"เมี่ยง อติมา" อดีตนางเอง "ดาวพระศุกร์" ทิ้งวงการไปนาน ผันเป็นแอร์โฮสเตส แต่ยังสวยไม่เปลี่ยน!

LIEKR:

จำ 'ดาวพระศุกร์' ได้หรือเปล่า? 'เมี่ยง อติมา' ทิ้งวงการเป็นแอร์ฯ

        เมี่ยง อติมา อดีตนางเอกดาวพระศุกร์ เผยชีวิตแฮปปี้เวอร์ หลังเบนเข็มจากดาราไปเป็นแอร์โฮสเตส เผยชีวิตครอบครัวกำลังจะสมบูรณ์แบบเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน เปรยหากคลอดลูกเสร็จอยากจะหวนคืนวงการรับงานแสดงอีกครั้ง

        ซุปตาร์วันวานเดือนนี้ เราจะพาแฟนๆ ไปรู้จักกับอดีตนางเอกละครชื่อดัง ดาวพระศุกร์ เวอร์ชั่น 2002 กับ เมี่ยง อติมา ธนเสนีวัฒน์ อดีตนักแสดงช่อง 7 สีชื่อดัง หลังจากที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมาเกือบ 15 ปี แต่ตอนนี้ได้หันหลังให้วงการบันเทิง และผันตัวเองไปเป็นแอร์โฮสเตสเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีผลงานที่อยู่ในความทรงจำของแฟนละครมากมายหลายเรื่อง ชีวิตในตอนนี้ของเมี่ยงจะเป็นอย่างไรบ้าง เราไปอัพเดตพร้อมๆ กันเลย

 

Sponsored Ad

 

        ชีวิตปัจจุบัน?

        อย่างที่ทราบกันนะคะ หลังจากที่เมี่ยงหันหลังให้วงการบันเทิง และแต่งงานกับ คุณพ็อค เรืออากาศเอก อำมฤต สันตกุล เมี่ยงก็มาเป็นแอร์โฮสเตส อยู่ที่การบินไทยค่ะ เป็นมาประมาณ 4 ปีแล้ว การทำงานก็ราบรื่นดีค่ะ สนุกดี ส่วนงานในวงการ แทบไม่ได้กลับไปทำอีกเลย ละครเรื่องสุดท้ายที่เล่นระหว่างที่เป็นแอร์ฯ ก็คือเรื่อง ลูกผู้ชายหัวใจเข้ม ค่ะ แต่ตอนนี้กำลังจะมีน้อง ก็เลยมาทำแอร์กราวน์ไปก่อนค่ะ คลอดน้องเมื่อไหร่ ก็คงจะกลับไปบินใหม่อีกครั้ง หรือไม่ก็อาจจะไปแวบๆ งานในวงการบันเทิงบ้าง (ยิ้ม)

 

Sponsored Ad

 

สละโสดกับแฟนหนุ่มที่คบหากันมาเกือบ 10 ปี

        ใกล้จะเป็นคุณแม่แล้ว?

        ตอนนี้ครอบครัวของเมี่ยงใกล้จะสมบูรณ์อย่างจริงๆ ซะที หลังจากที่แต่งงานมาเกือบ 4 ปี ครอบครัวเรากำลังจะมีพ่อแม่ลูกครบพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วค่ะ เพราะเรากำลังจะมีลูกค่ะ (ยิ้ม) หลังจากโดนเพื่อนๆ แซวมานานว่าทำไมยังไม่มีลูกซะที (หัวเราะ) ตอนนี้เมี่ยงท้องได้ 7 เดือนแล้ว ตอนนี้ลุ้นว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย จะได้เตรียมของให้ลูกถูก คือไปตรวจแล้วเค้าปิด เราเลยไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้หมด เพราะว่าเมี่ยงชอบเด็กอยู่แล้ว คุยๆ กับแฟนไว้ว่าอยากจะมีสัก 2 คน แต่ยังไงก็ขอเลี้ยงคนแรกก่อนว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหน (ยิ้ม)

 

Sponsored Ad

 

        ตั้งท้อง 7 เดือน เตรียมตัวเป็นคุณแม่แล้วค่ะ

        ย้อนวันวานกันหน่อย เมี่ยง เข้าวงการได้อย่างไร?

คือเมี่ยงมีความคิดอยากจะลองทำงานในวงการบันเทิงนะคะ พอเริ่มโตขึ้น เวลาไปเรียนพิเศษก็จะมีโมเดลลิ่งมาติดต่อ คือได้เห็นเพื่อนๆ มีงานมีเงิน เมี่ยงอยากจะมีเงินไปเรียนหนังสือ มีค่าขนม ก็เลยลองทำดูค่ะ คือตอนแรกครอบครัวก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนุบสนุนให้ทำงานในวงการนะ แต่เค้าไม่คิดกันว่าวันนึงเมี่ยงจะได้มีโอกาสมาทำงานในวงการ พอได้เป็นเค้าก็ห่วงๆ แต่ไม่ได้ขัดขวางว่าไม่ให้ทำ ก็ให้ลอง เผื่อมันจะไปได้ เมี่ยงก็ทำงานในวงการมาเรื่อยๆ 15 ปี ส่วนการเข้าวงการของเมี่ยง เมี่ยงไปประกวดดัชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล ปี 2000 ค่ะ ตอนนั้นอยู่ประมาณ ม.4 ค่ะ อายุประมาณ 16 ปีค่ะ ซึ่งในช่วงนั้นเวทีนี้ฮิตและดังมาก หลังจากที่ประกวดดัชชี่ปี 2000 ไปแล้วก็ได้มีโอกาสไปแคสติ้งที่ค่ายดาราวิดีโอ ซึ่งไปแคสติ้งเรื่องดาวพระศุกร์ ก็โชคดีแคสได้บทนางเอกและได้เซ็นช่อง 7 ด้วย ก็เลยได้เล่นละคร

 

Sponsored Ad

 

        เข้าวงการจากการประกวดดัชชี่บอยแอนด์เกิร์ลปี 2000

        เมื่อเริ่มเข้าสู่วงการ ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?

        เมื่อต้องเข้ามาทำงานในวงการ ต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เป็นอะไรที่เหนื่อยมากค่ะ (ยิ้ม) แค่เรียนอย่างเดียวก็เหนื่อยมากแล้ว พอมาทำงานควบไปละครมันต้องถ่ายไปออนไป ก็ยิ่งเหนื่อยมาก (ลากเสียง) ยังเคยคิดกับตัวเองเลยว่าคิดถูกหรือคิดผิด ไม่เคยต้องมาอดนอนข้ามวันข้ามคืนก็ต้องมาเจอตอนนี้ ต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำก็ได้ทำ เรียนเสร็จกลับบ้านอาบน้ำแต่งตัวไปถ่ายละคร ชีวิตจะเป็นอยู่อย่างนี้ ยอมรับว่าตอนนั้นมันเหนื่อยจริงๆ แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ

 

Sponsored Ad

 

.

        เมื่อต้องมาเล่นเรื่อง ดาวพระศุกร์ ตอนนั้นมีกระแสมีทั้งบวกและลบ รู้สึกอย่างไรบ้าง?

        พูดตรงๆ นะคะ ตอนที่เริ่มเข้าวงการ ด้วยความที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับการเปรียบเทียบ ไม่รู้จะต้องโดนกระแสกดดันจากหลายๆ ทิศทาง เจอคนจับตามอง พี่ๆ ทีมงานก็บอกให้เมี่ยงต้องทำใจกับเรื่องพวกนี้ เมี่ยงก็ไม่ได้คิดเยอะ แต่พอได้มาเจอกับของจริง กระแสลบก็มีมันก็เริ่มรู้สึกนอยด์เหมือนกัน เพราะก็คิดว่าเรายังเด็ก ทำไมต้องรีบตัดสินเราขนาดนี้ และยังไม่เคยทำงานมาก่อนด้วย ก็พยายามไม่สนใจค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่แง่ลบจากละครเรื่องนี้นะคะ เพราะก็มีกระแสบวกเข้ามาบ้างเหมือนกัน ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้เราสู้ต่อไปในตอนนั้นค่ะ

 

Sponsored Ad

 

        การมารับบทดาวพระศุกร์ของเมี่ยง ทำให้โดนจับตามองไม่น้อย

        แต่เมี่ยงก็แจ้งเกิดจากละครเรื่องดาวพระศุกร์ ?

        ใช่ค่ะ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ด้วยความที่ละครเรื่องนี้มันเป็นอมตะ เวอร์ชั่นที่พี่กบ สุวนันท์ เล่นไว้ก็ดังมาก พอละครเรื่องนี้จะเอามาทำใหม่อีกครั้ง หลายคนก็จับตามองว่าใครกันจะมาเล่นเป็นดาวพระศุกร์ในเวอร์ชั่นนี้ คนเริ่มรู้จักเมี่ยงตั้งแต่ละครยังไม่ออนแอร์ ยิ่งพอละครออนแอร์ไป จากที่ไม่มีคนรู้จักก็เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ก็มีทั้งความรู้สึกดีใจ และแอบกลัวว่าการที่เค้าจำเราได้มันดีหรือไม่ดีนะ (หัวเราะ) สมัยก่อนไปไหนมาไหนคนก็เรียกดาวพระศุกร์บ้าง น้องดาวบ้าง ความรู้สึกในตอนนั้นยังจำได้ดี ตอนที่รู้ว่าจะต้องได้เล่นประกบกับ พี่บรู๊ค ดนุพร ก็ยิ่งเกร็ง คือนึกภาพออกมั้ยว่าเค้าเป็นดารา แล้วเมี่ยงเป็นแค่คนธรรมดา วันนึงต้องมาทำงานร่วมกับพี่เค้า มันก็เกร็งมาก แต่พี่บรู๊คเค้าน่ารักนะคะ เค้ารู้ว่าเมี่ยงใหม่ ก็พยายามพูดคุยกับเมี่ยง จะได้รู้สึกเป็นกันเอง เมี่ยงจะได้ไม่เกร็ง

Sponsored Ad

        แจ้งเกิดจากละครเรื่องดาวพระศุกร์ โดยมี บรู๊ค ดนุพร เป็นป๋าดัน

        ผลงานชิ้นโบว์แดงคือเรื่องอะไร?

        มีเป็นช่วงๆ ค่ะ ชีวิตในวงการของเมี่ยงเหมือนกราฟ มีขึ้น มีนิ่ง แต่ที่แน่ๆ คนรู้จักเมี่ยงจากดาวพระศุกร์ และเรื่องเบญจา คีตา ความรัก ค่ะ ซึ่งตอนนั้นละครเรื่องนี้เป็นละครวัยรุ่นของช่อง 7 ที่โด่งดังมากในยุคนั้น เป็นละครเพลงที่ทำให้เมี่ยงกลายเป็นที่รู้จักของแฟนละครมากขึ้นค่ะ (ยิ้ม) แต่พอเริ่มโต เมี่ยงก็ไม่อยากจะเล่นบทเด็กๆ แล้ว ก็อยากจะลองเล่นบทร้าย และการเล่นร้ายที่เปรี้ยงมากของเมี่ยงก็คือละครเรื่อง อกธรณี กับฉากที่ตบน้องขวัญ อุษามณี มันพีคมากคนด่าเมี่ยงกันทั้งเมืองเลยค่ะ แต่ก็สนุกดีนะคะ (หัวเราะ)

        เบญจา คีตา ความรัก ละครอีกเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมี่ยง

        ระหว่างการเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา น่าสงสาร กับนางร้ายเหวี่ยงวีน บทไหนท้าทายความสามารถมากกว่ากัน?

        การเล่นบทร้ายยากกว่าบทร้องไห้นะคะ เพราะมันต้องใช้พลังงานในการเล่นเยอะ มันต้องเล่นใหญ่ มันต้องสะดีดสะดิ้ง เล่นให้สุด (หัวเราะ) แต่บทร้ายมันสนุกนะ เล่นแล้วเหมือนได้ใช้พลังงานเต็มที่ ปลดปล่อย ส่วนบทร้องไห้ก็ยาก แต่ไม่ได้ยากจนใครจะเล่นไม่ได้ เพราะใครๆ ก็เศร้าได้ ทุกคนมีเรื่องเศร้าอยู่แล้วแหละ และเมี่ยงก็จะได้เล่นบทที่หลากหลาย ไม่ได้เล่นแต่บทร้าย หรือนางเอกเจ้าน้ำตาค่ะ

        ชอบเล่นเป็นนางร้าย เพราะว่าได้ปลดปล่อยพลังในการแสดงแบบเต็มที่

        ในระหว่างที่เป็นนักแสดง เมี่ยง มักจะมีข่าวเป็นดาราที่หยิ่งบ่อยๆ?

        คือเอาจริงๆ นะคะ ไม่จำเป็นต้องมีความเป็นดารา ทุกคนก็มีความหยิ่งในตัวเองได้นะ เมี่ยงมองว่าเป็นเรื่องปกติ คือเราไม่รู้ว่ามีใครมองเราอยู่ บางทีก็ลืมบทบาทของตัวเองบางครั้ง เราไม่คิดหรอกว่าคนเค้ามองว่าเราเป็นดารา บางทีชอบคิดว่าคนจำเมี่ยงไม่ได้ พอคิดอย่างนี้ก็ไม่ได้ระวังตัว ว่าจะมีคนมานั่งมองว่าเราจะทำหน้ายังไงพูดคุยยังไง ก็มีหลุดกันบ้าง การเป็นดาราบางครั้งมันก็ทำให้เราใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปไม่ได้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เราก็อยากจะใช้ชีวิตแบบปกตินะ บางทีเวลาหัวเราะก็ต้องเก็บอาการนิดนึง (หัวเราะ) จะเต็มที่ก็ไม่ได้ แต่เมี่ยงมองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ

        สมัยเป็นดาราชอบโดนคนมองว่าหยิ่ง

        เพราะอะไรจึงหันหลังให้วงการ แล้วไปเริ่มต้นการเป็นแอร์?

        เมี่ยงอยากจะทำอาชีพแอร์ฯ มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คือไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเป็นดารา เพราะมันดูไกลจากชีวิตจริง อาชีพในฝันตั้งแต่เด็กๆ ก็คืออาชีพนี้ และเมื่อถึงจุดที่เริ่มอิ่มตัวกับงานแสดง มีรายได้จริงๆ จังๆ ช่วงนั้นอายุก็ใกล้จะเกินแล้ว ก็เลยคิดถึงอาชีพในฝันของตัวเองอีกครั้งว่าอยากจะทำก็เลยลองไปสมัครดู ก็สอบผ่านและสุดท้ายก็ได้เป็นแอร์ค่ะ ตอนที่จะหันหลังให้วงการเต็มตัว ก็มีเพื่อนๆ นักแสดง ผู้จัดก็ถามๆ ไม่อยู่เล่นละครด้วยกันแล้วเหรอ แต่เมี่ยงคิดว่าอยากจะไปลอง ถ้าไปทำงานตรงนั้นแล้วไม่แฮปปี้ก็จะกลับมา แต่สุดท้ายมันแฮปปี้ และตัวเมี่ยงก็เริ่มอายุมากขึ้น ทำงานตรงนี้ก็อยู่ได้ ไม่ได้เดือดร้อน ถึงแม้รายได้จะน้อยลงแต่มันเป็นรายได้ประจำที่ได้ทุกเดือนเหมือนปกติของคนทั่วไป ครั้งนึงในชีวิตได้มีอาชีพเป็นนักแสดง ตักตวงเงินจากตรงนั้นมาแล้ว พอวันนึงจะต้องเปลี่ยนเข็มทิศชีวิตตัวเอง ก็ต้องยอมรับถึงการเปลี่ยนไปอยู่แล้ว แต่ถ้ายังอยู่ที่เดิม ก็ต้องหมุนตัวเองให้เร็วขึ้น ต้องเหนื่อยขึ้น เพื่อจะได้ตามให้ทันน้องๆ

        ผันตัวเองไปแอร์โฮสเตส

        จากดารานักแสดงที่ไปไหนมีแต่คนเอาใจ วันนึงต้องมาทำงานที่ต้องดูแลคนอื่น ปรับตัวเยอะมั้ย?

        ใช่เวลาปรับตัวไม่ยากค่ะ 1 งานแอร์ เป็นงานที่ไม่ค่อยเป็นเวลาเหมือนงานในวงการนี่แหละค่ะ เรื่องเวลาไม่ค่อยได้ปรับตัวมาก ไม่จำเป็นต้องตื่นตี 5 ไปผจญรถติด เหมือนคนอื่น ส่วนการปรับตัวเรื่องการที่จะต้องไปดูแลผู้โดยสาร จริงๆ อาชีพนักแสดงก็เหมือนอาชีพบริการอย่างนึงนะคะ เราก็ต้องเอาใจผู้ชม เอนเตอร์เทนเค้าด้วยการแสดง แต่พอมาเป็นแอร์ ก็เปลี่ยนจากการแสดงมาเป็นเสิร์ฟอาหาร ดูแล เวลาไปดูแลลูกค้าบางคนจำได้ก็จะทักไม่เป็นดาราแล้วเหรอ มาเป็นแอร์แล้วเหรอ มีขอถ่ายรูปก็มีค่ะ พอมาเป็นแอร์แต่แฟนๆ ยังจำได้ เมี่ยงรู้สึกดีใจนะคะที่เค้าจำเราได้ เมี่ยงรู้สึกวาตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง หลังจากที่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือเปล่านะ ถึงแม้วันนี้เมี่ยงจะไม่ได้เล่นละครแล้ว แต่ชื่อเสียงก็ยังคงติดตัวเมี่ยงอยู่ คนยังจำเมี่ยงได้ในบทบาทของนักแสดงที่เค้าเคยได้ดูกัน

        การเป็นแอร์ฯ กับนักแสดง เป็นงานที่ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร

        วงการบันเทิงให้อะไรกับเมี่ยงบ้าง?

        ให้เยอะมากเลยค่ะ ถ้าเปรียบกับหนังสือ ก็เป็นหนังสือที่มีประโยชน์กับชีวิตเมี่ยงมากค่ะ เพราะวงการนี้สอนให้เมี่ยงรู้จักความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก เพราะเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก ในวงการมันมีผู้คนมากมายหลากหลายให้เราได้เรียนรู้เยอะมาก ทำให้เมี่ยงมีความกล้าแกร่ง กล้าตัดสินใจ มีภาวะความเป็นผู้ใหญ่สูงขึ้น สิ่งนี้มันส่งผลให้กับอาชีพปัจจุบันของเมี่ยงที่จะสามารถรับมือกับคนได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่โกรธ ไม่เหวี่ยง เพราะคนมันมีหลากหลาย มีความอดทนจากอาชีพนี้

        การทำงานในวงการบันเทิงให้อะไรหลายๆ อย่างกับเมี่ยง

        วงการบันเทิงในปัจจุบันกับตอนที่เมี่ยงยังอยู่ ในมุมมองของตัวเองมันแตกต่างไปเยอะมั้ย?

        ต่างค่ะ ต่างในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ายุคสมัยไหนมันดีกว่ากันนะคะ คือวงการมันเป็นอะไรที่หลากสีอยู่แล้ว แต่วัฏจักรวงจรการหมุนเวียนของวงการมันหมุนเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อน มาไวไปไว เพราะฉะนั้นคนที่ทำงานอยู่ในตอนนี้จะต้องคอยอัพเดตตลอดเวลา ต้องคอยวิ่งตามโลกให้ทัน คือจะมานิ่งๆ ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ได้ ต้องมองคนรอบข้างว่าทำงานไปถึงไหนแล้ว เทรนด์มันเป็นอย่างไร ต้องคอยอัพเดตตัวเองตลอดเวลา เพราะดารานักแสดงก็เหมือนสินค้าอย่างนึงค่ะ จะต้องคอยพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะทำอย่างไรให้เรายังติดไปในวงจรนี้ ไม่หลุดออกไปจากวงจรนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นคนไม่มีงาน งานไม่วิ่งมาชนเรา แต่เราต้องวิ่งไปชนงาน การที่เราเป็นดาราแล้วจะหาเงินได้มากน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราติดกระแสหรือเปล่า ถ้าไม่ติดกระแส ไม่วิ่งชนงาน เราอาจจะไม่มีงานเยอะ สมัยก่อนคนที่จะมีงานอีเวนต์ได้ก็จะเป็นแต่พระเอกนางเอก แต่เดี๋ยวนี้ใครก็ขายได้

        ดีใจที่แฟนละครยังจำได้ แม้จะไม่ได้มีผลงานให้ได้เห็นกันแล้ว

        หากมีโอกาสอยากจะกลับไปทำงานในวงการอีกมั้ย?

        ก็ยังมีคิดอยู่นะคะ เมี่ยงยังคิดอยู่เลยว่าถ้าคลอดน้องแล้ว อยากจะกลับไปทำงานในวงการบันเทิงอีก ฟิตหุ่นให้ผอม แล้วก็กลับมาเล่นละคร เล่นรับเชิญ เล่นไปเรื่อยๆ ในใจก็มีคิดว่าถ้าหากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปเล่นละครอีกครั้ง บทบาทไหนก็ได้ เมี่ยงไม่ติดกับการที่จะต้องเล่นเป็นนางเอก หรือบทจะต้องเด่นๆ ส่วนแอร์ก็ไม่ทิ้ง ทำควบคู่กันไป เพราะมันทำได้ อาจจะเหนื่อยนิดนึง แต่การกลับไปเล่นก็คงไม่ใช่แบบเล่นทุกตอน เมี่ยงยอมรับว่าคิดถึงงานในวงการค่ะ อยากไปกินข้าวกอง (หัวเราะ) อยู่รอเข้าฉากทำนู่นนั่นไปกับเพื่อนๆ นักแสดง มันคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เราคุ้นเคย แต่คุณสามีก็มีห้ามๆ ไม่อยากให้กลับไปทำ เพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาเลี้ยงลูก (ยิ้ม) แต่เอาไว้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยมาว่ากัน ว่าจะได้กลับมาทำงานในวงการอีกหรือเปล่าค่ะ 

        แอบคิดถึงวงการบันเทิง หากมีโอกาสก็อยากจะกลับไป

        ผลงานการถ่ายแบบของเมี่ยง

        ผลงานการถ่ายแบบของเมี่ยง

        ยุ้ย จีรนันท์ เพื่อนสนิทในวงการของเมี่ยง


บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ