"แอนนี่ บรู๊ค" เล่าชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว นาทีย้ายโรงเรียนลูก จากอินเตอร์สู่สามัญ

LIEKR:

น้องฑีฆายุเป็นเด็กน่ารัก ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่นะคะ

    นับเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่สตรองสุดๆจริงๆ สำหรับสาว แอนนี่ บรู๊ค ที่สู้ชีวิตทำงานทุกอย่างเพื่อลูกชายสุดที่รักอย่าง "น้องฑีฆายุ" แก้วตาดวงใจ ทั้งเคยไปทำงานต่างประเทศ เพื่อหาเงินส่งให้ลูกชายเรียนโรงเรียนอินเตอร์ 

    ถึงแม้จะได้เงินมาก แต่ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงชีวิตที่แสนแพงในต่างแดน อีกทั้งลูกชายอยากอยู่กับแม่มากขึ้น แอนนี่จึงยอมกลับมาหางานในเมืองไทย และลดค่าใช้จ่ายลง และให้ลูกชายอยู่โรงเรียนสามัญ ซึ่งทำให้แอนนี่ได้ค้นพบกับความสุขตามที่เป็นอยู่

 

Sponsored Ad

 

    ล่าสุดท่ามกลางกระแสดราม่า คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว สาวแอนนี่เอง ก็ได้นำประสบการณ์การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของตัวเองที่เคยแชร์ไว้ก่อนหน้านี้ นำกลับมาแชร์ผ่านทางเฟซบุ๊ก แอนนี่ ฑีฆายุ(Annie brooks) อีกครั้ง ด้วยข้อความว่า 

 

Sponsored Ad

 

    "แบ่งประสบการณ์จากอินเตอร์สู่สามัญด้วยพิษเศรษฐกิจที่ทุกวงการ ทุกอาชีพระส่ำระสาย หาเงินฝืดเคืองเรียกว่าหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่สำหรับแอน แอนว่าตัวเองเป็นคนไม่อยู่เฉยและมองหาช่องทางทำมาหากินอยู่ตลอดเวลา ถึงช่วงที่หาเงินยากก็จะพยายาม หาให้ได้เพื่อลูก"

    "ตอนเล็กนั้น น้องฑีเรียนอนุบาล เทอมนึง ก็หลายอยู่ เพราะโรงเรียนใกล้บ้านที่บางนา ของผู้ใหญ่ที่ช่วยดูแลน้องเวลาที่แอนทำงาน ค่าเทอมถือว่าอยู่ในระดับกลางถึงแพง แต่ด้วยวัยตอนนั้นแค่ 33 ยังไหวต่องานหนัก จึงไม่มีปันหา.....   

 

Sponsored Ad

 

    วันคืนผ่านไป เด็กชายขึ้น ป.1 ด้วยความที่เห็นลูกเก่งภาษาและตัวน้องขอเรียนโรงเรียนที่มีฝรั่ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ออกจากปากน้องจริงๆ.....เราจึงเดินทางต่างประเทศอีกครั้งเพื่อหาเงินทุนในการเรียน ใช้เงิน หลายแสนในการเริ่มต้นและยังมีค่าเทอมต่อๆมาทุกเทอม แต่น้องใฝ่เรียนและคะแนนเต็มเกือบทุกวิชาจึงยอมให้น้องเรียน...อันว่าโรงเรียนอินเตอร์นั้นดี ตรงที่เด็กอิสระ เรียนๆเล่นๆ มีทุกอย่างในการเรียนต่อสัปดาห์ พ่อแม่แทบไม่ต้องหาเรียนพิเศษ ไม่ต้องเจอสอบ โอเนทเอเนทอะไรมากมาย หรือสอบเข้าโรงเรียนให้เครียด จะเข้าก็เข้าเลย จ่ายตังค์ จบ"

 

Sponsored Ad

 

    "เด็กก็คุยกันภาษาอังกฤษซะส่วนมาก (ได้ความอินเตอร์ไปเต็มๆ) ซึ่งเป็นจุดแข็งของโรงเรียนอินเตอร์ แต่อย่าลืมสังคมแบบนี้ย่อมแลกมาด้วยกิจกรรมที่แสนแพง  เทศกาล ไทย+เทศแต่ละปี อย่างเยอะบางทีหาเสื้อผ้ากันแทบไม่ทัน น้อยหน้ากันก็ไม่ได้ เป็นการสร้างค่านิยมหัวสูงให้ลูกโดยเราไม่รู้ตัว 

 

Sponsored Ad

 

    พอ ป.2 ผ่านไป ค่าใช้จ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น..ประกอบกับ น้องเริ่มโตและเริ่มอยากอยู่ใกล้แม่มากยิ่งขึ้น.........นั่งมองเงินในบัญชี กับ พิจารณาค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน แต่ละปีผ่านไปทุกเหตุผลบวกกัน จนเราต้องทิ้งงานทิ้งเงินที่ว่าหาได้ง่าย (#ถึงหาง่ายแต่ถ้ายังต้องจ่ายค่าเทอมและชีวิตที่แสนแพงก็ไม่เหลืออยู่ดี) เพื่อลดอัตราชีวิตลง แต่ได้อยู่ใกล้ชิดและดูแลลูกมากขึ้น"

    นอกจากนี้เธอยังกล่าวอีกว่า "ตอนนี้แอนเองก็ไม่ได้มีหรือร่ำรวยและยังคงหางานทำอยู่ตลอด แต่มุมมองก็เปลี่ยนไปคือต้องหางานที่เราดูแลลูกได้และเซฟค่าใช้จ่ายทุกอย่างลงด้วยในจุดนี้ จึงมองหาโรงเรียนใหม่ซึ่งไม่ง่ายเลย ใครเป็นพ่อแม่ย่อมรู้ดีและเปลี่ยนจากอินเตอร์มาธรรมดา มันต้องเข้ากลางเทอม! ต้องหาโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนที่รองรับเด็กเข้ากลางเทอมแบบนี้โชคดีที่ไถ่ถามเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ข่าวจึงลองไปดูเห็นชอบเลยให้เรียนเลย ตอนแรกกลัวมาก เพราะน้องไม่เอาเลยนั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา แต่สุดท้ายเราให้เหตุผลที่ดี บอกความจริงถึงสถานการณ์ในชีวิตทุกอย่าง พอไปหลายวันเข้าและปรับชีวิตกันอยู่พักหนึ่งเรื่องดีๆ ในการเข้าเรียนก็ตามมา"

 

Sponsored Ad

 

    "ที่สำคัญ ค่าเทอมไม่แพงมาก กิจกรรมไม่เยอะมาก ไม่ต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ และความเฮี้ยบของครูไทยดีกว่าอินเตอร์ตรงที่ อัตราการแกล้งกันแรงๆ มีน้อย น้องเคยเล่าว่าอยู่โรงเรียนเก่าโดยจับกดน้ำในสระว่ายน้ำ ,โดนมัดอยู่ในถุงดำแทบหายใจไม่ออก, โดนดินสอ แ ท ง เลื อ ด อ าบ กลับบ้าน ทุกวันนี้ไส้ดินสอยังปักคาหลังอยู่เลย เพราะความอินเตอร์มันอิสระมากเกิน(บางที่) แต่ที่นี่ไม่มีเรื่องแบบนี้กวนใจ (มีนิดหน่อยตามประสาเด็กๆ แต่ไม่รุนแรงมาก) 

Sponsored Ad

    อาหารกลางวันมีให้ทาน ไม่เสียเงินทุกวันนี้ มีความสุขตามอัตราที่มีที่เป็นอยู่ มีบ้างที่หนักๆ จนท้อแต่ก็ไม่ถอย มีตัวเองและลูกเป็นกำลังใจมาตลอดและส่วนตัวเอง ตัดขาด สิ่งฟุ่มเฟือยทั้งหมด ไม่เที่ยวไม่ซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอางค์ และยังคอยมองหาช่องทางในการทำมาหากินและคอยไถ่ถามไอเดียใหม่ๆ จากคนรอบข้างอยู่เสมอ"

    "บางที การลด การไต่ระดับลง ลดอัตราลง เราอาจจะพบกับความสุขมากกว่าเดิมก็เป็นได้ สิ่งที่ต้องทำคือ "หยุด" นั่งทบทวนอะไรบ้างที่มันเกินไปกับชีวิตก็ให้ลดลง อะไรที่ขาดหายก็ให้เติมแล้วชีวิต ไม่ต้องดีพอสำหรับใครหรอก แต่พอดีกับตัวเอง ให้มีชีวิตต่อไปได้ก็พอ ทุกอย่างแก้ได้ ยังไม่สายเกินไป คุณภาพของชีวิต เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง"

    หลังที่เรื่องราวของคุณแม่แอนนี่ บรู๊ค และน้องฑีฆายุได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีแฟนๆเข้ามาชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก ในความสู้ชีวิตและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆของซิงเกิลมัมสุดสตรองคนนี้

.

.

.

.

ที่มา : แอนนี่ บรู๊ค

บทความที่คุณอาจสนใจ