จากร้านเสื้อธรรมดา สู่ ห้องเสื้อ "แบรนด์ไทย" ที่ดาราระดับโลกไว้ใจ ดีไซน์หรูดูแพง ใครใส่ก็สวย!

LIEKR:

ฝีมือคนไทยไม่แพ้ชาติในโลก...

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ 

        ถอดรหัส 12 ปี แห่งความสำเร็จแบบฉบับ POEM ห้องเสื้อแบรนด์ไทย “สวยหรู ดูแพง” ติดระดับโลก 

        มีอยู่ช่วงหนึ่งที่การเมือง เกิดกระแสที่คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้วิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับเรื่องสีเสื้อผ้าที่ตรงกับธรรมเนียมปฏิบัติ ของคุณพรรณิการ์ วานิช สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่สวมใส่เข้าสภา จนสังคมในโลกโซเชียล หันไปโฟกัสกับแฟชั่นเสื้อผ้าของคุณช่อ พรรณิการ์ ที่ต้องยอมรับว่า ถ้าตัดเรื่องข้อโต้แย้งว่า ถูกหรือผิดธรรมเนียมแล้ว  เป็นชุดที่ดูดี มีเอกลักษณ์โดดเด่น  อีกทั้งสนนราคาก็ใช่ย่อย ชุดนี้เกือบ 3 หมื่นบาทเลยทีเดียว

 

Sponsored Ad

 

        ชุดแจ๊กเก็ตสูทโทนสีขาว-ดำ คอลเล็กชั่น Black & White OMBRE ที่คุณพรรณิการ์ใส่

        ซึ่งแบรนด์ที่คุณช่อ พรรณิการ์ ใส่ นักสืบโซเชียลต่างสืบทราบกันมาว่า เป็นห้องเสื้อแบรนด์ไทย POEM เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นไทยมายาวนาน ด้วย “ความสวยหรู ดูแพง” ที่เป็นเอกลักษณ์เด่น ดูได้จากชุดแจ๊กเก็ตสูทโทนสีขาว-ดำ คอลเล็กชั่น Black & White OMBRE ที่คุณพรรณิการ์ใส่ ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี  ในวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น จึงไม่แปลก ที่เหล่าเซเลบริตี้ สาวสังคม และดารานักแสดง จะให้ความนิยมกันเป็นอย่างมาก

 

Sponsored Ad

 

        คุณฌอน–ชวนล ไคสิริ  ดีไซเนอร์และเจ้าของร้าน วัย 35 ปี มานั่งคุยแบบเอ็กซ์คูลซีฟกับ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” โดยเขาเกริ่นให้ฟังว่า โพเอม ก่อตั้งมาแล้วกว่า 13 ปี จุดเริ่มต้นของแบรนด์เรียกได้ว่าเริ่มจากศูนย์อย่างแท้จริง เพราะครอบครัวเป็นลูกหลานชาวจีน คุณแม่มีอาชีพเป็นช่างเสื้อ จึงคลุกคลีกับการทำเสื้อผ้ามาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อโตขึ้นเขากลับเลือกเข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะชื่นชอบบรรยากาศการทำงาน และอยากเจริญรอยตามญาติที่เป็นสถาปนิก

 

Sponsored Ad

 

คุณฌอน–ชวนล ไคสิริ ดีไซเนอร์และเจ้าของร้าน วัย 35 ปี

        “จุดที่ทำให้เริ่มหันมาสนใจเรื่องการทำเสื้อผ้าอย่างจริงจัง มาจากการทำละครเวทีที่จะมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกัน และผมจะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเสื้อผ้านักแสดง มาตั้งแต่ปี 1 ด้วยเหตุผลเดียวเลย คือ ที่บ้านเรามีร้านตัดเสื้อ เพราะคุณแม่เป็นช่างตัดเสื้อ ชุดต่าง ๆ ต้องออกแบบชุดให้ตรงกับคาแร็กเตอร์ของตัวละครนั้นๆ ฝ่ายออกแบบก็จะวาดรูปมาให้ แล้วเอาไปตัดที่ร้านแม่ ผมก็เลยได้ลองจับๆ ทำๆ จนซึมซับความรู้ด้านการตัดเย็บทุกอย่างมาจากแม่ และกลายเป็นความสนใจในด้านนี้” คุณฌอน กล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม

 

Sponsored Ad

 

        เขากล่าวว่า คุณแม่ของเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าลูกโตมาจะมาทำเสื้อผ้าขาย เพราะสำหรับแม่ การเป็นช่างเสื้อกับการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์นั้น ไม่รู้ว่าแตกต่างกันอย่างไร แม่เป็นคนที่ไม่ตามแฟชั่น และไม่คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เรียกว่าแฟชั่น เป็นเพียงสไตล์ที่ตนเองชื่นชอบ และมีวิธีทำแพตเทิร์นตัดเสื้อผ้าให้เป็นรูปร่างของคนเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นเทคนิคการทำเสื้อผ้าของช่างเสื้อ คุณฌอนนำเอาต้นทุนความรู้ที่ได้ มาปรับให้ทันสมัย ผ่านการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่เป็นตัวของเขาเอง 

 

Sponsored Ad

 

        และเริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2549 เรียกว่าเรียนจบปุ๊บ ก็ทำแบรนด์เสื้อผ้าปั๊บ เขาใช้ชื่อแบรนด์ว่า POEM (โพเอม) มาตั้งแต่ตอนนั้น ด้วยทุนเริ่มต้นจำนวน 120,000 บาทที่ขอมาจากคุณแม่ นำไปใช้เช่าที่เปิดร้านในสยามสแควร์จนปี 2553 เกิดม็อบการเมือง ตามด้วยน้ำท่วมปี 2554 ทำให้ห้องเสื้อของเขาขาดรายได้ จนถึงขั้นคิดจะปิดกิจการ แต่เขาก็กัดฟันสู้ คุมต้นทุนทุกอย่าง จนผ่านวิกฤตนั้นมาได้

 

Sponsored Ad

 

        คุณฌอน เล่าว่า โพเอมในยุคแรก ไม่มีความคล้ายคลึงกับโพเอมในปัจจุบันเท่าใดนัก หากแต่ยังคงมีส่วนที่เหมือนกันในเรื่องของ  คอร์เซต (corset) ที่ทำให้เสื้อผ้าของแบรนด์ POEM หลายๆ ชุด ถูกเรียกว่า ชุดเอวสับ และชุดกระโปรงบานดุจเจ้าหญิง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์  โดยคอร์เซตที่คุณฌอนทำในตอนแรก เป็นคอร์เซตที่มีเชือกกับเหล็กมีโครง และมีปักลูกไม้ผสมเข้าไป เป็นคอร์เซตที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก อีกทั้งยังมีความหนาและหนัก ต่างกับชุดในปัจจุบันที่ทั้งดูแข็งแรงและมีน้ำหนักเบากว่า

Sponsored Ad

        จุดเด่นที่ทำให้ “โพเอม” เป็นที่รู้จัก คุณฌอน เล่าว่า แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก เป็นช่วงที่แบรนด์เพิ่งเปิดมาได้ 3-4 ปี เขามีโอกาสได้รู้จักกับ คุณจูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์ พิธีกรสาวสวยที่มาซื้อเสื้อผ้าที่ร้าน แล้วเกิดความประทับใจในสไตล์และคาแร็กเตอร์ของเธอ จึงคอยดูแลตัดชุดให้ พอคนได้เห็นเสื้อผ้าที่เธอใส่ ก็ถามกันมาว่า “คุณจูนใส่เสื้อของใคร” พอรู้ว่าเป็นแบรนด์โพเอม จุดนี้จึงกลายเป็นจุดแรก ที่โพเอมเริ่มเป็นที่รู้จัก

        หลังจากนั้น แบรนด์เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น  มาจากชุดแต่งงานของคุณโอปอล์-ปาณิสรา  อารยะสกุล พิธีกร นักแสดง เมื่อปี 2557 ที่เป็นชุดคอกลมแขนยาว กระโปรงทรงหางปลา ที่สามารถนำชิ้นท่อนบนและท่อนล่างไปมิกซ์แอนด์แมตช์กับชุดอื่นได้ เป็นไอเดียการออกแบบของคุณฌอน ที่ต้องการให้ชุดของโพเอมเป็นชุดแบบ Timeless สามารถใส่ได้ตลอดเวลา ไม่ตกยุคหรือล้าสมัย  ชุดแต่งงานของโอปอล์ ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง จนทำให้ยอดติดตามในอินสตาแกรมทั้งของแบรนด์ และอินสตาแกรมส่วนตัวคุณฌอน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น แบรนด์เริ่มได้งานตัดเย็บชุดเจ้าสาว มากขึ้น

        นอกจากนี้ ยังมีกรณีชุดงานแต่งงานของคุณจุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา กับดีเจพุฒิ-พุฒิชัย เกษตรสิน ที่คนพูดถึงโพเอมกันมาก โดยเป็นชุดไทยผ้ามัดหมี่ลายดอกหมาก ซึ่งเป็นการทำงาน และรีเสิร์ชร่วมกันระหว่างคุณฌอน กับ จิม ทอมป์สัน ประเทศไทย ในการทอลายดอกหมากสีขาวบนผ้าสีขาว ถือเป็นงานทอที่ยากมาก  เนื่องจากการทอลายสีขาวบนผ้าขาว หากทอลายเล็กๆ เมื่อถ่ายรูปออกมา ชุดจะดูไม่สวย จึงต้องทอเป็นลายใหญ่ ผนวกกับเป็นลายโบราณที่ไม่ค่อยมีใครทำ อีกทั้งยังมีการนำโครงเสื้อคอร์เซตที่เป็นทรงคอวี มาผสมกับผ้าไทย ซึ่งเมื่อทำออกมาเป็นชุดเจ้าสาวแบบโมเดิร์นแล้ว เรียกได้ว่าเป็นชุดที่สวยงามมากชุดหนึ่ง

        “สิ่งที่ทำให้แบรนด์ยังอยู่ได้และขายได้ราคา เป็นเพราะ POEM มีอะไรที่เป็นกายภาพ อยู่ในดีไซน์ มีแพตเทิร์น มีซิกเนเจอร์ที่บ่งบอกความเป็นโพเอม นั่นก็คือ เอว เพราะผู้หญิงที่ใส่ชุดของโพเอม โดยเฉพาะชุดที่มีการใช้เทคนิคของแบรนด์ อีกทั้งวัสดุที่ใช้ในการทำเสื้อผ้า จะมีการใช้ผ้าไทยเข้ามาเป็นส่วนประกอบอยู่ตลอด แต่ไม่เยอะมาก เนื่องจากต้นทุนผ้าไหมไทยมีราคาสูง ซึ่งลูกค้าบางคนจะใช้ผ้าไหมไทยเมื่อตัดชุดเจ้าสาว แต่ถือว่าคุ้มค่า เมื่อชุดออกมาสวย และช่วยเสริมบุคลิกผู้ใส่ให้โดดเด่น”

        โดยเสื้อผ้าของโพเอม จะออกมาเป็นคอลเล็กชั่น ทั้งหมด 4 คอลเล็กชั่นต่อปี มีตั้งแต่ชุดใส่ได้ทั่วไป ที่เรียกว่า ready to wear ราคาหลักพันบาท ไปจนถึงชุด โอร์ กูตูร์ (Haute Couture) ราคาหลักแสน  โดยคอลเล็กชั่นจะเริ่มที่สปริง-ซัมเมอร์ (Spring Summer) จะปล่อยออกมา ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม คอลเล็กชั่นที่ 2 ทรีฟอล (Tree Fall) ประมาณต้นเดือนมิถุนายน และคอลเล็กชั่นใหญ่ที่สุดของปี คือ ออทัม-วินเทอร์ (Autum Winter) ต้นเดือนสิงหาคมถึงกลางสิงหาคม และขายยาวไปถึงสิ้นปี และช่วงต้นธันวาคม แบรนด์จะปล่อยสินค้าออกมาอีกล็อต เพื่อขายในช่วงคริสต์มาส ปีใหม่ และวาเลนไทน์

        คุณฌอน เล่าเพิ่มเติมให้ฟังอีกว่า ในช่วงสงกรานต์ เดือนเมษายนที่ผ่านมา โพเอมได้รับเชิญให้ไปเดินแฟชั่นโชว์ ซีอาน อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่นวีค ที่ประเทศจีน เขาเผยว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน  ซึ่งเป็นเวทีแฟชั่นโชว์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ครั้งแรกของซีอาน รัฐบาลจีนได้เชิญแบรนด์ดังระดับอินเตอร์ ให้มาร่วมจัดแฟชั่นโชว์ อาทิ แมกซ์ มาร่า (Max Mara)  สเตลลา แมคคาร์ทนีย์ (Stella McCartney)  จิมมี ชู (Jimmy Choo) แอนนา ซุย (Anna Sui) และดีไซเนอร์อื่นๆ รวมประมาณ 15 แบรนด์  โดยมีแบรนด์ POEM ที่เป็นแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยเพียงแบรนด์เดียว ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม

        “ผมมองว่า สำหรับไทย ดีไซน์มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก ที่จะก้าวไปสู่ตลาดระดับโลก เพราะโลกตอนนี้มีพวกออนไลน์ช็อปปิ้งเข้ามาเยอะมาก โพเอมเองกำลังเตรียมไปเปิดตลาดที่จีน และทำการบ้านเรื่องออนไลน์ช็อปปิ้งอยู่ ปัจจุบันเรายังไม่มีร้านค้าออนไลน์ แต่กำลังจะมีช่วงปลายปีนี้  มีลูกค้าจากอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง รัสเซีย อีเมลมาหา เลยทำให้เรารู้ว่า มันมีความต้องการซื้ออยู่ในตลาดต่างประเทศนะ แต่เราไม่ได้ผลิตชุดออกมาได้เยอะขนาดนั้น เพราะทุกอย่างทางธุรกิจจะเป็นเรื่องตัวเลขทั้งหมด ทั้งการคำนวณจุดคุ้มทุน-คืนทุน การทำช็อปปิ้งออนไลน์มันจะทำให้ทุกอย่างเข้าถึงได้ง่ายขึ้น” คุณฌอน กล่าวทิ้งท้าย

        สำหรับใครที่สนใจ อยากชม ทดลองแฟชั่นของ POEM แวะไปได้ที่ช็อปทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ชั้น 2 ศูนย์การค้าเกษร พลาซ่า, ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น M ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21, ชั้น 1 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม, ชั้น 2 เซ็นทรัล เวิลด์ ฝั่ง Zen Department Store 1 และ ชั้น 3  POEM menswear ศูนย์การค้าเกษร พลาซ่า หรือ IG :POEM_official

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพ จาก sentangsedtee

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ