LIEKR:
ด.ช. 3 ขวบทำลำโพง 9 แสนเป็นรู ชาวเน็ตแบ่งกันเป็นสองฝ่าย เข้าข้างร้านค้าและแม่เด็ก
ไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า คุณแม่คนหนึ่งพาลูกชายวัย 3 ขวบไปจิบน้ำชายามบ่ายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
นึกไม่ถึงว่าลูกชายจะอยากรู้อยากเห็น เห็นเครื่องเสียงในร้าน แล้วเอานิ้วเข้าไปจิ้ม ตอนแรกคุณแม่เห็นลูกชายเล่นเครื่องเสียงก็ห้าม แต่ลูกชายก็ไม่ฟังยังคงเล่นต่อไป สุดท้ายลำโพงมูลค่า 9 แสนก็ถูกลูกชายจิ้มจนเป็นรูใหญ่
Sponsored Ad
ตอนแรกคุณแม่ถามร้านเรื่องค่าเสียหาย ตกลงกันว่าจะจ่ายค่าซ่อมให้เท่านั้น แต่พอคุณแม่ถามว่าลำโพงราคาเท่าไหร่ ถึงได้รู้ว่าเป็น horn speaker ลำโพงไฮโซเมดอินเยอรมันมูลค่า 9 แสนก็ต้องอึ้งไป
Sponsored Ad
จากการรายงานของ ETtoday ทางร้านเล่าว่าได้บอกเด็กหลายครั้งแล้วว่า “อย่าจับ” ในร้านก็มีป้ายติด แต่เด็กก็ไม่ฟังวิ่งวุ่นไปทั้งร้านจับนู่นจับนี่ แถมยังปีนขึ้นไปบนลำโพงทั้งตัว แล้วสุดท้ายก็เอานิ้วจิ้มลงไปในลำโพง ตอนแรกทางร้านก็ตกลงกับแม่เด็กว่า “ต้องการแค่ค่าซ่อม” ถึงขนาดไปสถานีตำรวจเพื่อเซ็นต์ยินยอมกันแล้วด้วย
นึกไม่ถึงว่าผ่านไป 3 วันแม่เด็กจะเปลี่ยนคำพูด เรียกร้องให้ทางร้านเปิดกล้องวงจรปิดออกดู เพื่อให้เห็นหลักฐานว่าเด็กเอานิ้วจิ้มเข้าไปจริงถึงจะยอมจ่าย แถมยังสงสัยว่าทำไมร้านต้องวางเครื่องเสียงลำโพงที่แพงขนาดนี้
Sponsored Ad
และบอกว่าถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่จ่าย ทำให้ผู้จัดการร้านไม่พอใจโต้ว่า “งั้นก็ให้ศาลตัดสินละกัน ตอนนั้นผมยังปลอบเธออยู่เลยว่าไม่ต้องกังวล ต่อมาเธอกลับเปลี่ยนคำพูด วันนี้ก็ไปหานักข่าว จะให้ผมทำยังไง”
ทางร้านบอกว่าการซ่อมลำโพงไม่ใช่อะไรง่ายๆ กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ มีบางฝ่ายเข้าข้างแม่เด็ก “ทำไมร้านที่ขายกาแฟแก้วละ 80 บาทต้องวางลำโพงอันละ 9 แสน ทางร้านเองก็ประมาท ให้ร้านดังๆ แถวนี้ซ่อมอย่างมากก็ไม่กี่พัน แต่กลับจะส่งไปเยอรมัน แถมถึงจะเป็นรูแล้วก็ฟังไม่เห็นออกว่าเสียงต่างกันตรงไหน” “เลี้ยงเด็กไม่ง่ายเลย ไม่เข้าใจรึไง”
Sponsored Ad
ทำให้อีกฝ่ายที่เข้าข้างร้านกาแฟตอบโต้ “รถสปอร์ตราคา 8 ล้านก็จอดในที่จอดรถชั่วโมงละ 60 บาทเหมือนกัน คุณจะชนเค้าแล้วบอกว่าทำไมเค้าต้องมาจอดที่นี่มั้ย”, “รถสปอร์ตคันละ 8 ล้านถูกชน เอามาเคาะพ่นสีใหม่ก็แปลว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอ ถึงแม้ลำโพงคู่นี้จะไม่ได้ถูกส่งไปเยอรมัน ถ้าโรงงานไม่ทำคู่ของมันออกมา อาจจะต้องซื้อลำโพงอันใหม่มาวางแทน แต่จะซ่อมยังไง ก็ต้องแล้วแต่โรงงาน”, “มีลูกแล้วไม่สั่งสอน คุณจะไปโทษใคร ทำไมคนอื่นจะต้องมายอมรับสิ่งที่ลูกของคนทำเละเทะ”
Sponsored Ad
สุดท้ายมีคนมาเสริมว่าหลังจากเกิดเรื่องนี้ สามารถมองเห็นคนได้ 4 ประเภท
ประเภทที่ 1 คือ “ไม่เคยเห็นของดีๆ เคยเห็นรถสปอร์ตบนถนนก็เลยรู้ว่ารถสปอร์ตแพง แต่ไม่เคยเห็นลำโพงไฮโซก็เลยคิดว่าร้านพูดเกินเหตุ”
ประเภทที่ 2 คือ “แยกความแตกต่างไม่ออก ก็ว่าคนอื่น”
ประเภทที่ 3 คือ “ชอบกล่าวโทษคนรุ่นเก่าที่ไม่เคารพผู้รู้ แต่ปรากฏตัวเองก็ไม่เคารพ”
ประเภทสุดท้าย “คนที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ ได้แต่พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ไม่รับผิดชอบ”
คนไม่น้อยตอบว่า “ฉันคิดว่าทำของคนอื่นพังแล้วต้องชดใช้เป็นเรื่องปกติ นึกไม่ถึงจะมีคนแย่ๆ เยอะขนาดนี้” “มีคนบอกว่าให้เข้าใจว่าเลี้ยงเด็กเป็นเรื่องยาก ถ้าไม่มีความสามารถก็อย่ามีลูก”
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR
