เปิดชีวิต "ดร.ปัญญา แซ่ลิ้ม" จากเด็กหลังห้อง สู่นักเรียนทุนอานันทมหิดล

LIEKR:

สุดยอดคนสู้ชีวิตจริงๆค่ะดร.ปัญญา : กว่าจะมาเป็นผม ดร.ปัญญา ในวันนี้ ผมผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ที่ผ่านมาได้เพราะความเพียรพยายามทำด้วยตัวเอง โดยนึกถึงความลำบากของพ่อแม่เอาไว้ให้มาก นั่นล่ะคือพลังของผม

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปข่าวเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    หากจะหา 3 คำเพื่อนิยามตัวตนของ ดร.ปัญญา แซ่ลิ้ม คงเป็นคำไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ “ตั้งใจเรียน ซื่อสัตย์ กตัญญู” 

    เพราะพลังของ 3 คำสั้นๆ แต่ได้ใจความนี้เอง คือแรงขับดันสำคัญที่ทำให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมรับอย่างไม่อายว่า ฐานะทางบ้านยากจนแทบไม่มีเงินเรียน แต่เพราะอาศัยความรักดี รู้คุณค่าของโอกาสที่เข้ามา และตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ ทำให้เขาสามารถพลิกชีวิตจากเด็กที่ผลการเรียนอยู่อันดับท้ายๆ กลายเป็นเด็กหัวแถว กระทั่งได้รับพระราชทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก ที่เนเธอร์แลนด์ แถมเรียนจบยังได้เป็นนักวิจัยถาวรที่นอร์เวย์

 

Sponsored Ad

 

 

    ด็อกเตอร์หนุ่มให้สัมภาษณ์ กว่าจะพาตนเองมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดร.ปัญญา แซ่ลิ้มเล่าถึงวัยเด็กของเขาว่า... #อนาคตเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการลงมือทำในปัจจุบัน

    ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่ค่อยมีทุนทรัพย์ในการเรียนสักเท่าไหร่ ที่จะเขียนโพสเพียงเพื่ออยากให้กำลังใจแก่ใครก็ตามที่แวะเข้ามาอ่านและกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการศึกษา

 

Sponsored Ad

 

    สมัยอนุบาลผมเป็นเด็กที่หัวช้า เรียนไม่เก่งที่สุดในห้อง จำได้ว่าขนาดเลขบวกกันธรรมดาข้อเดียว ใครทำเสร็จไปวิ่งเล่นได้ ผ่านไป 15 นาทีเด็กคนอื่นๆในห้องออกไปวิ่งเล่นหมดแล้ว เหลือแต่เด็กชายปัญญาเพียงคนเดียวที่นั่งจ๋อยอยู่บนโต๊ะจนหมดชั่วโมง สมัย ป 2 พ่อเคยถูก รร เชิญไปพบเพราะจะบอกว่าลูกชายเรียนภาษาอังกฤษห่วยเพียงใด และยังตีมือเราต่อหน้าพ่ออีกด้วย ตอนเดินกลับบ้าน นอกจากพ่อจะจูงมือกลับบ้านตามปกติแล้ว พ่อไม่โกรธเราหรือมีท่าทีผิดหวังในตัวเราแม้แต่น้อย

 

Sponsored Ad

 

    1) ผมเคยเกือบจะไม่ได้เรียนต่อ ม 1 เพราะไม่มีเงินค่าเทอม เงินค่าเทอมสมัยนั้น 800 บาท แต่ในกระป๋องที่ขายขนมได้วันนั้นคือ 300 บาท ผมคอตกเลยครับ สุดท้ายแม่ผมเป็นฮีโร่ วิ่งเข้าไปยืมเงินในตลาดจนได้มา 800 บาทจริงๆ ใส่ในมือผมให้รีบไปจ่ายค่าเทอมที่โรงเรียน

    2) สมัย ม 1 จน ม 6 ปกตินอนเกือบเที่ยงคืนและตื่นราวตีสี่ทุกวัน เนื่องจากครอบครัวเลี้ยงปากท้องด้วยการขายขนมข้างถนน ที่นอนน้อยเพราะต้องช่วยที่บ้านทำขนมขาย เลิกเรียนต้องไปรีบกลับบ้าน ไปรับแม่ที่ตลาด ช่วยหิ้วของกลับบ้านเพราะแม่มือไม่ดี โดนรถสิบล้อชนจนเส้นเอ็นขาดสมัยตัวเอง อยู่ ป 2 กลับถึงบ้านผมจะขูดมะพร้าว และทำอะไรๆอีกหลายอย่าง ตี่สี่จะเข็นรถไปตลาดกับพ่อไปตั้งร้าน เคยจำได้ว่ามีวันนึง แม่ตะโกนเรียกไม่ตื่น โดนแม่เอาน้ำสาดหน้า ตั้งแต่วันนั้น ได้ยินเสียงแม่เรียกจะสะดุ้ง ลงมาแทบไม่ทัน แต่แม่นึกเสียใจถึงทุกวันนี้ที่สาดน้ำใส่หน้า ในขณะที่ลูกชายหัวเราะ ขำอดีตสมัยก่อน 

 

Sponsored Ad

 

    3) สมัยเรียนวิทยาศาสตร์ ม 2 ผมสอบ pretest ได้ที่โหล่ของห้อง ได้คะแนน 3 คะแนนจาก 30...ครูเดินมาบอกว่าไม่เป็นไร แค่ pretest เอง ผมจึงตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจชนิดที่เรียกว่าอ่านไปเลยสิบรอบ อ่านเข้าไป สอบกลางภาคอีกครั้ง ได้คะแนนสูงสุดในห้อง 29.5 เต็ม 30 และนั่นคือบทเรียนครั้งที่สองในชีวิตที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องมาพร่ำสอน (ครั้งแรกคือเพลงชาติ)

    4) คนเราจะเข้มแข็งขึ้นเมื่อมีแรงบันดาลใจและมีความตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อใครสักคน ผมในวัย ม 3 คิดว่าจะตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่ เพราะเห็นแก่ความลำบากของพ่อแม่ที่ทำงานหนักส่งเสียเลี้ยงดูตัวเอง จึงตั้งใจเรียนถึงขึ้นที่ว่าอดหลับอดนอนหลายคืน เพื่อจะได้อ่านหนังสือเพราะอยากสอบได้ที่ 1 ของห้องเพียงแค่สักครั้งก็ยังดี ผลคือเทอมแรก ได้ที่ 2 และ เทอมสอง ได้ที่ 1 .....

 

Sponsored Ad

 

    5) ผมได้รับความอนุเคราะห์จากรพจุฬาลงกรณ์ และโบสถ์พระมหาไถ่ ในการศึกษาเล่าเรียนจน จบ ม.6 นอกจากนี้ยังมีผู้มีพระคุณอีกมากมายที่ไม่อาจจะเอ่ยชื่อได้ครบในโรงเรียน @พระโขนงพิทยาลัย คุณคิดดูครับ ในช่วงหนึ่งที่ตรงถนนที่เราไปขายขนมซ่อมแซม ไม่มีใครผ่านไปมาแถวนั้น ผมขายขนมไม่ได้เลย สุดท้ายผมเอาขนมเป็นร้อยๆห่อไปขายที่ โรงเรียน อาจารย์หมวดภาษาไทย อ พิกุล ภพพินิจและหลายท่านสงสาร จึงเอาไปข่วยขายในห้องเรียนที่อาจารย์แต่ละท่านสอนโดยบอกเด็กว่าถ้าซื้อขนมที่เอามาขายจะอนุญาตให้กินในห้องเรียนได้ ตอนเย็นจึงไปรับเงินกลับบ้านไปให้แม่ ทำแบบนี้เป็นอาทิตย์จนถนนซ่อมเสร็จ ครอบครัวผมจึงเอาชีวิตรอดไปได้ 

 

Sponsored Ad

 

    6) ผมเอ็นติดคณะประมง แต่ไม่มีเงินเล่าเรียน จึงเดินทางไปคณะประมง มก บอกกับคณะว่า สวัสดีผมชื่อปัญญาครับ ผมเอ็นติดคณะครับ แต่ผมไม่มีเงินเรียน จะให้ผมเรียนได้ไหมครับ ในตอนนั้นพี่เค้างง จึงไปตาม รศ ประไพสิริ สิริกาญจน มา อาจารย์ถามว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ทำไมไม่มีเงินเรียน จนคุยเสร็จอาจารย์ประไพสิริ บอกว่าเราจะช่วยเธอแต่รับปากอาจารย์สามข้อได้ไหมว่าเธอจะขยันตั้งใจเรียน จะซื่อสัตย์ และกตัญญู ผมรับปาก อาจารย์ประไพสิริจึงบอกว่าให้เธอกลับบ้านไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ วันรุ่งขึ้นผมมามีชุดนิสิต รองเท้า ปากกา สมุด กระเป๋า ถุงเท้าวางรออยู่ อาจารย์ให้ไปสมัครกองทุนกู้ยืม และที่สำคัญคือน้าเล็ก บาร์ใหม่ ผู้ใจบุญที่สุดในสามโลก น้าเล็กให้ผมทานอาหารฟรีที่ร้านสามมื้อตลอด 4 ปี.....

Sponsored Ad

หนึ่งในบุคคลที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ น้าเล็กแห่งโรงอาหารกลาง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน

    7) ผมเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่งแต่ผมมีความตั้งใจ ตั้งใจที่จะทำเพื่อพ่อแม่ ยิ่งตอนนั้นคุณพ่อเสีย ความตั้งใจยิ่งเพิ่มพูนเพราะไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง ผมนอน 6 โมงเย็น ตื่นเที่ยงคืนทุกวัน ไป ศร 3 ไปอ่านหนังสือตั้งแต่วันแรกๆที่เริ่มเปิดภาคเรียนจนถึงเช้า ไปอ่านจนยุงกัดเป็นไข้เลือดออก ไปจนหมา ศร 3 จำหน้าได้ จำได้ว่าเคยอ่านเคมีทั่วไป อ่านจนเหนื่อยไปนอนที่พื้น บางวันตื่นขึ้นมามียากันยุงวางไว้ ไม่รู้ใคร สงสัยจะสงสาร บางวันนอนตื่นมา มีหมามานอนด้วยหลายตัว หายเหงาเลย

    8 )หลังจากเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดลไปเรียนต่อด้านการปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำที่ต่างประเทศแล้ว ความรู้ที่ต่างประเทศไปไกลกว่าบ้านเรามาก พื้นฐานที่เรามีขนาดว่าที่ไทยก็ตั้งใจเรียนมากแล้วยังไม่เพียงพอเลย ต้องเรียนและใช้เวลากับการอ่านหนังสือหนักมากจนแทบแย่ สุดท้ายก็สามารถจบโทเอกได้ตามกำหนดเวลาของหลักสูตรด้วยเปเปอร์ 5 เปเปอร์ และวิทยานิพนธ์อีกสามเล่ม อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าคุณเปลี่ยนไปมากจากวันแรกที่มายังดูเหมือนเป็นเด็กน้อย ภาษาก็ไม่ดีพอ ดูคุณวันนี้สิพัฒนาการของคุณยอดเยี่ยมมาก 

    9) เรียกได้ว่าเป็นคนไทยคนเดียวที่เขียน proposal postdoc ด้วยตัวเองเพื่อชิงทุนจากรัฐบาลนอร์เวย์ และชนะได้สองทุน ทั้งทุนวิจัยและทุนเดินทางไปทำงานวิจัยต่างประเทศ ในช่วงpostdoc ผมมีงานวิจัยทั้งที่อยู่ในรูปแบบ full publication และบทคัดย่อ มากกว่า 20 ชิ้น ผมทำงานวิจัยหนักมากจนก่อนกลับแม้นจะมีตำแหน่งประจำรออยู่ที่นอร์เวย์ และเงินทุนวิจัยอีก 36 ล้านบาทไทยรออยู่ผมเลือกที่จะกลับประเทศไทย เพราะผมต้องการเอาความรู้ความสามารถมาพัฒนาประเทศ

    กว่าจะมาเป็นผม ดร.ปัญญา ในวันนี้ ผมผ่านอุปสรรคมากมายแต่ที่ผ่านมาได้เพราะมีคนมากมายที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ครบช่วยเหลือเรา แต่ก่อนที่เค้าจะเข้ามาช่วยสิ่งแรกที่เราต้องทำคือ เพียรพยายามทำด้วยตัวเองโดยนึกถึงความลำบากของพ่อแม่เอาไว้ให้มาก นั่นล่ะคือพลังของผม

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ข้อมูลและภาพจาก ดร. ปัญญา แซ่ลิ้ม / Panya Sae-Limposttoday

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ