เปิดชีวิต "หมอเอ้ก คณวัฒน์" จากจักษุแพทย์ สู่สนามการเมือง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

LIEKR:

จากหมอตา นักแสดง นายแบบ สู่ สนามการเมืองไทย ...

        จักษุแพทย์หนุ่มหน้าหยก หมอเอ้ก นพ.คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ เป็นน้องใหม่ที่ถูกจับตามองช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ขึ้นเวทีการเมืองรอบนี้ แต่นั่นไม่ได้ลดทอนกำลังใจและพลังคิดบวกของคุณหมอ วัย 29 ปีนี้เลย

        นายแพทย์คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ (ชื่อเล่น: เอ้ก) เป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นแพทย์ประจำบ้านสาขาจักษุวิทยาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 

Sponsored Ad

 

        อดีตแพทย์ประจำโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 

        ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รักดี เวนเจอร์/คราวด์ฟันดิ้ง จำกัด 

        และอดีตนักแสดงและนายแบบ

        นายแพทย์คณวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2532 เป็นบุตรคนเดียวของครอบครัว บิดามีเชื้อสายมาเลเซีย ส่วนมารดาเป็นไทยเชื้อสายจีน

 

Sponsored Ad

 

        มีชื่อเล่นว่า "เอ้ก" (egg) ที่แปลว่า "ไข่" เนื่องจากมารดามีชื่อเล่นว่า "ไก่"

        จบการศึกษาชั้นประถม ที่โรงเรียนถนอมพิศวิทยา (รุ่นเดียวกับณัฐภัสสร สิมะเสถียร), มัธยมศึกษาตอนต้น ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ 

        โดยขณะศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 4 เขาได้รับทุนการศึกษา จากโครงการนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-อเมริกัน ไปศึกษาที่โรงเรียนมัธยม Wewahitchka รัฐฟลอริดา สหรัฐ

        ระหว่างที่นายแพทย์คณวัฒน์ เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

 

Sponsored Ad

 

        ได้รับคัดเลือก ให้เป็นตัวแทนนิสิต เพื่อเข้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ของสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย 

        ปี พ.ศ. 2551 ด้วย ต่อมานายแพทย์คณวัฒน์ นำเสนอโครงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการโรคไข้สมองอักเสบในประเทศไทย เพื่อขอรับพระราชทานทุน โครงการเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ. 2555 โดยได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้รับทุน และเดินทางไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ ณ เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

        คุณให้คุณค่ากับการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างไร

 

Sponsored Ad

 

        องดูก่อนว่า ความสำเร็จวางอยู่บนหลักของอะไร ตอนที่ผมใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัดมีช่วงหนึ่งที่ผมคิดว่าเราเกิดมาทำไม สิ่งที่เราโหยหาจากการที่มีชีวิตอยู่จริงๆแล้วคืออะไร ผมดูแล้วว่าชีวิตที่มีคุณค่าของผมประกอบด้วย หนึ่ง ผมสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ สอง สิ่งที่ผมทำต้องเกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากได้ทำให้ชีวิตของคนอื่นดีขึ้น และ สาม ทีมงานคนที่อยู่ในระบบสนับสนุนของผม ก็ต้องมีความสุขด้วย ความสำเร็จของผมคือการตอบโจทย์สามอย่างนี้

        เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร?

 

Sponsored Ad

 

        อาชีพที่ผมเลือกตอบโจทย์เป้าหมายทำเพื่อคนอื่นของผม ผมคิดว่าการผลักดันนโยบายไม่จำเป็น ที่จะต้องผลักดันผ่านอำนาจรัฐอย่างเดียวเท่านั้น อาจจะผลักดันจากภาคเอกชนก็เป็นไปได้ เช่นนโยบายในการสร้างฐานข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น

        ไม่ใช่เป็นนักการเมืองหรือ?

 

Sponsored Ad

 

        ในระยะยาวผมก็อยากจะเข้ามาทำงานด้านการเมืองเพราะผมเคยอยู่ในภาคเอกชนมาก่อน ผมรู้ว่ามันมีกฎระเบียบบางอย่างปิดกันไว้ การเปลี่ยนแปลงต้องเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนทั้งส่วนบนลงมาและส่วนล่างด้วยควบคู่กัน

        ทำไมสนใจเรื่อง ‘ความเท่าเทียมของมนุษย์’

Sponsored Ad

        ผมไปเรียนคอร์สระยะสั้นด้านนโยบายสาธารณะและการเมืองที่ออกฟอร์ด หนึ่งในวิชาที่ผมได้เรียนมาคือ วิชาปรัชญา จอห์น รอลส์ (John Rawls) เคยพูดว่า วันหนึ่งคุณสลบ พระเจ้ามาหาให้กระดาษแผ่นหนึ่งให้คุณวาดสังคมอะไรก็ได้ ให้คุณวาดเลยที่คุณอยากจะได้ แต่ ณ วันที่คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วไปอยู่ในสังคมที่คุณวาดขึ้น คุณไม่รู้นะว่าคุณจะอยู่ตรงไหนของสังคม นี่คือเรื่องของความเท่าเทียม ถ้าคุณจะออกนโยบายเพื่อสังคมที่มีความเท่าเทียมกันเนี่ย คุณต้องคิดว่าถ้าลูกคุณเกิดมาถ้าคุณไม่ได้มีทุน อยู่ในสังคมชั้นสูง ลูกคุณเข้าไปอยู่ คุณต้องการสังคมแบบไหน

        การเรียนในคณะแพทยศาสตร์ สร้างความเป็น “หมอเอ้ก” อย่างไรต้องเล่าย้อนกลับไปว่า ผมตั้งใจเข้าหมอ จุฬาฯ อยากจะรักษาพ่อแม่ตัวเอง ตอนนั้นผมเลยขยันมากพอขึ้นปี 4 ผมก็ต้องเจอการปรับตัว ผมต้องพยายามและตอนนั้นผมรู้สึกว่าอยากทำอะไรที่ใหญ่กว่านี้มีผลต่อวงกว้าง เลยอยากทำงานวิจัย แล้วได้ทุนเยาวชนรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล พอไปถึงมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มันเปลี่ยนวิธีคิดผม เยอะมาก ที่นั่นผมมีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ เลยมีคำถามกับตัวเองว่า แล้วชีวิตเราจะทำอะไร

        ได้ความคิดอะไรตอนไปทำวิจัยที่อเมริกา

    มันมีคนที่เก่งกว่าเราเยอะ เราบอกว่าเราอยากอยู่จุดที่สูงสุด มันไม่มีคำว่าสูงสุด คำว่าสูงสุดหรือเก่งที่สุดมันไม่มีจริง คุณเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้านนี้ แต่คุณก็ไม่ได้รู้ในทุกเรื่องของเรื่องนี้ บางครั้งนักศึกษาปริญญาเอกที่ทำงานในแลป คุณอาจจะรู้มากกว่าคุณก็ได้ เพราะเขาอยู่เฉพาะกับเรื่องตรงนี้ อย่างเดียวทุกวัน เขามีความรู้เรื่องนี้มากกว่าคุณด้วยซ้ำนะครับนี่เป็นมุมมองที่ผมได้จากตรงนั้น ความเก่งของผมไม่ใช่คุณรู้อะไรดีที่สุด แต่เป็นเรื่องที่คุณสามารถนำประสบการณ์ความรู้ของคุณนำมาประยุกต์ ใช้งานได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสิ่งที่คุณให้คุณค่า

"

"

"

"

"

ข้อมูลและภาพ จาก sanook

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ