ก่อนแต่งแม่ถามเขา "ความดีกินได้ไหม?" เขาตอบกินได้ จนกระทั่งเหตุการณ์ในรถทำเธอเข้าใจ

LIEKR:

จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่จะได้เจอผู้ชายที่โชคดีแบบนี้

    สื่อต่างประเทศรายงานว่า หลี่เฮ่อ คือคนเราของฉัน ครั้งแรกที่พาเขาไปพบพ่อแม่ที่บ้าน พวกเขาแถมไม่อยากจะมองหน้าเขาเลย ทำฉันหดหู่ ทำอะไรไม่ถูกเลย ฉันได้แต่บอกพ่อแม่ว่า หลี่เฮ่อเป็นคนที่ดีกับฉันจริงๆ ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่ไม่ดีต่อเขา

    ฉันนั่งข้างๆหลี่เฮ่อ เขาจับมือของฉันพร้อมกับบอกพ่อแม่ว่า “คุณลุงคุณป้า โปรดเชื่อผม ผมจะดูแลเสี่ยวเสี่ยวอย่างดี” จากนั้นแม่ก็พูดขึ้นมาว่า “บอกฉันหน่อย คำว่า ดี นั้นสามารถกินได้ไหม?” ในตอนนั้นฉันกำลังจะพูดแทรก แต่หลี่เฮ่อก็จับมือฉันแล้วตอบแม่ไปว่า “คำว่าดี นั้นสามารถกินได้”

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    หลี่เฮ่อจัดการกับแม่ของฉันด้วยหลักการ: ต้องหน้า ด้ า น เข้าไว้ เขามาบ้านของฉันทุกวัน ทำให้แม่ไม่กล้าเสียมารยาทไล่เขาไป เขามานั่งเล่นหมากฮอสจีนเป็นเพื่อนพ่อแม่เสมอทุกวันนานกว่า 3 เดือน จนสุดท้ายแม่ใจอ่อนยอมให้เราแต่งงานกัน แต่ทว่าสินสอดแม่ก็ขอไม่น้อย แม่เสนอค่าสินสอดไป 80,000 บาท 

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    หลังแต่งงานเราอาศัยอยู่กับพ่อแม่สามี ครอบครัวของหลี่เฮ่อฐานะธรรมดา หลังจากที่ให้ค่าสินสอดแล้ว พ่อแม่ของเขาก็ไม่มีเงินซื้อบ้านให้เราแล้ว และเพราะเหตุนี้เองทุกครั้งที่ฉันกลับบ้าน แม่ก็มักจะบ่นว่า “ดูสิเธอแต่งเข้าบ้านอะไรของเธอ ขนาดเงินซื้อบ้านยังไม่มี” ฉันมักคิดว่าแม่เป็นคนขี้บ่นมากน่ารำคาญ จึงไม่ได้โต้ตอบอะไรไป หลังจากที่แม่บ่นเสร็จก็วางบัตร ATM ให้ และพูดกับฉันว่า “ในบัญชีมีเงินประมาณ 380,000 บาท เป็นเงินที่แม่เก็บให้และบวกกับเงินสินสอดของหลี่เฮ่อให้ พากันไปดูบ้านเถอะนะ” ฉันหยิบบัตรขึ้นมากไม่ได้พูดอะไรมาก หันไปมองแม่ด้วยสายตาที่ซาบซึ้งใจ “ทำไมแม่ โ ง่ จัง!” จากนั้นก็เดินไปกอดแม่พร้อมกับน้ำตาไหล พ ร า ก

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    เราได้จ่ายเงินก้อนแรกสำหรับการซื้อคอนโดห้องชุดเล็กๆ ตกแต่งแบบเรียบง่าย ครึ่งปีหลังพวกเราก็ย้ายเข้าไปอยู่อาศัย หลี่เฮ่อพูดกับฉันว่า “หลังจากนี้เป็นต้นไปเขาจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเพื่อมาคืนแม่ของฉันแน่นอน” ฉันหัวเราะและพูดว่า “ได้! เรามาร่วมใจกันหาเงินกันเถอะนะ” หลังจากนั้น 1 ปี พวกเราก็เก็บเงินได้ 80,000 บาท ช่วงตรุษจีนหลี่เฮ่อก็เอาเงินเก็บไปให้แม่ แต่แม่กลับโยนคืนมาแล้วพูดว่า “ฉันไม่เอาเงินของพวกเธอหรอกนะ เอาเงินไปซื้อรถใช้เถอะ” นั้นเป็นเพราะว่าเสี่ยวเสี่ยวต้องโดยสารรถไฟฟ้าและรถประจำทางไปทำงานทุกวัน ทำให้แม่รู้สึกเห็นใจเธอเป็นอย่างมาก หลี่เฮ่อมองหน้าฉันจากนั้นก็กอดฉันไว้แน่น พร้อมกับกุมมือฉันไว้แน่นเช่นกัน

 

Sponsored Ad

 

    ดังนั้นฉันและหลี่เฮ่อจึงนำเงินก้อนนี้ไปซื้อรถยนต์ที่ไม่แพงมาก แม้ว่าเราตอนนี้จะมีบ้านและรถแล้ว แต่นั้นเป็นเงินที่พ่อแม่ของฉันให้มา และเป็นเงินบั้นปลายชีวิตในวัยปลดเกษียณของพ่อแม่ฉัน เขาจึงตั้งใจว่าชีวิตต่อจากนี้จะพ ย า ย า มทำงานเก็บเงินให้มากเพื่อนำมาคืนให้พวกท่าน เขายิ้มแล้วพูดว่า “เรามาสู้ต่อไปพร้อมกันเถอะนะ”

 

Sponsored Ad

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ตั้งใจทำงานเก็บเงิน ฉันอยากจะทำงานให้มากขึ้นเพื่อจะได้มีเงินเก็บมากขึ้น แต่ทว่าฉันเกิดตั้งครรภ์เสียก่อน ซึ่งไม่ได้อยู่ในแพลนที่ฉันวางไว้ แต่หลังจากที่หลี่เฮ่อรู้ว่าฉันตั้งครรภ์ก็ดีใจมากๆ และห้ามให้ฉันไปทำงานอีก อยากให้ฉันพักผ่อนอยู่แต่ที่บ้าน ที่จริงฉันไม่ชินเลยและไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็เถียงหลี่เฮ่อไม่ไหว ไปลาออกจากงานและพักผ่อนอยู่ที่บ้าน

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากที่รู้ว่าตั้งครรภ์ฉันก็ย้ายไปอยู่บ้านเพื่อให้แม่ดูแล ซึ่งลึกๆในใจแล้วฉันไม่อยากไปหรอกนะ แต่เพราะหลี่เฮ่อเป็นห่วงฉันมาก จึงเกลี่ยกล่อมจนฉันยอมตอบตกลง และเพื่อให้เขาวางใจไปทำงานอย่างเต็มที่ เขาดูเป็นห่วงเป็นใยลูกคนนี้มาก แต่เขาก็มาเยี่ยมฉันทุกวัน ทุกครั้งที่มากสายตาของเขาเปล่งประกายมาก และยังมานั่งเล่นหมากฮอสกับพ่อทุกวัน ฉันก็ฉวยโอกาสพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่ แต่ที่จริงฉันสังเกตเห็นหลี่เฮ่อเริ่มมีขอบตาดำ ฉันรู้ว่าเขาเหนื่อยมาก

 

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

Sponsored Ad

    หลังจากมาบ้านได้เพียง 1 ชั่วโมงก็ต้องบอกลา เพราะที่บริษัทมีงานที่ค้างไว้ต้องกลับไปทำโอที ฉันบอกให้เขาว่า “ต้องพักผ่อนบ้างนะ” เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกนะ” จากนั้นเขาก็ลูบหัวของฉันแล้วเดินออกจากบ้านไป

    พอฉันหันหลังมาก็สังเกตเห็นว่าเขาลืมกระเป๋าสตางค์ จึงโทรไปหาเขา แต่ทว่าเขาไม่รับสาย ฉันจึงอยากเอาไปให้เขาและไปดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง พอมองลงไปก็เห็นรถของเขายังอยู่ก็รู้สึกโล่งอก จึงเดินลงบันไดเพื่อเอาไปให้เขา ฉันเห็นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ ตอนนั้นทั้งฉันและเขาก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เขารีบเดินออกจากรถพร้อมกับเสื้อของพนักงานส่งของ ในตอนนั้นฉันน้ำ ต า ค ล อ เ บ้ า 

    พอเขาเห็นฉันร้องไห้ก็รีบเดินมากอดฉัน และพูดว่า “อย่าร้องไห้เลย” “ทำไมถึงโง่ขนาดนี้ล่ะ เลิกงานแล้วยังต้องไปทำงานส่งของอีกหรอ? ดูสิเหนื่อยขนาดนี้จะไหวหรอ”

    “เสี่ยวเสี่ยวผมไม่ได้เป็นคนที่ฉลาด และไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย แต่ผมเป็นคนอดทนต่อความลำบาก ในวันนั้นที่แม่คุณถามผมว่า ความดีสามารถกินได้ไหม ผมยังจำได้ดีว่าตอบแม่คุณไปว่าอะไร ดังนั้นผมจึงต้องทำให้คุณมีความสุข เหมือนที่ผมได้ตอบแม่คุณไป ผมจึงต้องพ ย า ย า ม มากขึ้น”

    หลังจากนั้นไม่นานหลี่เฮ่อก็ทำงานเก็บเงินได้ก้อนใหญ่ เตรียมต้อนรับลูกน้อยที่กำลังจะก้าวมาสู่โลกใบนี้ พ่อแม่ของฉันต่างรู้สึกภาคภูมิใจในตัวหลี่เฮ่อมาก แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานตำแหน่งสูงเป็นหน้าเป็นตา แต่เขาก็พิสูจน์ให้พ่อแม่ของฉันเห็นแล้วว่า “ความดีนั้นกินได้” ….


ที่มา :readthis

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ