โรคเกาต์เกิดจากการสะสมกรดยูริคที่มากเกินไปในร่างกาย กรดยูริคเป็นสารที่เกิดจากการสลายตัวของพิวรีน โดยพิวรีนจะถูกสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกาย พิวรีนมีอยู่ในอาหารหลายชนิด เช่นตับ ถั่วแห้ง และปลากะตัก ภายใต้สถานการณ์ปกติกรดยูริคจะถูกย่อยสลายในเลือด หลังจากนั้นไตจะขับออกมาทางปัสสาวะ
แต่อย่างไรก็ตามกรดยูริคสามารถสะสมในเลือดได้ในสถานการณ์ต่อไปนี้ :
Sponsored Ad
ร่างกายผลิตกรดยูริคเพิ่มขึ้น ไตไม่สามารถกำจัดกรดยูริคได้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีพิวรีนมากเกินไป ถ้าในเลือดมีระดับของกรดยูริคสูง เรียกว่า ภาวะกรดในเลือดสูง (Hyperuricemia) คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะกรดในเลือดสูง ไม่ได้เป็นโรคเกาต์ แต่ถ้าเกิดการตกผลึกของกรดยูริคที่มากเกินไปในร่างกาย ก็จะเกิดเป็นโรคเกาต์
Sponsored Ad
ถ้าคุณมีสิ่งต่อไปนี้ โอกาสที่คุณจะเป็นโรคเกาต์จะสูงขึ้น :
ในครอบครัวมีคนเป็นโรคเกาต์ เป็นผู้ชาย น้ำหนักตัวเกิน ดื่มเหล้ามากเกินไป รับประทานอาหารที่มีพิวรีนมากเกินไป สัมผัสกับตะกั่วในสิ่งแวดล้อม ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ใช้ยาขับปัสสาวะ แอสไพริน Cyclosporine หรือ Levodopa และยาอื่น ๆ ใช้วิตามินไนอาซิน
คุณหมอเจีย เจ้าของหนังสือมากมายแนะนำว่า เพียงแค่ผู้ป่วยโรคเกาต์ ดื่มน้ำมะพร้าวสดวันละ 1-2 ลูก อาการปวดเกาต์ก็จะหายไปใน 1-2 ชั่วโมง ถ้าดื่มติดต่อกัน 2-3 เดือน อาการก็จะหายไป ถ้าไม่มีมะพร้าวสด น้ำมะพร้าวกระป๋องก็ใช้แทนได้ แต่มะพร้าวสดก็ยังให้ผลดีที่สุด
Sponsored Ad
หลายๆ คนกังวลว่ามะพร้าวจะเย็นเกินไปมั้ย จริงๆแล้วไม่ต้องคิดมาก เพราะผู้ป่วยโรคเกาต์ ร่างกายจะค่อนข้างแห้ง พิวรินจะถูกสะสมในร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำมะพร้าวจะช่วยชำระหินเกาต์ที่สะสมอยู่ให้ออกมาได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ยาฝรั่งยังทำไม่ได้
โรคเกาต์เป็นโรคที่ผู้ป่วยทรมานมาก ตอนที่มันมีอาการ เรียกได้ว่าปวดจนอยากตาย อาการของโรคนี้เหมือนแกล้ง มักจะกำเริบเวลากลางดึก
Sponsored Ad
น้ำชามะละกอ+น้ำมะพร้าว
เอามะละกอดิบมาหนึ่งลูก ล้างให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก เอาเม็ดออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในหม้อ ใส่น้ำสี่ถ้วย ต้มจนเดือด เปลี่ยนเป็นไฟอ่อนแล้วต้มไปอีก 2 นาที ปิดไฟ ใส่ใบชาที่ชอบลงไป 1 ช้อนชา ครึ่งชั่วโมงต่อมาเทน้ำชาออกมา ผสมกับน้ำมะพร้าว (ถ้าไม่มีน้ำมะพร้าวสดใช้น้ำมะพร้าวกระป๋องก็ได้) เทน้ำชามะพร้าวใส่ลงขวด ใช้เป็นเครื่องดื่มตลอดทั้งวัน แทนเครื่องดื่มชนิดอื่น
มะละกอที่เอามาใช้ต้องยังไม่สุก เปลือกยังเขียวอยู่ โดยปกติมะละกอจะสุดประมาณ 4 เดือน แต่ถ้าสุกแล้วก็ไม่มีผลในการรักษา มะละกอดิบควรจะถูกเก็บประมาณ 3 เดือน จะให้ผลดีที่สุด
แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR