มีวันนี้เพราะพระพุทธศาสนา จากเด็กบ้านนอก พัฒนาตัวเองได้เป็นทหาร "อนุศาสนาจารย์พุทธ" ของกองทัพบกสหรัฐฯ

LIEKR:

"ตอนเด็กเห็นเครื่องบิน บินผ่าน แค่คิดว่าอยากจะได้นั่งสักครั้งในชีวิต แต่ทุกอย่างที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้ คือพระพุทธศาสนา" /ร.อ.สมญา มาลาศรี

    ตัวอย่างของคนไม่ท้อ สู้ชีวิต มุมานะ จนประสบความสำเร็จ ได้ทำหน้าที่อย่างที่ตัวเองใฝ่ฝันมีอยู่มากมาย เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนที่กำลังขยันทำงานสู้ชีวิตให้มีอนาคตที่ดี และวันนี้เราจะบอกเล่าเรื่องราวของ ร้อยเอกสมญา มาลาศรี บุคคลน่าภาคภูมิใจของวงการคณะสงฆ์ไทยอีกคนหนึ่ง

    ตอนยังเด็ก ร้อยเอกสมญา เคยมองเครื่องบินบินผ่าน แต่ไม่กล้าฝันว่าจะได้ขึ้นไปบิน เพราะบ้านฐานะยากจน เป็นเพียงลูกชาวนา ต้องหยุดเรียน ป.6 ไปเป็นเด็กซ่อมรถ กระทั่งตัดสินใจบวชเรียน เพราะอยากมีอนาคตที่ดี ซึ่งชีวิตหลังจากนั้นก็เปลี่ยนทันที

 

Sponsored Ad

 

    ร้อยเอกสมญา ศึกษาต่อจนสอบเรียนเปรียญธรรมประโยคต่างๆ และเรียนรู้ภาษาอังกฤษ มุ่งมั่นศึกษาหาความรู้ กระทั่งวันหนึ่ง เกิดจุดเปลี่ยนให้เริ่มเข้าสู่เส้นทางชีวิตในต่างประเทศ หลังเรียนจบปริญญาตรีจาก มจร. สอบพระธรรมทูตได้วีซ่าพระสงฆ์ 2 ปี มาอยู่วัดพุทธวราราม เมืองเดนเวอร์ ไม่นานก็ไปอยู่วัดสันติธรรม เมืองโคโลราโดสปริง 1 พรรษา จากนั้นย้ายมาอยู่วัดธรรมคุณาราม

    อาชีพที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ก็คือการเป็นทหาร ก่อนวีซ่าครบจึงตัดสินใจลาสิกขาในวัย 34 หลังอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์บวชเป็นเณร 4 พรรษา และบวชพระ 13 พรรษา เหมือนชะตาลิขิตไว้ พระที่อเมริกาติดต่อให้ไปช่วยงานศาสนาที่วัดในอเมริกา เพราะเห็นว่าพูดภาษาอังกฤษได้ดี โดยวัดจะเดินเรื่องออกกรีนการ์ดให้ จึงกลับมาใช้ชีวิตในอเมริกา

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อเห็นช่องทาง ประกอบกับกองทัพกำลังเปิดรับตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ของทางพุทธศาสนา จึงรีบไปสมัครทหารที่ศูนย์ทหารฟอร์ต แจ็คสัน ก่อนใกล้เรียนจบได้สมัครตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ไว้

    ร้อยเอกสมญา มาลาศรี เข้าไปเป็นทหารกองประจำการอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2553 ในตำแหน่งอนุศาสนาจารย์ชาวพุทธคนแรกที่เป็นทหารกองประจำการ ประจำการครั้งแรกที่ค่ายฟอร์ต ลูอิสต์ เมืองทาโคม่า รัฐวอชิงตัน และเลื่อนยศเป็นร้อยเอก

 

Sponsored Ad

 

    ท่านเผยว่า หน้าที่หลักคอการนำธรรมะเข้าไปให้กำลังใจ แก้ปัญหาชีวิตแก่ทหารอเมริกันที่เป็นชาวพุทธ และเป็นที่ปรึกษาทางด้านศาสนาแก่ผู้บังคับบัญชา

 

Sponsored Ad

 

    สุดท้ายนี้ ท่านก็ได้ฝากข้อคิดไว้ว่า ถ้าเรามัวแต่มองว่าเราจน ไม่ยอมพยายามเรียนรู้พัฒนาตัวเอง เราก็จะมีแต่ถอยหลังไม่ก้าวหน้า แต่ถ้าเราพยายามไปเรื่อยๆ ตามศักยภาพและโอกาส คว้ามันไว้ให้ทัน ในที่สุดก็จะประสบความสำเร็จได้

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

บทความที่คุณอาจสนใจ