พ่อเเม่ ร้อง "หนุ่มกรรชัย" อยากได้ที่ดินคืน โดนสะใภ้จอมเเสบฮุบที่ดินปั๊ม ไล่ไม่ให้มีที่ซุกหัวนอน

LIEKR:

พ่อขึ้นป้ายฉะลูกเนรคุณ ลั่นเขาทำกับพ่อได้ แต่ผมทำลูกไม่ได้ ยังไงก็จะแบ่งสมบัติให้ แม่ร่ำไห้อีกฝ่ายบอกไม่ใช่ลูก !

    ถึงกับน้ำตาไหลร้องไห้โฮกลางรายการ จากเหตุการณ์พ่อแม่ติดป้ายใหญ่โตหน้าปั๊มน้ำมัน ที่กล่าวถึงลูกเนรคุณ แอบเอาที่ดินไปขายจนถึงขั้นฟ้องร้องขอที่ดินคืน

    เจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งนี้ คือ อากงจิวและอาม่าน้อย ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตเป็นผู้ชาย คนที่วองเป็นผู้หญิง และคนสุดท้องเป็นผู้ชาย  อากงกับอาม่า ได้เล่าย้อนไปว่า ก่อนหน้านี้ก็ยังรักใคร่ปรองดองกันดี ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนวันนึงคิดว่าตัวเองอายุมากแล้ว เลยจะแบ่งสมบัติให้ลูกทำมาหากิน

 

Sponsored Ad

 

    อากงและอาม่าเป็นคนต่างด้าวที่ย้ายเข้ามาอยู่เมืองไทย แต่มีน้องชายและน้องสาวที่ถือสัญชาติไทย อากงเข้ามาทำธุรกิจในไทยตอนปี 2523 ได้ซื้อที่ดินจากน้องชาย โดยใส่ชื่อน้องสาวเป็นผู้ถือครอง เพราะตัวเองไม่มีบัตรประชาชน โดยคุยกันว่าถ้าหลานโตจะโอนคืนให้

    ผ่านมา 24 ปี ลูกก็โตพอแล้วก็เลยให้น้องสาวโอนคืน โดยให้ลูกชายคนโตเป็นผู้ถือครองแต่ยังไม่ได้แบ่งให้ขาด ประจวบกับตอนนั้นลูกชายคนโตมีเรื่องฟ้องร้องในศาลเรื่องชู้สาว อากงก็ไม่สบายใจ อายุก็เยอะแล้ว เลยอยากเอาที่ดินทั้งหมดที่มีมากองไว้ตรงกลางใส่ชื่อลูกทุกคน เพื่อให้ง่ายต่อการแบ่งส่วนอย่างถูกต้องเป็นธรรมมากที่สุด

 

Sponsored Ad

 

    อากงได้ทำหนังสือแบ่งทรัพย์ให้ แต่ลูกชายคนโตไม่เห็นด้วย เมื่อก่อนซื้อบ้าน 2 หลังใกล้กันเป็นชื่อของลูกทุกคนร่วมกัน ต่อมาภรรยาของลูกชายคนโตก็ย้ายมาอยู่ และขับไล่อาม่าออกจากบ้าน เลยทำให้อาม่าต้องย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังที่ลูกชายคนสุดท้ายแทน

    พอเกิดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว อากงก็อยากเรียกสมบัติคืน แต่ก็มารู้ความจริงว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ลูกชายคนโตแอบเอาที่ดินปั๊มไปโอนขายให้กับภรรยาตนเองในราคา 2 แสนบาท ทั้งที่ราคาตรงนั้นมากกว่า 20 ล้าน พอรู้ความจริง อากงยังโดนฟ้องเรียกค่าเช่าตั้งปั๊มน้ำมันอีก 9 แสนบาท

 

Sponsored Ad

 

    อากงได้เล่าว่า เขามาบอกว่าอากงค้าค่าเช่าที่ดินทำปั๊ม 2 ปี 9 แสนบาทต้องหามือคืนให้เขาให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่ให้ขายน้ำมันแล้ว แล้วก็มีจดหมายไล่ออกมา 5 ฉบับ เลยคิดว่าแบบนี้ไปฟ้องศาลดีกว่า

    สุดท้ายศาลก็ได้ตัดสินว่า อากงชนะคดีนี้ ลูกชายและภรรยาต้องโอนที่ดินคืนให้กับอากง โดยให้โอนคืนใส่ชื่ออาม่า เพราะตอนนี้อาม่ามีบัตรประชาชนแล้ว ศาลได้ระบุว่า ด้วยราคาที่ดิน 20 ล้าน แต่โอนขายแค่ 2 แสน มันเป็นเรื่องนิติกรรมอำพรางเป็นหลัก และพิสูจน์ได้ว่าอากงเป็นคนซื้อที่ดินจริง แต่น้องสาวเป็นคนถือแทน เจ้าหน้าที่ธนาคารก็รับรู้เรื่องนี้ 

 

Sponsored Ad

 

    ศาลได้รู้ว่าเงินซื้อที่ดินนี้เป็นของอากง แต่อากงถือเอกสารสิทธิไม่ได้ พอลูกโตก็ให้น้องสาวโอนชื่อให้กับลูกชายคนโตถือต่อ เลยตัดสินว่าการให้ครั้งนี้ไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ด้วยเจตนารมณ์ของอากงจริง ๆ ต้องการให้ลูกทั้ง 3 คนได้ของเท่ากัน

 

Sponsored Ad

 

    ทนายได้บอกว่า วันที่ขึ้นศาลลูกชายพูดกลางศาลว่าพ่อแม่เขาเสียไปหมดแล้ว ทั้งอาม่าและอากงไม่ใช่พ่อแม่ของตน และบอกว่าที่ดินนี้ตนเองซื้อมาไม่ได้ถือสิทธิแทน อาม่าเสียใจมากที่ลูกชายแท้ๆ มาพูดแบบนั้น อากงเลยท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ พร้อมบอกว่าถ้าไม่ใช่ลูก ก็จะยกที่ดินให้เลยโดยไม่ฟ้องร้อง แต่ลูกชายก็ขอปฏิเสธ

    อากงได้บอกว่า ลูกชายคนนี้เกิดที่ฮ่องกง พอมาถึงเมืองไทย ไม่อยากให้เขาเป็นต่างด้าวแบบตนเอง ก็เลยพาไปเสียบบัตรประชาชน ทำสูติบัตรเอาเพื่อนที่เป็นคนไทยมาสวมชื่อเป็นพ่อ เพื่อขอสูติบัตร (สมัยก่อนทำได้ ตอนนี้ทำไม่ได้)

 

Sponsored Ad

 

    อากงได้บอกว่า เรื่องทั้งหมดตนเองต้องการแบ่งทรัพย์สิน เขาเป็นลูกคนโตอากงก็เลยให้มากที่สุด เอาตัวปั๊มไป แต่ยังไม่พอใจ คิดจะฮุบเอาสมบัติทั้งหมดที่ครอบครัวมี แถมยังมาไล่แม่ออกจากบ้าน ไล่พ่อออกจากที่ทำกิน แบบนี้รับไม่ได้จริง ๆ

    ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยติดต่อกับลูกชายคนนี้เลย เขาตัดขาดความสัมพันธ์ วันเกิดพ่อตัวเองก็ยังไม่มาหา เรียกมากินข้าวก็บอกไม่ว่างไปต่างจังหวัด แต่โป๊ะแตกไปเจอกันที่ห้าง ก็เลยรู้ว่าเขาโกหกและหนีหน้า

Sponsored Ad

    อากงบอกว่า ทุกวันนี้เสียใจมาก ลูกที่รักทั้งคนบอกว่าตนเองไม่ใช่พ่อแม่ (ส่วนอาม่าก็นั่งร้องไห้อยู่ข้างอากง) อยากให้เรื่องนี้จบแล้ว ไม่ต้องฟ้องร้องกัน เรารอเขาเข้ามาคุยทุกวัน แต่ก็ไม่มา แถมยังมาด่าอีกด้วย 

    อากงบอกและอาม่าได้บอกว่า ตอนนี้แค่อยากให้เอาที่ดินคืนมา แล้วก็จัดแบ่งให้ใหม่ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากวุ่นวายเลย แต่เขาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเข้ามาขอโทษก็พร้อมให้อภัย สายเลือดเดียวกันยังไงก็ตัดไม่ขาด ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังเป็นลูกอยู่ดี “เขาทำพ่อแม่ได้ แต่พ่อแม่ทำลูกไม่ได้” 

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ที่มา : รายการโหนกระแส


บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ