"เมืองนี้" กำลังถูก "ความมืดมิดกลืนกิน" ก่อนจะเห็นแสงอาทิตย์อีกครั้งหลังผ่านไป 65 วัน!

LIEKR:

ไร้แสงแดด ไม่มีความร้อน

        ในขณะที่คนไทยหลายคนบ่นว่าร้อน เบื่อกับแดดเปรี้ยงในช่วงกลางวัน และหลายคนก็ชื่นชอบที่จะใช้ชีวิตกลางคืนมากกว่า แต่ถ้าถามว่าให้คุณต้องใช้ชีวิตที่ไม่มีกลางวัน ไม่พบเจอแสงแดด คุณจะอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหน ? 

        วันนี้ไลค์เกอร์จึงขอพาทุกท่านไปชมเมืองๆ หนึ่งที่คุณอาจไม่คาดคิดว่าจะมีเมืองแบบนี้อยู่บนโลกก็เป็นได้

 

Sponsored Ad

 

        Utqiagvik หรือมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเมืองแบร์โรว์ ถือเป็นเมืองที่อยู่ในรัฐแอลาสกา และเป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองแบร์โรว์ก็คล้ายๆ กับเมืองอื่นๆ ที่ใกล้กับเขตอาร์กติกหรือขั้วโลกเหนือ คือมีอากาศหนาวเย็นปกคลุมตลอดทั้งปี แต่สำหรับเมืองแบร์โรว์นี้ ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเมฆหนาแน่นที่สุดในโลก ประชากรราว 4,000 คน ล้วนแต่เป็นชาวพื้นเมืองแอลาสกา เพราะมีชาวต่างถิ่นน้อยคนนักที่จะตัดสินใจย้ายมาอาศัยในเมืองแห่งนี้


 

Sponsored Ad

 

        ในอดีต เมืองแบร์โรว์เองเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของแอลาสกา ที่มีแหล่งขุดเจาะน้ำมันที่สำคัญของอเมริกา ผู้คนจำนวนมากทำงานเกี่ยวกับน้ำมัน ทำงานให้กับรัฐบาล ส่วนที่เหลือก็ทำงานด้านการท่องเที่ยว ฟังดูที่นี่ก็ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่ทำไมถึงมีผู้คนจำนวนมากอยากเดินทางมาท่องเที่ยวยังเมืองแห่งนี้ ?

        เช่นเดียวกับเมืองที่ใกล้กับเขตอาร์กติกเมืองอื่นๆ นั่นก็คือมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และกลางวันกลางคืน โดยหนึ่งในปรากฏการณ์ที่ผู้คนเดินทางมาชมมากที่สุดนั่นก็คือ “พระอาทิตย์เที่ยงคืน” (Midnight Sun) ที่หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง

 

Sponsored Ad

 

        พระอาทิตย์เที่ยงคืน เกิดขึ้นในช่วงเดือนฤดูร้อนในเขตวงกลมอาร์กติก โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เราจะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าในเวลาเที่ยงคืนตรง คุณก็ยังสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าได้ ในสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย โดยในช่วงเวลานี้ หลายๆ เมืองก็ได้จัดงานและเทศกาลเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสกับปรากฏการณ์ที่น่าสนใจนี้

 

Sponsored Ad

 

        แต่พระอาทิตย์เที่ยงคืนก็ไม่ใช่ปรากฏการณ์เดียวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมืองแบร์โรว์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของอเมริกา เพราะในทางตรงกันข้ามที่เป็นช่วงเวลาฤดูหนาว พระอาทิตย์จะหายไป และคุณจะได้สัมผัสช่วงเวลากลางคืนที่ยาวนานถึง 65 วัน หรือประมาณ 2 เดือนเลยทีเดียว โดยปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า Polar Night


 

Sponsored Ad

 

        สำหรับในปี 2018 ที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ Polar Night เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน โดยเมืองทั้งเมืองจะตกอยู่ภายใต้ช่วงเวลากลางคืนตลอด 24 ชั่วโมง ยาวนานไปจนกว่าจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าอีกครั้งในวันที่ 23 มกราคม 2019 แต่มันจะค่อยๆ ขึ้นโดยใช้เวลานานราว 1 สัปดาห์กว่าที่จะเห็นพระอาทิตย์เต็มดวง

        ในช่วงครึ่งแรกของ Polar Night จะมีแค่เพียง 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นที่เราจะได้เห็น แสงสนธยาปกติ (Civil Twilight) หรือ แสงทอง ซึ่งเป็นแสงจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวที่เราจะได้สัมผัส แต่หลังจากนั้นเมืองทั้งเมืองก็จะตกอยู่ในความมืดมิดอย่างสมบูรณ์ โชคดีที่ผู้คนในเมืองนี้คุ้นเคยกับความมืดที่ยาวนานเป็นอย่างดี จึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง

 

Sponsored Ad

 

        เรื่องราวของเมือง แบร์โรว์ ยังเคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญที่ชื่อว่า 30 Days Of Night ที่มีการหยิบเอาปรากฏการณ์ท้องฟ้ามืดมิดนาน 30 วันไปสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวกับแวมไพร์ ซึ่งนำแสดงโดย จอช ฮาร์ทเน็ตต์ ใครที่ชื่นชอบเรื่องราวของเมืองแบร์โรว์และภาพยนตร์แนวสยองขวัญก็ลองไปหาชมกันได้นะครับ

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพจาก petmaya

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ