ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ 7 เทคนิค "ป้องกันตัว" ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับ "แก๊สน้ำตา"

LIEKR:

อันตรายจาก "แก๊สน้ำตา" หลายๆ คนน้ำหูน้ำตาไหล รู้สึกอึดอัดแน่นหน้าอก ซึ่งหากสูดหายใจเข้าไปมากๆ มันอาจส่งผลร้ายได้ บางคนมีอาการหนักถึงขั้นตาบอด หูหนวก หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ

        “แก๊สน้ำตา” ถือว่าเป็นหนึ่งในยุทธภัณฑ์ที่ทั่วโลกนิยมใช้ในการ “ควบคุมเหตุจลาจล” สลายการชุมนุม เมื่อแก๊สน้ำตาถูกยิงเข้ามากลางวง กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะแตกกระเจิงกันออกไป ท่ามกลางควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมา

        หลายๆ คนน้ำหูน้ำตาไหล รู้สึกอึดอัดแน่นหน้าอก ซึ่งหากสูดหายใจเข้าไปมากๆ มันอาจส่งผลถึงขั้นตาบอด หูหนวก หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้เลย 

 

Sponsored Ad

 

        ในวันนี้ทีมงานเลยจึงอยากจะนำเสนอ “เทคนิควิธีการป้องกันแก๊สน้ำตา” ไว้สำหรับเพื่อนๆ ทุกคน หากเราต้องมีโอกาสได้สัมผัสกับมัน เราควรป้องกันอย่างไรดี

1. สวมเสื้อผ้าปกปิดผิวหนังให้มากที่สุด

 

Sponsored Ad

 

        ข้อแนะนำแรกเมื่อเรารู้ว่าอาจต้องเผชิญกับแก๊สน้ำตา นั่นคือการสวมเสื้อผ้าแขนยาว/ขายาว ปกปิดผิวหนังเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีซึมเข้าสู่ผิวหนัง

2. ใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกเอาไว้ ทางที่ดีคือใช้ “หน้ากากกันแก๊ส”

 

Sponsored Ad

 

        นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้เราสูดดมสารเคมีเข้าไป โดยอุปกรณ์ที่ดีที่สุดก็คือ “หน้ากากกันแก๊ส” แต่ถ้าหากเราไม่มี ก็สามารถใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกเอาไว้ก่อนได้ และอาจใช้ “แว่นตาว่ายน้ำ” เพื่อป้องกันตาเอาไว้

3. วิ่งหนีออกมาจากพื้นที่นั้นให้เร็วที่สุด

        สิ่งสำคัญหลังจากที่เราป้องกันให้สารเคมีเข้าสู่ร่างกายได้น้อยที่สุดแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องวิ่งออกมาจากจุดที่มีการกระจายของแก๊สโดยเร็วที่สุด และออกไปยืนรับอากาศบริสุทธิ์ ให้ลมช่วยขับไล่สารพิษ

4.ใช้ “น้ำเย็น” ล้างตา

 

Sponsored Ad

 

        เมื่อออกมาจากบริเวณนั้นแล้ว ให้ใช้ “น้ำเย็น” ล้างตาเป็นการด่วน โดยพยายามอย่าให้น้ำที่เราใช้ล้างตาสัมผัสกับเสื้อผ้าหรือผิวหนังส่วนอื่นๆ และให้สั่งน้ำมูก ไอ หรือบ้วนน้ำลายเพื่อไล่แก๊สที่อาจอยู่ในระบบหายใจ

5. อย่ากลืนน้ำลาย และห้ามเกาหรือถูไถไปตามผิวหนัง

        การเกาหรือถูไถร่างกายจะส่งผลให้สารเคมีซึมเข้าสู่ผิวหนังได้มากกว่าเดิม รวมไปถึงการกลืนน้ำลายที่ทำให้สารเข้าไปโดยตรง

6. ถอดคอนเทคเลนส์ ล้างเสื้อผ้าและร่างกายด้วย “น้ำเย็น”

Sponsored Ad

        ย้ำว่าให้ใช้ “น้ำเย็น” ห้ามเป็นน้ำร้อนเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลให้รูขุมขนขยายตัว สารเคมีซึมเข้าไปได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญคือ “ห้ามแช่น้ำในอ่าง” เด็ดขาด

7. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลังจากนั้น

        อย่างไรก็ตาม วิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นก็ไม่สามารถล้างสารพิษออกจากร่างกายได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทางที่ดีที่สุดหลังจากนั้นจึงควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ต่อไป

ข้อมูลและภาพ จาก catdumb

บทความที่คุณอาจสนใจ