ถึงกับออกปากเองเลยว่า เป็นครั้งแรกที่พาแฟนไปเยี่ยมบ้านเกิด สำหรับนักแสดงสาว ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก หลังถูกจ่อไมค์ถามกลางงาน BATA Red Concept Store ถึงความสัมพันธ์และแพลนวิวาห์กับแฟนหนุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติ แมทธิว บาร์ก ที่เพิ่งจะขอแต่งงานแบบเซอร์ไพรส์วงการไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

        โดยงานนี้นอกจาก ปู ไปรยา จะออกมาเผยผ่านสื่อว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับงานวิวาห์ เพราะเธออยากใช้เวลานี้โฟกัสไปที่การทำงานก่อนแล้วนั้น สาวปูก็ยังเผยต่อว่าเพิ่งจะชวนหนุ่มแมทธิวไปเยี่ยมญาติที่บ้านเกิดในจังหวัดอ่างทองเป็นครั้งแรก ซึ่งฝ่ายชายเองก็แฮปปี้ไม่น้อยที่มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศชีวิตท่ามกลางท้องทุ่งที่เธอเติบโตมา

        "งานแต่งงานตอนนี้ยังไม่มีอะไรอัปเดตเลยค่ะ ไม่มีเลยจริงๆ คือเราคบกันอยู่เหมือนเดิมนะคะ แต่คุณแมทเขาก็ทราบดีอยู่แล้วว่า ณ เวลานี้ปูตั้งเป้าชีวิตว่าอยากจะทำงานมากกว่า ซึ่งคุณแมทเขาก็พร้อมสนับสนุนปูทุกอย่างเช่นกัน เอาไว้ถ้ามีความคืบหน้าเพิ่มเติมเมื่อไหร่ปูค่อยออกมาบอกพี่ๆ อีกทีนะคะ"

        "เมื่อวานนี้ปูเพิ่งจะมีโอกาสพาคุณแมทไปเยี่ยมญาติๆ ของปูที่จังหวัดอ่างทอง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เขาได้ไป และพอเขาได้เห็นความเป็นอยู่ของ พี่ ป้า น้า อา ของปู ได้เห็นว่าป้าปูท่านยังทำนาอยู่ เขาก็เลยเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมปูถึงหยุดทำงานไม่ได้ หรือทำไมปูถึงมีแรงผลักในใจมากเหลือเกินที่จะสู้ต่อไปเพื่องาน ปูเชื่อว่าพอเขาได้เห็นแบบนี้ เขาคงเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมคนไทยต้องดูแลคนทั้งครอบครัว เพราะว่ามันคือหน้าที่ของเรา พี่ ป้า น้า อา พ่อ แม่ พี่ น้อง เราก็ดูแลไปจนกว่าทุกคนเรียนจบหรือทุกคนทำงาน ปูก็หยุดไม่ได้ ซึ่งเขาก็เข้าใจปูตรงนี้"

เหมือนเราค่อยๆ เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ?

        "ใช่ค่ะ มันเป็นภาพที่ปูไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ ภาพที่คุณแมทยืนอยู่กลางทุ่งนา และตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่ามันจะเกิดขึ้นกับเขา ภาพที่ป้าของปูพาเขาเดินชมท้องนา ชมความเป็นอยู่ต่างๆ"

เขาเข้าใจเรามากขึ้นใช่ไหม ?

        "เขาก็เข้าใจค่ะ เราเป็นแฟนกันมา 3 ปี ช่วงปีแรกที่เราคบกัน ปูก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะมากรุงเทพ แต่พอเข้าปีที่ 3 ปูก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะพาเขาไปอ่างทอง เพราะปูก็ไม่เคยพาแฟนคนไปอ่างทองมาก่อน เนื่องจากตอนเด็กๆ ปูก็แอบคิดว่าอยากจะเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่พอเราโตขึ้นและเราสามารถสร้างรากฐานให้กับตัวเองได้ขนาดนี้ มันคือความภาคภูมิใจของปูค่ะ"

แมทธิวเขาประทับใจแค่ไหน ตอนที่ไปถึงอ่างทอง ?

        "เขาประทับใจมากค่ะ เขาบอกกับปูว่าเขานึกถึงตอนที่เขาเจอปูในร้านกาแฟที่นิวยอร์ก และเขาก็จำได้ว่าปูเคยเล่าความฝันของปูให้เขาฟังว่ายังไง ซึ่งพอเขาได้มาเห็นชีวิตครอบครัวปูในอ่างทอง เห็นว่าแม่ปูมาจากที่ไหน มันเป็นภาพที่ปูคิดว่าก็คงทำให้เขาคิดเหมือนกับปูว่าอยากให้ปูโฟกัสไปที่งานก่อน ทำให้ชีวิตของทุกคนในครอบครัวดีขึ้น"

แมทธิว บาร์ก หลงใหลชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ ของเมืองไทย

ทุกวันนี้การแคสต์งานในต่างประเทศของเราเป็นยังไงบ้าง ?

        "ก็ยังมีเยอะค่ะ แต่ปูก็โดนปฏิเสธจนชินแล้วเหมือนกัน เพราะที่นั่นการแข่งขันมันสูง มันเป็นการแข่งขันอีกแบบหนึ่ง ซึ่งปูชอบนะคะ ปูถือว่าทุกครั้งที่เขาเรียกปูไปแคสต์มันคือบุญของปูแล้วจริงๆ ส่วนเรื่องจะได้หรือไม่ได้อันนี้ปูไม่ได้น้อยใจ เพราะสักวันหนึ่งมันก็คงต้องมีวันของปูบ้างเหมือนกัน"

        "เอาจริงๆ นะที่ผ่านมาปูไม่เคยรู้สึกท้อเลย ปูเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ปูอายุ 13 ปี ถ้าหากปูท้อจริงๆ ปูคงไม่สามารถอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ปูไม่เคยท้อเลยค่ะ เพราะปูเชื่อว่าคุณค่าของเรามันอยู่ที่การสร้าง พยายามไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ถึง"

ทุกครั้งที่โดนปฏิเสธ เราสร้างกำลังใจให้กับตัวเองยังไง ?

        "ปูจะนึกถึงคุณแม่ นึกถึงครอบครัวปูที่อ่างทอง ตอนที่เขาทำนากันเขายังไม่ท้อเลย หรือแม้แต่คนในกรุงเทพที่เขาทำงานหาเช้ากินค่ำเขาก็ยังไม่ท้อ ดังนั้นถ้าการที่ปูแค่โดนปฏิเสธและปูบอกว่าปูท้อ นั่นมันหมายความว่าปูเป็นคนยังไง ชีวิตการเป็นดาราของเรา แค่เราเดินโชว์ตัว แค่เราสวย มันก็ง่ายมากแล้วหรือเปล่า ทุกวันนี้ปูบอกกับตัวเองเสมอว่าปูโชคดีมากที่ปูเป็นลูกครึ่งไทย และโตที่ประเทศไทย ปูเห็นความลำบากของคนไทยมาโดยตลอด ปูนั่งอยู่บนรถติดแอร์ในขณะที่คนด้านนอกเดินตากฝน เขาลำบากกว่าปูแต่เขายังไม่ท้อเลย ฉะนั้นปูก็จะไม่มีวันท้ออยู่แล้วค่ะ"

.

.

.

.

.

.

.

.

ข้อมูลและภาพ จาก sanook