LIEKR:
มีบางคนชอบบ่นเป็นประจำว่า เมื่อคืนเป็นตะคริวตอนนอนอีกแล้ว เป็นเพราะขาดแคลเซียมหรือเปล่า?
ช่วงนี้แขนชาตลอดเลย เกิดอะไรขึ้น? จริงๆ แล้วการที่ร่างกายเป็นเหน็บชาบ่อยๆเป็นสัญญาณเรียกข้องจากข้างในร่างกายที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด!
Sponsored Ad
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
อาการดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ต้องระวัง :
- แขนซ้ายปวด เมื่อย ชา : อาจมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
Sponsored Ad
- เป็นตะคริวที่น่องเวลานอน : อาจมีปัญหาเกี่ยวกับตับ
- ปวดหัวข้างเดียว : อาจมีปัญหาเกี่ยวกับม้ามและกระเพาะอาหาร
- ไม่มีเสียง เสียงแหบ : อาจมีปัญหาเกี่ยวกับไต
นอกจากไปพบแพทย์แล้ว เราสามารถเลือกทานอาหารและกดจุดเพื่อขับพิษในร่างกาย
อาหารขับพิษในไต :
1. ฟัก
ฟักอุดมไปด้วยน้ำ หลังเข้าสู่ร่างกาย มันจะกระตุ้นไตให้ปัสสาวะมากขึ้น เป็นการขับสารพิษออกจากร่างกาย สามารถนำไปปรุงโดยการแกงจืดหรือผัดก็ได้ แต่พยายามให้รสเบาบาง
2. ฮวยซัว หรือ ห่วยซัว (Chinese yam)
Sponsored Ad
แม้ว่าฮวยซัวจะช่วยบำรุงอวัยวะหลายๆส่วนได้ในเวลาเดียวกัน แต่ก็ยังบำรุงไตมากที่สุด การรับประทานฮวยซัวเป็นประจำจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของไตในการขับพิษ การเอาไปเชื่อมเป็นวิธีการกินที่ดี เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านพิษ
จุดล้างพิษในไต : จุด Yongquan
เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในร่างกายมนุษย์ ถ้าสมมติว่าร่างกายเป็นตึกสูง จุดนี้ก็คือท่อระบายน้ำเสียนั่นเอง การนวดเบาๆที่จุดนี้เป็นประจำสามารถช่วยขับพิษได้
ตำแหน่งของจุด Yongquan อยู่ที่ 1/3 ของฝ่าเท้าจากโคนนิ้วเท้า (ไม่นับนิ้วเท้า) เป็นจุดที่เซนซิทีฟมากเวลานวดอย่าออกแรงเยอะ นวดให้พอรู้สึกก็เพียงพอแล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกดนวดก็คือประมาณ 5 นาที
Sponsored Ad
เวลาที่ไตขับพิษได้ดีที่สุดคือ ตี 5 – 7 โมงเช้า หลังจากร่างกายได้รับการพักผ่อนมาทั้งคืน พอถึงตอนเช้าตรู่พิษก็จะมารวมกันที่ไต เพราะงั้นตอนเช้าตรู่ควรจะดื่มน้ำเปล่าสัก 1 แก้ว เพื่อช่วยในการทำความสะอาดไต
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
Sponsored Ad
ขับพิษในตับ กินอาหารสีเขียว
กินอาหารสีเขียว : แพทย์แผนจีนเชื่อว่า อาหารสีเขียวจะช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น ลดความเหนื่อยล้า และความเครียดทางอารมณ์ และยังช่วยตับขับพิษด้วย แพทย์แผนจีนแนะนำให้กินส้มหรือมะนาว โดยการหั่นทั้งเปลือกเอามาทำเป็นน้ำแช่ส้มหรือมะนาวแล้วดื่มก็เพียงพอแล้ว
โกจิเบอร์รี่ (เก๋ากี้) ช่วยเพิ่มความทนทานให้ตับ : นอกจากขับพิษแล้ว ก็ยังต้องเพิ่มความสามารถในการต่อต้านพิษให้ตับด้วย ซึ่งเก๋ากี้เป็นอาหารที่ได้รับการแนะนำ มันมีคุณสมบัติปกป้องตับ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทนต่อสารพิษ การรับประทานโดนการเคี้ยวเป็นเม็ดๆดีที่สุด โดยกินวันละกำมือเล็กๆ
Sponsored Ad
จุดนวดเพื่อขับพิษในตับ : จุด Taichong บนหลังเท้าวัดจากโคนนิ้วขึ้นมา 1-2 ข้อต่อนิ้วมือ ใช้นิ้วหัวแม่มือนวด 3-5 นาทีจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย อย่าออกแรงมากเกินไป ทำสลับกันทั้ง 2 เท้า
น้ำตาช่วยขับพิษ
Sponsored Ad
เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้ ผู้หญิงจะอายุยืนมากกว่า แพทย์แผนจีนเชื่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับน้ำตา และในปัจจุบันก็ได้รับการยืนยันจากแพทย์แผนตะวันตก การหลั่งของน้ำตา เหงื่อ ปัสสาวะ เป็นการบ่งบอกว่าร่างกายมีสารพิษ เพราะงั้นเวลาเศร้า หรือฟังเพลงซึ้งๆจะร้องไห้ออกมาบ้างก็ดีกับร่างกาย
ขับพิษที่หัวใจ
1. กินอาหารขมๆ เพื่อขับพิษ
ขอแนะนำเม็ดบัว ไส้จะมีรสชาติขม ช่วยดับร้อนในใจ ถือว่าเป็นอาหารขับพิษในใจที่ดีที่สุด สามารถเอามาชงเป็นชา โดยชงพร้อมกับใบไผ่และปักคี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับพิษ
2. นวดจุดขับพิษหัวใจ
จุด shaofu อยู่บนฝ่ามือ โดยเมื่อกำมือจะอยู่ระหว่างปลายนิ้วนางกับนิ้วก้อย กดนวดบริเวณจุดนี้โดยไม่ต้องออกแรงเยอะ สลับทั้ง 2 ข้าง
3. กินถั่วเขียวช่วยขับพิษออกทางปัสสาวะ
ถั่วเขียวช่วยขับความร้อนออกทางปัสสาวะ ขับสารพิษออกจากหัวใจ เวลากันต้องกินเม็ดถั่วเขียวจริงๆ เช่นถั่วเขียวต้มน้ำตาล ไม่ใช่ถั่วเขียวที่เอามาบดทำขนมแล้ว
สามารถกินเป็นประจำเพื่อบำรุงหัวใจ ส่วนอาหารอย่างอื่นที่ช่วยในการขับพิษก็มีเช่นฮกเหล็ง ถั่ว ถั่วเหลือง งาดำ พุทรา เม็ดบัวและอื่นๆ
(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)
เวลาขับพิษของอวัยวะอื่นๆในร่างกาย
1. สามทุ่ม-ห้าทุ่ม เป็นเวลาการขับพิษระบบภูมิคุ้มกัน (น้ำเหลือง) เวลานี้ควรจะสงบหรือฟังเพลง
2. ห้าทุ่ม-ตีหนึ่ง เป็นเวลาการขับพิษของตับ ต้องนอนหลับให้สนิท
3. ตี 1 - ตี 3 เป็นเวลาการขับพิษของถุงน้ำดี ต้องนอนหลับให้สนิท
4. ตี 3 - ตี 5 เป็นเวลาการขับพิษของปอด เป็นสาเหตุว่าทำไมผู้ที่มีอาการไอจะไอช่วงนี้หนักมากเพราะสารพิษขับออกมาทางปอด
5. ตี 5 – 7 โมงเช้า เป็นเวลาการขับพิษของลำไส้ใหญ่ ต้องขับถ่าย
6. 7 – 9 โมงเช้า เป็นเวลาที่ลำไส้เล็กดูดซับสารอาหารได้เป็นปริมาณมาก ต้องรับประทานอาหารเช้า คนที่กำลังรักษาร่างกายจากอาการเจ็บป่วยต้องรับประทานอาหารเช้า ตั้งแต่ก่อน 6 โมงครึ่ง คนทั่วไปที่ต้องการดูแลสุขภาพควรทานอาหารเช้าก่อน 7 โมงครึ่ง ใครที่ไม่กินอาหารเช้าควรจะเปลี่ยนลักษณะนิสัยใหม่ เพราะแม้ว่าจะกินตอน 9-10 โมงก็ดีกว่าไม่กิน
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR