LIEKR:
สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า นักเขียนบทละคร ผู้อำนวยการกำกับชาวไต้หวัน หวูเนี่ยนเจิน วัย 67 ปี ในอดีตได้กำกับภาพยนตร์ยอดนิยมและละครเวทีที่มีชื่อเสียงมากมาย และนอกเหนือจากความสามารถในการเขียนและถ่ายทำฉากหลังที่ดีมากแล้ว เขายังเป็นนักเล่านิทานที่ดีอีกด้วย รับถ่ายโฆษณา เข้าร่วมกิจกรรมสวัสดิการสาธารณะ เขามีภาพลักษณ์ที่สดใสและมองโลกในแง่ดีมาก
ที่จริงหลายคนไม่รู้ว่า ชีวิตในช่วงวัยเด็กของเขานั้นต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความต า ย มาแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ เขายังมีประสบการณ์และได้รู้ได้เห็นอะไรมาก็มากมาย ดังนั้นเขาจึงเริ่มวางแผนชีวิตก่อนและหลังความ ต า ย ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน
Sponsored Ad
เขาเคยให้สัมภาษณ์ประสบการณ์ชีวิตในวัยเยาว์ของตนเองว่า ในอดีตเขาเป็นลูกชายของคนขุดแร่ เขาเฝ้าดูพ่อและลุงในละแวกบ้านของเขาเข้าและออกจากอุโมงค์หรือถ้ำเป็นประจำ และก็เคยมี อุ บั ติ เ ห ตุ ที่เกิดขึ้นกับลุงและคนอื่นๆอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เขาเริ่มชินชากับการต า ย จากแล้ว
Sponsored Ad
ไม่เพียงแค่นั้น ภายหลังพ่อของหวูเนี่ยนเจินก็มาจากประสบปัญหา โ ร ค ป อ ด ร้ า ย แ ร ง เนื่องจากการทำงานสุดท้ายก็ต้องจากไป และผ่านไป 2 ปีแม่ของเขาก็จากไปเห มือนกัน เขาต้อง สู ญ เ สี ยคนรักไปในระยะเวลาอันสั้น และได้เห็นประสบการณ์ความเ จ็ บ ป ว ด ทำให้เขามีความเห็นอกเห็นใจเมื่อเห็นคนที่ป่ ว ย ในระยะสุดท้าย เขาเริ่มไตร่ตรองด้วยว่า เราจะไม่กลายเป็นภาระให้ผู้อื่นเมื่อยามแก่ชรา ทำให้เขาตั้งนโยบายกับตนเอง 3 ประการว่า “อย่า ป่ ว ย อย่าล้ม อย่าติดหนี้บุญคุณคน”
Sponsored Ad
เขาอธิบายว่า “อย่าป่ ว ย” เนื่องจากอายุมากขึ้นแล้วสุขภาพก็ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา “อย่าล้ม” ก็เพราะเป็นกังวลว่ามันอาจทำให้เกิดภาระในการทำงานได้ และสำหรับ "อย่าติดหนี้บุญคุณคน" เพราะกลัวตนเองจะจากไปก่อนและไม่ได้ตอบแทนพระคุณ เขายังกล่าวอีกว่า "นี่คือสาเหตุที่เขาไม่กล้าถ่ายทำละครต่อไป เพราะกลัวจะขาดทุดจนติดหนี้บุญคุณคน
Sponsored Ad
อายุวัยนี้แล้ว หากต้องมีหนี้หรือติดหนี้บุญคุณหรือทำผิดต่อใคร ก็รีบคิดใคร่ครวญให้ดี แล้วไปขอโทษ รีบไปชดใช้ เพื่อว่าในอนาคตหากต้องจากไปแล้ว จะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนที่ไปนั่งในใจสร้างความทุกข์ใจให้คนอื่น เหลือเพียงความดีของตนเองไว้บนโลกนี้บ้างก็จะดีกว่า
.
Sponsored Ad
สุดท้าย หวูเนี่ยนเจิน ก็ยังกล่าวถึงการวางแผนหลังจากที่ตนเองจากไปแล้วว่า “หากวันใดที่เขาจากไปแล้วก็ขอให้ไปปลูกดอกไม้ 2 ต้นหน้าประตูบ้าน ต้นแรกดอกคามิเลีย ต้นที่สองดอกพลัม” เขาบอกคุณแม่ชอบดอกคามิเลีย ส่วนตัวเขาชอบดอกพลัม เขาได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
Sponsored Ad
เขาหยิบยกแนวคิดหลักของเขาว่า: "ทุกคนควรคิดเกี่ยวกับวิธีจัดการรับมือกับความเ จ็ บ ป่ ว ย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะจากไป" เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเหลือความเสียใจไว้ในจิตใจ
เมื่อได้ยินเรื่องราวของเขาแบบนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเ สี ย ใ จ กับการเผชิญหน้าของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ชื่นชมทัศนคติของเขาที่มีต่อชีวิต ทุกคนไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่เขาทำ ขออวยพรให้เขามีสุขภาพที่ดีทุกวัน
ที่มา:nocancers
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR