkongensis ที่เกือบจะสูญพันธุ์

      ยิ่งเก็บพันธุ์ไม้มากเท่าไหร่ อา Jie ก็ยิ่งชอบดอกไม้พันธุ์ไม้ในป่ามากเท่านั้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าพันธุ์ไม้แต่ละต้นมีชื่อเรียกว่าอะไร ขึ้นอยู่ที่ไหน เขาจึงแปะภาพประกอบพันธุ์พืชไว้เต็มหัวเตียง และในห้องน้ำ เขาถึงขนาดท่องจำได้เป็นเล่มๆ อา Jie เริ่มค่อยๆเลิกการขายต้นไม้ “จะพูดยังไงก็เก็บมากับมือ เอาไปขายก็เสียดาย”

Phalaenopsis equestris

      ปี 2009 เมื่อทำการสำรวจทรัพยากรบนเกาะ Xiao-lan Yu ทางตะวันออกของไต้หวัน อา Jie ก็พบกล้วยไม้ที่หายากชนิดหนึ่ง ชื่อว่า “Phalaenopsis equestris” มันเป็นพันธุ์ไม้ที่ถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว

      ตอนนั้นมีนักธุรกิจให้ราคา 5 หมื่นเหรียญดอลล่าห์ไต้หวัน (5 หมื่นบาท) อา Jie ก็ไม่ยอมขาย ต่อมาเขาเอากล้วยไม้ชนิดนี้ไปมอบให้ศูนย์อนุรักษ์ เนื่องจากศูนย์อนุรักษ์มีความสามารถในการเพาะพันธุ์

      “คนส่วนใหญ่มองพืชจากคุณค่าของมัน เช่นเป็นไม้ประดับ มีประโยชน์ แค่อยากรู้ว่ามันคืออะไร เมื่อไหร่จะออกดอก ออกผล เนื่องจากไม่สามารถควบคุมผลของการค้นหาได้ จึงต้องทำการเพาะพันธุ์ ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องหาเงิน”

สวนที่อา Jie เช่าไว้

      ปี 2005 อา Jie เช่าสวนขนาด 9000 ตร.ม.ไว้ปลูกต้นไม้ โดยตอนมีพันธุ์ไม้มากกว่า 3,000 ชนิด ทุกเดือนค่าเสียค่าไฟ 6 หมื่นไต้หวันดอลล่าห์ (6 หมื่นบาท) เขาจึงต้องไปรับจ้างทำงาน เงินที่หามาได้ก็เอามาเลี้ยงต้นไม้ บางครั้งตัวเองถึงกับไม่มีเงินกินข้าว

อา Jie ในวัย 44 ปีมีอาชีพมั่นคงอาชีพแรกในชีวิต

      นับตั้งแต่อายุ 23 ปีหลังเกณฑ์ทหารเสร็จอา Jie ก็รับจ้างทำงานสารพัดชนิด เช่นวิศวกรรมภูมิทัศน์ ซ่อมอนุสาวรีย์ สำรวจทรัพยากรป่าไม้ แต่ก็ไม่เคยมีงานมั่นคง จนเมื่ออายุ 44 เขาก็ได้งานประจำงานแรกในชีวิต นักล่าพันธุ์พืชของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์พืชเขตร้อน

.

พืชบนหมู่เกาะโซโลมอน

      โอกาสที่จะได้งานนี้เป็นโครงการที่เรียกว่า "โครงการโซโลมอน"

      หมู่เกาะโซโลมอนในแปซิฟิกใต้มีพันธุ์พืบเมืองร้อนที่อุดมสมบูรณ์มาก หลังจากที่มีการพัฒนาป่าฝน พืชก็ค่อยๆสูญเสียที่อยู่อาศัยของพวกมัน ศูนย์อนุรักษ์ต้องการนำพืชเหล่านั้นกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่ออนุรักษ์

      2 ปีแรกที่โปรเจคนี้เริ่มขึ้น เพื่อนในศูนย์อนุรักษ์ก็แนะนำให้อา Jie เข้าร่วม แต่เพราะว่าเขามีวุฒิการศึกษาแค่ม.ต้น จึงถูกปฏิเสธโดยมูลนิธิความร่วมมือระหว่างประเทศสองครั้ง ต่อมา จำนวนของพืชที่เก็บรวบรวมโดยทีมงานไม่เป็นที่น่าพอใจ เพื่อนจึงหาหนทางให้อา Jie เข้าไปทำด้วย นึกไม่ถึงว่าเพียงปีแรก พันธุ์ไม้ที่อา Jie เก็บรวบรวมคนเดียวก็มากกว่าครึ่งนึงของทั้งทีมรวมกัน

อา Jie กับเฟิร์นที่ยาวที่สุดในโลก

      “ผมยืนอยู่บนต้นไม้อย่างสงบ ผมสามารถเดินไป สแกนไป เหมือนเครื่องสแกนเนอร์ ออกดอก ออกผล ผมจำได้ตั้งแต่แว่บแรก และจะไม่เก็บไปซ้ำกัน”

      ดังนั้น ศาสตราจารย์ Li Jiawei ผู้บริหารระดับสูงของศูนย์อนุรักษ์จึงได้เชิญอา Jie เข้าร่วมศูนย์อนุรักษ์อย่างเป็นทางการ “อา Jie รู้จักพืชพันธุ์ของไต้หวันดีมาก บนเกาะห่างไกล บนภูเขาสูง เขาก็รู้หมดว่าพันธุ์พืชแบบไหนขึ้นอยู่ในพื้นที่แบบไหน เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะพบพืชใกล้สูญพันธุ์ น้อยคนนักที่เห็น และช่วยเหลือมัน"

โดนแตนโจมตี

อาชีพที่อันตรายและลำบากที่สุดในไต้หวัน

      นักล่าพันธุ์พืช อาจจะเป็น อาชีพที่อันตรายและลำบากที่สุดในไต้หวัน อา Jie ต้องใช้เวลาในป่าลึกปีละกว่า 100 วัน

      ก่อนที่พวกเราจะไปเยี่ยมอา Jie หนึ่งเดือน เขาถูกงูกัดขณะไปเก็บพันธุ์ไม้ที่เกาะ Lanyu เขาใช้น้ำล้างแผลด้วยตัวเอง จากนั้นก็เดินออกมาจากป่า ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่อนามัยให้หมอรักษา โดยทำทุกอย่างเพียงคนเดียว

พบงูชนิดต่างๆในป่า / ภาพโดย Hong Xinjie

      ตอนนี้งานของอา Jie มีสองส่วนหลักๆ หนึ่งคือ การเก็บรวบรวมพืชที่ใกล้สูญพันธุ์และนำกลับมาปลูก สองคือเก็บตัวอย่าง บันทึกสภาพแวดล้อมของพืชที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต

      ป้ายของศูนย์อนุรักษ์เป็นสีขาว มีแต่ของอา Jie เป็นสีส้ม เนื่องจากอา Jie อยากมองแล้วรู้เลยว่าพันธุ์ไม้ที่ตัวเองเอากลับมาคืออันไหน และจะได้รู้ว่าคนอื่นดูแลต้นไม้มั้ย

      ถ้าขึ้นเขา 3 วัน ปกติจะแบกสัมภาระ 20 กก. พอเก็บต้นไม้ลงมา ก็จะมีน้ำหนักรวม 40 กก. ทุกเย็นก็ต้องหาสถานที่ตั้งแคมป์ และจัดการต้นไม้ เพราะว่าตัวอย่างยิ่งแห้งเร็วยิ่งดี ปกติอา Jie จะจัดการจนถึงเที่ยงคืนกว่า หรือบางทีก็ตี 2 วันต่อมาก็ปีนเขาเก็บต้นไม้ต่อ

อา Jie แบกสัมภาระขึ้นเขา

      บนเขาไม่มีป้ายบอกทาง หลงทางง่ายมาก ตอนแรกๆหลงทางไปหลายรอบ ร้องไห้แทบตาย แต่ต่อมาก็ชินซะแล้ว สำหรับอา Jie แล้ว อยู่ในป่าไม่มีวันอดตาย มีพืชผักมากมาย แมลงก็กินได้ แม้ว่าจะเป็นวันฝนตก ขอแค่มีกระดาษทิชชูสักแผ่น เขาก็สามารถจุดไฟได้

      อา Jie เล่าว่า ประสบการณ์ที่อันตรายที่สุดก็คือ ครั้งที่ไปเกาะ Lunyu เพื่อเก็บ Vanda lamellate ต้นหนึ่ง มันขึ้นอยู่บนหน้าผา ที่ตั้งฉาก 90 องศา ตอนขึ้นไปใช้เวลา 1 ชั่วโมง ขาลงอีก 1 ชั่วโมง “ที่ยากที่สุดคือจะลงยังไง ผมอยู่ที่จุดสูงสุดมองอยู่นาน ดูดบุหรี่ไป 5-6 มวนได้ ถึงได้กล้าพอ”

      Vanda lamellate กำลังใกล้สูญพันธุ์ บนโลกนี้เหลือแค่ 230 ต้น ต้นที่อา Jie เล่าให้ฟังน่าจะเป็นต้นที่ไปเก็บง่ายที่สุด ที่เหลือต้องมีปีกเหมือนนกถึงจะไปเอามาได้

      อา Jie ยังไม่ได้แต่งงาน “ชีวิตแต่งงานต้องรับผิดชอบ ผมรักการเก็บรวบรวมพันธุ์พืชมากเกินไป วันหนึ่งผมคงจะตายในภูเขา”

เรียนม.ปลายตอนอายุ 41 ปี เป็นเพื่อนกับเด็กอายุ 17

      อา Jie หมดความมั่นใจ เมื่อตอนที่วุฒิการศึกษาเขาต่ำเกินไปเลยถูก “โครงการโซโลมอน” ปฏิเสธ เขาจึงตัดสินใจลงทะเบียนเรียนภาคค่ำเทียบเท่ากับโรงเรียนมัธยม เริ่มต้นเรียนหนังสืออีกครั้ง

      ตอนนั้นอา Jie อายุ 41 ปีแล้ว เพื่อนร่วมชั้นเป็นเด็กอายุ 16-17 ปี เขาต้องใส่เครื่องแบบนักเรียนม.ปลาย สะพายกระเป๋า เวลาจะลาเรียนยังต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง แม้ว่าอา Jie จะตั้งใจเรียน แต่พอถึงม.6 ก็ต้องดร็อป

      “ผมไม่เข้าใจวิชาเลขจริงๆ การเรียนไม่ใช่ทางของผม ชาตินี้ผมคงจะเป็นนักพฤกษศาสตร์ไม่ได้ ผมจะใช้ความสามารถทั้งหมดของผมช่วยพวกเขา บันทึกตัวอย่างที่เก็บรวบรวมไว้อย่างชัดเจน และให้ข้อมูลเบื้องต้นนี่ คือสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ”

อา Jie ใช้ปากกาวาด

      ประสบการณ์ “การเรียนตอนอายุมาก” ทำให้อา Jie ค้นพบอีกความสามารถหนึ่งของตัวเอง เนื่องจากเวลาเรียน เพื่อนในห้องจะเอะอะโวยวาย ตอนที่โดนรบกวน เขาก็เริ่มวาดภาพต้นไม้ ก็จะทำให้จิตใจสงบลงมาได้

.

      อา Jie รู้สึกว่า ก่อนที่ตาเขาจะเริ่มพร่ามัว เขายังสามารถกระโดดจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นได้ ถ้าแก่แล้วไม่มีปัญหาปีนเขา เขาก็คิดจะเป็นนักวาดภาพต้นไม้

      “พันธุ์พืชที่หาไม่พบสักทีจะตราตรึงอยู่ในสมองผม อยากคิดจะออกไปหาตลอดเวลา ลักษณะของมันไม่ต้องดูรูปผมก็วาดออกมาได้สวย”

      ที่อยู่อาศัยของพืชเขตร้อนได้ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ตามการประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม หนึ่งในสามของพืชทั้งหมดจะสูญพันธุ์ไปปลายศตวรรษนี้ งานของศูนย์อนุรักษ์ก็คือการแข่งกับเวลา เอาพวกมันกลับมาดูแล รักษาความหลากหลายทางชีวภาพบนโลก

      อา Jie เล่าว่า การไปเก็บพันธุ์ไม้สมัยก่อน ก็เพื่อความพอใจของตัวเอง และทำให้ต้นไม้ตายไปมากมาย แต่ตอนนี้สามารถเก็บกลับมาได้อย่างสบายใจ เพราะ ศูนย์อนุรักษ์มีระบบที่ดีที่สุดในการดูแลในไต้หวัน

โซนเฟิร์น

      ปัจจุบันศูนย์อนุรักษ์อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ "พันธุ์ไม้ 100 ชนิด"  ก่อนอื่นเลยเก็บพันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์กลับมา ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี จะเพิ่มจำนวนจาก 100 เป็น 1,000 จากนั้นก็เอากลับไปปลูกที่เดิม หรือส่งไปที่ สวนพฤกษศาสตร์ที่สำคัญของโลก

      ในอนาคตถ้ามนุษย์ต้องการที่จะสร้างระบบนิเวศที่ถูกทำลายอีกครั้ง พืชเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์ เพราะพืชถูกรักษาไว้แล้ว ถึงสามารถพูดถึงเรื่องสัตว์และอื่นๆได้

      เอา อวัยวะของพืช หรือ โครงสร้างของพืชใส่ลงในไนโตรเจนเหลว

      นอกจากตัวอย่างแล้ว อา jie ยังผ่าอวัยวะของพืช เอาใส่ไว้ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศา เพื่อแช่แข็งทันที ปกป้องยีนของพืชไว้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้ นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อไปได้ศึกษา

ป่าลึกใน Taitung ที่อา Jie ถ่าย

      “ผมรู้สึกว่าผมเหมาะกับป่าลึกที่สุด มีความฝันเหมือนเด็ก มีความรู้สึกร่ำรวย ในสังคมผมเป็นคนจน แต่ในป่า ของที่ปกติผู้คนไม่เคยเห็น เหมือนเป็นสิ่งที่ผมซ่อนไว้ ผมจะคิดฝันเอาว่ามันเป็นของผม คิดว่าต้นไม้อายุ 3 พันกว่าปีเป็นของผม ผมก็เลยร่ำรวยมาก”

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ