คนผ่อนบ้านส่วนใหญ่ยังไม่รู้! เพียงรีไฟแนนซ์บ้าน "ทุก 3 ปี" ก็ลดดอกเบี้ยได้เป็นล้าน!

LIEKR:

ลดดอกเบี้ยได้เป็นล้าน! เคล็ดลับดีๆ ที่คนผ่อนบ้านส่วนใหญ่ยังไม่รู้

        เชื่อว่าหลายคนที่มีบ้าน ต้องปวดหัวกับการผ่อนอย่างยาวนานแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนี้ไปทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้! แต่หากเราไม่มีทางเลือก วิธีที่ดีที่สุดคือเรียนรู้ที่อยู่กับหนี้ก้อนนี้อย่างเป็นระบบ สิ่งที่ตามมาจากการผ่อนระยะยาว นั่นก็คือดอกเบี้ยที่บานพรั่งพรู มากพอๆ กับราคาบ้านเลยทีเดียว

        ล่าสุด ทางเพจ FINSTREET ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ "รีไฟแนนซ์บ้าน" มูลค่าบ้านและดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่าย มาคำนวณเปรียบเทียบให้เห็นคร่าวๆ กัน ว่าการมีบ้านสักหลังต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงแค่ไหน เเละการรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยลดค่าดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายได้เท่าไหร่? รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลยครับ

 

Sponsored Ad

 

        รีไฟแนนซ์บ้าน

        **ข้อมูลในตารางคิดจากดอกเบี้ยผ่อนปกติ 6.5% ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี เมื่อรีไฟแนนซ์ได้ดอกเบี้ยที่ 3.5% ต่อปี ผ่อน30 ปี และรีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปีที่อัตราดอกเบี้ย 3.5%

        ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยลดดอกเบี้ยบ้านได้ ช่วยให้คุณมีเงินเหลือและนำเงินไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้

 

Sponsored Ad

 

        ลองมาดู “3 ขั้นตอน รีไฟแนนซ์อย่างไรให้มีกำไรคุ้มค่า” ก่อนตัดสินใจ ดังนี้ 

        1. เปรียบเทียบเงื่อนไขของธนาคารต่างๆ

 

Sponsored Ad

 

        เนื่องจากกฎเกณฑ์ของแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ อัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสินเชื่อที่จะรีไฟแนนซ์จะต้อง ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยตลอดสินเชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเงื่อนไขเรื่องจำนวนเงินผ่อนต่องวดที่ลดลงและระยะเวลาการผ่อนชำระที่นานขึ้น เพื่อคำนวณว่าจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้เรามากขนาดไหน


        2. สำรวจค่าใช้จ่ายอื่นๆ

 

Sponsored Ad

 

        การรีไฟแนนซ์ก็คล้ายกับการขอสินเชื่อใหม่ ดังนั้นเราก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใน กระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจดจำนองหลักประกัน 1% ของวงเงินกู้ การประเมินมูลค่า หลักประกัน การทำประกันอัคคีภัย ซึ่งหลายๆ ธนาคารก็มักจะยื่น ข้อเสนอประเภทฟรีค่าธรรมเนียม ต่างๆ เพื่อจูงใจให้ตัดสินใจเลือก รีไฟแนนซ์ด้วย ที่สำคัญคือ ต้องตรวจสอบเงื่อนไขการ ไถ่ถอนสินเชื่อจาก ธนาคารเดิมด้วยว่ากำหนด ให้สามารถรีไฟแนนซ์ได้ตั้งแต่ ปีที่เท่าไรของการกู้ เพราะถ้า ผิดเงื่อนไขจะต้องจ่ายค่าปรับการ ไถ่ถอนก่อนกำหนดด้วย

 

Sponsored Ad

 

        3. ตัดสินใจว่าจะรีไฟแนนซ์หรือไม่

        หลังจากได้ข้อมูลแหล่งเงินกู้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดแล้ว ก็ต้องวิเคราะห์ เพื่อตัดสินใจ โดยนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเปรียบเทียบกับจำนวนดอกเบี้ย ทั้งหมดที่เราจะประหยัดไปได้ หากดูแล้วคุ้มค่าต่อการรีไฟแนนซ์ ก็ติดต่อธนาคารและดำเนินการตามขั้นตอนได้เลย ถ้าต้องการวงเงินสินเชื่อรีไฟแนนซ์สูงกว่ายอดสินเชื่อคงเหลือเดิม ให้ลองยื่นเอกสารกับธนาคารเป้าหมายอย่างน้อย 3 แห่งขึ้นไป จากนั้นเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้วงเงินสูงที่สุด ภายใต้เงื่อนไขการผ่อนชำระและค่าธรรมเนียมที่ใกล้เคียงกัน

 

Sponsored Ad

 


        หลังจากผ่อนบ้านจนครบกำหนดเวลาขั้นต่ำตามสัญญาเงินกู้แล้ว เรามีโอกาส และมีสิทธิในการตัดสินใจในเรื่องการรีไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตาม เราต้องเปรียบเทียบ รายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ให้ดี เพราะไม่ได้มีแค่เรื่องของดอกเบี้ยที่ถูกลงเท่านั้น ยังมีเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งเราจะต้องคำนวณความคุ้มค่า ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง แต่ถ้าคำนวณแล้วเงินที่ประหยัดดอกเบี้ยไปไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียเวลา ก็ควรเลือกชำระเงินกู้กับธนาคารเดิมจนหมดสัญญาดีกว่า

**การลงทุนและการผ่อนต่างๆ มีความเสี่ยง ผู้ผ่อนควรศึกษาวิธีการที่เหมาะสมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการลงทุน**


ข้อมูลจาก : เพจ FINSTREET ,siamnews

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ