เธอบอกลูก "ถ้าแม่แก่ชราส่งไปบ้านพักคนชรานะ" มีเวลาว่างก็มาเยี่ยมบ้าง แค่นั้นพอแล้ว

LIEKR:

ในฐานะพ่อแม่คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ?

    พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาอย่างยากลำบาก นอกจากคาดหวังว่าลูกๆ จะประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว ก็หวังว่าเมื่อตนเองแก่ตัวลงก็อยากจะให้ลูกๆอยู่เคียงข้าง เพราะอย่างไรก็ตามลูกๆในวันนี้ก็คือพ่อแม่และปู่ย่า ตายายในอนาคตอยู่ดี นี้คือสิ่งที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้จริงๆ 

    สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ พิธีกรรายการทีวีหญิงคนหนึ่งของไต้หวันที่มีชื่อในวงการบันเทิงว่า “ยวี่เม่ยเหยิน”  วัย 54 ปีได้พูดกลางรายการว่า เธออดสงสารลูกๆไม่ได้ หากต้องมาดูแลตนเองในยามแก่ชรานานกว่า 10-20 ปีซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก

 

Sponsored Ad

 

    ขณะกำลังดำเนินรายการอยู่นั้นหนึ่งในแขกรับเชิญก็พูดเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองว่า วันหนึ่งได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับสามีของตนเองจนเกือบเอาชี วิ ต ไ ม่ ร อ ด แต่โชคดีที่นำตัวส่งโรงพยาบาลเร็ว ทำให้สามารถช่ ว ย ชี วิ ตได้ทันเวลา แต่เขาก็กลายเป็นคนที่ไร้ ส ม ร ร ถ ภ า พ ต้องมีคนดูแล คอยป้อนน้ำ ป้อนข้าว อาบน้ำ เช็ดตัวให้ เธอดูแลสามีอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จู่ๆวันหนึ่งเธอคิดได้ว่า หากตนเองเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นและจากไปก่อน แล้วสามีจะทำอย่างไร? ตนเองก็ไม่อยากให้เป็นภาระแก่ลูกๆ จึงได้สั่งเสียลูกๆไว้ก่อนว่า หากเกิดเหตุการณ์นี้จริง หากตนจากไปก่อนก็ขอให้ส่งสามีหรือพ่อของลูกๆไปบ้านพักคนชราดีกว่า

 

Sponsored Ad

 

    และพิธีกรหญิงก็พูดขึ้นมาว่า ตนเองก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน ทำให้หลายคนไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เธอคิดเช่นนี้ พร้อมกับตั้งคำถามว่า "ทำไมไม่ให้ลูกสาวเป็นคนดูแล?" แต่ยวี่เม่ยเหยินคิดว่าไม่จำเป็น และไม่คุ้มค่า โดยให้เหตุผลว่า “การดูแลนี้กินเวลานานกว่า 10-20 ปี ไม่อยากทำลายช่วงชีวิตแห่งความน่าตื่นเต้นและน่าประทับใจ ซึ่งเป็นช่วงที่มีค่าที่สุดของชีวิตลูกไป เธออยู่เคียงข้างลูกสาวตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อยากให้ลูกได้โบยบินตามหาความใฝ่ฝัน ไม่อยากให้ลูกต้องมายืดติดกับการดูแลตนและไม่อยากเป็นภาระให้พวกเขา มันไม่มีเหตุผลอะไรมากมาย ฉะนั้นถ้าเธอแก่ตัวลงก็ขอให้ส่งไปยังบ้านพักคนชรา ที่นั้นมีคนดูแลอย่างดี และมีเพื่อนๆมากมาย ถ้าว่างๆก็แวะมาเยี่ยมเธอบ้างก็ได้แล้ว" 

 

Sponsored Ad

 

    ยวี่เม่ยเหยินเข้าใจแนวคิดนี้ว่ามันท้าทายมากสำหรับประเพณีวัฒนธรรมที่ยึดติดมาเป็นเวลานาน เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มีหลาย ๆ คนที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดนี้  เธอบอกว่า "ฉันคิดว่าลูกๆหลายคนกำลังแบกรับภาระนี้อย่างไม่รู้ตัว แล้วลึกๆในใจของพ่อแม่กำลังคิดอะไรอยู่? หากวันหนึ่งฉันเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ขอร้องให้ลูกๆจงมีความสุขให้มากที่สุด นั้นคือรางวัลและการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้ว"

 

Sponsored Ad

 

    ความคาดหวังของแม่ที่มีต่อลูกนั้นไม่มากมาย ไม่ขอให้ต้องตอบแทนอะไร ขอให้ลูกๆประสบความสำเร็จในชีวิต การงานและครอบครัวก็พอแล้ว แต่ยังมีลูกๆหลายคนที่ยังทำใจไม่ได้ที่จะส่งพ่อแม่ยามแก่ชราไปยังบ้านพักคนชรา พวกเขาอยากจะดูแลพ่อแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้! แล้วคุณคิดเห็นอย่างไร?

    พิธีกรหญิงยวี่เม่ยเหยินยังฝากทิ้งท้ายว่า "การเป็นลูกที่เดินในทางถูกต้อง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้พ่อแม่ แค่นี้คนเป็นแม่อย่างฉันก็ถือว่ามีความสุขแล้ว"

ที่มา : buzzhots

แปลและเรียบเรียงโดย Liekr

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ