"ร็อคกี้" เปิดใจทั้งน้ำตา โดนเพื่อนรักโกงหมดตัว เคลียร์ดราม่าทำชื่อเสียงตระกูลเสียหาย

LIEKR:

"ร็อคกี้ สุรบดินทร์" ลูกชาย "สุรชัย สมบัติเจริญ" ถูกเพื่อนสนิทคบมา 30 ปี โกงเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตจนหมดตัว มรสุมหนักสุดชีวิตจนคิดสั้น

    "ร็อคกี้" สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ เปิดใจทั้งน้ำตา โดนเพื่อนรักที่คบมานานเกือบ 30 ปี โกงจนหมดตัว หนีออกนอกประเทศ เคยคิดลาโลก แต่เพราะเหตุผลนี้...ทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

 

    "ร็อคกี้" เปิดใจในรายการ คุยแซ่บshow เผยเรื่องราวมรสุมชีวิต โดยเพื่อนที่โตกันมาตั้งแต่เด็ก นานเกือบ 30 ปี โกงเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตไปจนหมด ซึ่งตนไม่อยากลงรายละเอียดตัวเลข เพราะมีคนที่บ้านอยู่ด้วย แต่เอาเป็นว่าหลักล้าน

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อ 2-3 วันก่อน มีข่าวออกมาว่าเพื่อนสนิทโกงเงินเรื่องรถ 1 ในนั้นคือคุณ "แอมป์ พรีวัศ" คือคนโกงคนเดียวกัน แต่เป็นคนละรูปแบบ เกิดจากคนเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเพื่อนเรานี่แหละ ซึ่งจริง ๆ ตัวคนที่โกงเป็นเพื่อนของผมก่อน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นไปคุยอะไรกัน

    ส่วนที่บอกว่า กรณีของ คุณ "แอมป์ พรีวัศ" และของตนไม่เหมือนกัน ต้องขอย้อนเรื่องราวกลับไปว่า เดิมทีผมทำธุรกิจเกี่ยวกับโปรดักชันเฮ้าส์ ทำอีเว้นท์ ละคร ทำไวรัลคลิป ฯลฯ ซึ่งทำมาตั้งแต่ก่อนโควิด แล้วมันมีปัญหาช่วงโควิด พอมาทำละครมันก็ขาดทุน ก็ต้องไปกู้เงินมา เพื่อทำให้สำเร็จเสร็จสิ้น เพราะเราก็ต้องมีความรับผิดชอบในงานของเรา 

 

Sponsored Ad

 

    พอเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันมีปัญหาเกิด ถ่ายไปหยุดไป โลเคชั่นแคนเซิล หรือเตรียมงานอีเว้นท์ แต่พอมีคนติดโควิดก็สั่งหยุดงานทันที เราเลยคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันใช่อนาคต หรือควรไปต่อดีมั้ย ซึ่งระหว่างที่เรานั่งคิดเพื่อนคนนี้ก็นั่งอยู่ข้างเราตลอด ปรึกษามาตลอด เขาเป็นเพื่อนกับผมมา 30 ปี เป็นเพื่อนที่โตด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม 

    เป็นเพื่อนที่เราไว้ใจที่สุด ถ้าไม่ใช้แฟน ไม่ใช่ภรรยา ก็คือเพื่อนคนนี้แหละที่เราสนิทและไว้ใจที่สุด แต่เป็นเพื่อนผู้ชายนะ   20-30 ปี เห็นกันมาตั้งแต่ ม.1 

 

Sponsored Ad

 

    ผมก็ค้นหาหนทางลู่ทางทำมาหากินต่อ ระหว่างนั้นเขาก็มีปัญหาเรื่องธุรกิจเขาเหมือนกัน เราก็ช่วยซัพพอร์ตเขาด้วย เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้ทุกเรื่องของเรา ทั้งเรื่องปัญหาการงาน แล้วเราก็เริ่มมีตัวเล็กเพราะยังไม่ขวบนึงเลย เราก็คิดว่าต้องพากันไปข้างหน้าให้ได้ เพื่อคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วเพื่อนคนนี้ก็เป็นอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เรา มีปัญหาเหมือนกัน เราก็คิดว่าเราต้องช่วยกันพาเราไปข้างหน้าให้ได้ ก็เลยเอาเงินก้อนแบ่งให้เขาไปก่อน ยืมไปหมุน ยืมไปเขาก็เอามาคืน


    พอมีข่าวออกมาว่า "แอมป์" ถูกโกง หลายคนก็มองว่า "ร็อคกี้" ก็มีส่วนรู้เห็นกับการโกงเรื่องนี้ ? ร็อคกี้ เผยว่า ก็ไม่แปลกที่คนจะคิดอย่างนั้น เพราะผมกับเขาสนิทกันจริง ๆ ตอนไลฟ์เปิดโทรศัพท์ขายของเขาก็อยู่ข้าง ๆ เขามีปัญหาเราก็ไปซัพพอร์ต แต่ก็บอกว่าเขาว่า ต้องเอากลับมาบ้างละนะ เพราะมีค่าลูกคลอด ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

 

Sponsored Ad

 

    วันดีคืนดีเราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละนะ เพราะมีคน โทร. มาหาเราคนที่ผมก็ไม่รู้จัก ผมก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นวะ มาถามเราว่าเห็นเขามั้ยเจอเขามั้ย เขาก็บอกว่าเขาจัดการเองเราก็บอกว่าอย่าให้มีปัญหาเดี๋ยวเราจะเสียเครดิต 

    รู้ตัวว่าโดนโกงอีกที ก็คือตอนที่เขาไม่อยู่แล้ว เราเป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่เด็ก เราไม่คิดว่าเขาจะโกง ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เขาเริ่มไม่จ่ายกลับคืนเราแล้ว ซึ่งผมก็ไม่คิดอะไร ก็เชื่อว่าเขาพยายามหามาคืนเราอยู่

 

Sponsored Ad

 

    จริง ๆ เราก็พอรู้ว่าเขามีครอบครัวมีแม่อยู่ต่างประเทศ เพราะเขาเคยมาปรึกษา ว่าจะไปเอาเรื่องที่ดิน เรื่องอะไรมาดีไหม ผมก็บอกว่าถ้าจะทำอย่างนั้นก็ต้องชัดเจน ต้องบอกทุกคนนะที่เขามาตาม ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มาหายไปเฉย ๆ 


    เมื่อพิธีกรบอกว่า ค่าความเสียหายที่ตำรวจสรุปมา 300 ล้านบาท ร็อคกี้เผยว่า พี่รู้ไหม ผมไม่เคยรู้มาก่อน คือตอนแรกมันยังไม่มีข่าว มันเริ่มมาจากการคุยกัน เริ่มมีคนโทรมาหาผม มีอยู่พักหนึ่งผมเหมือนคนบ้า ตัวเองมีปัญหาธุรกิจอยู่ โทรศัพท์มาก็อยากรับ แล้วเผื่อมีงาน เผื่อมีธุระหรืออะไร แต่ใจนึงก็ไม่กล้ารับเพราะกลัวจะไม่ใช่เรื่องของเรา

 

Sponsored Ad

 

    เพื่อนก็ห่วง เราก็ไม่คิดว่า เห้ยเพื่อนเราไปทำไรจริงเปล่าวะ หรือแบบนี่เรื่องงานหรือเปล่าวะ เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป ผมรอดบ้ามาได้ก็บุญแล้ว 1-2 เดือนที่แล้ว


    จนมันเริ่มชัดเจนเมื่อปลายเดือนต้นเดือนที่ผ่านมา ตอนแรกที่เพื่อนไป เขาไปเช็กว่าออกนอกประเทศไปหรือเปล่า ตอนแรกผมก็คิดว่าไม่หรอก ตอนนั้นพยายามติดต่อเขาทุกอย่าง แฟนกับเขาก็ไปด้วยกัน แม่เขาก็อยู่ต่างประเทศ เชื่อว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้ว

    บางกระแสก็บอกว่า ร็อคกี้ รู้เห็นเป็นใจในบางอย่าง ซึ่ง ร็อคกี้ เผยว่า ตนเพิ่งมารู้ทีหลัง จริง ๆ  80% คือเพื่อนผมด้วย ที่ที่ตัวคนโกงเขาไปคุยแล้วเอาเงินมา ใช้คอนเน็กชั่นของเรา

Sponsored Ad

    มีน้องคนหนึ่งโทร.มาหาผมแล้วร้องไห้เลย บอกว่าขอแจ้งความเพราะว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมก็ช็อก ก็เลยบอกไปว่า ถ้าเพื่อนเราทำผิดก็จัดการตามกฎหมายได้เลย บางคนโดนไป 10-20 ล้าน บางคนครอบครัวเขามีปัญหา รวมไปถึงตัวเราด้วย

    เราก็คิดว่า นี่มันใช่คนที่เรารู้จักหรือโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ๆ หรือเปล่า ผมลำบากถึงขั้นว่าไปกินก๋วยเตี๋ยวหมดชามแรกจะกินชามที่สองยังต้องคิดเลยเก็บตังค์ไว้ดีกว่ามั้ยวะ ตอนนั้นขึ้นรถก็คิดว่าเรามาถึงจุดนี้แล้วหรอวะ แล้วคนที่ทำเพื่อนเราเลยนะ ยังไม่รวมเรื่องอื่นอีก


    จนทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้เลย เสียดายเงิน ลำบากขนาดนี้ เสียใจที่คนทำคือเพื่อนเรา ถามว่าแค้นใจมั้ยก็แค้นใจนะ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกผมคืออะไร ผมรู้สึกทุกอย่างเลยครับ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมเสียใจที่สุดมันไปไกลกว่านามสกุลและ สิ่งที่ผมเสียใจที่สุด คือวันที่เรามีทำไมไม่ใช่วันที่เราดี เราจะได้ดูแลเขาให้ดีกว่านี้ คือเขารู้ทุกอย่าง อยากให้ตัวเองมีความสุขเพราะเราจะได้ทำให้เขามีความสุข มันข้ามเรื่องนามสกุล หน้าตา ทุกอย่างไปหมด


    ผมเคยคิดอยากจะลาโลกไปเลย มีหรือไม่มีเรามันดีกว่ากัน แต่อย่างที่บอก เราเคยดูแลคนอื่น ทุกวันนี้เหมือนเราเป็นภาระคนอื่นไปหมดเลย มีเราก็ต้องสิ้นเปลือง หรือว่าให้คนอื่นต้องมาดูแลเรา ถ้าไม่มีเราแล้วมันจะเบากว่านี้มั้ย ลูกก็เป็นอีกอย่างนึงทำให้เราอยู่

    เมื่อถามว่าเคยคุยกับหมอมั้ย ร็อคกี้ เผยว่า "ไม่เคย ถ้าเหตุผลตัวเองเลยนะ เพราะผมไม่อยากเสียตังค์" ด้าน "หนิง ปณิตา" บอกว่า "ถ้าวันนี้พี่บอกว่าไปหาหมอ แล้วพี่ดูแลเรื่องเงินให้ไปมั้ย? "

    ร็อคกี้ เผยว่า เพื่อนผมก็เคยบอกแบบนี้ แต่ผมก็บอกว่าขอเวลาหน่อย ทุกอย่างมันสดมาก บางทีทุกอย่างมันตีอยู่ในหัวผมหมดเลย ผมแค่รู้สึกว่าผมต้องไปหาหมอแล้วหรอ ขอลองฮีลด้วยตัวเองอีกหน่อยได้มั้ย ที่ผมเป็นมันเป็นซึมเศร้าแล้วใช่มั้ย ทุกอย่างมันตีกันอยู่ ทุกอย่างผมไม่ได้ห่วงตัวเอง แค่อยากเอาเวลาไปทำงานหาเงินดูแลที่บ้าน ปกติผมไม่ใช่คนใจบางร้องไห้แบบนี้เลยนะ

    สิ่งที่ทำให้อยู่ต่อได้ ส่วนหนึ่งคือลูกเลยครับ เพราะเขาค่อนข้างติดผม คือตอนนั้นที่มีปัญหาเรื่องบริษัทธุรกิจแล้วมาเจอเรื่องนี้อีกคืออย่างที่บอกแทบจะสลับหน้าที่กันเลย 

    ส่วนที่หลายคนถามว่าแล้วครอบครัว "สมบัติเจริญ" หละทำไมไม่ยื่นมือมาช่วย ลูกมีปัญหา? ร็อคกี้ เผยว่า ปีนี้เราก็อายุ 40 แล้ว ไม่ใช่เวลาเกิดปัญหาอะไรแล้ววิ่งไปหาผู้ปกครองหรอกครับ แค่เรื่องที่เกิดขึ้นผมยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้เลย ไม่อยากเอาปัญหาอะไรเพิ่มไปให้ พ่อ คนอื่น ๆ ในวัยสวดมนต์แล้ว ผมพูดตรง ๆ แต่ตอนนี้คิดว่าเขาน่าจะรู้แล้ว

ที่มา : คุยแซ่บShow

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ