สื่อต่างประเทศรายงานว่า ได้มีสื่อออนไลน์เผยแพร่เรื่องที่น่าประหลาด เมื่อคุณครูวัย 40 ปีของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเขตนิวไทเป ไต้หวัน ขอลาพักตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปี 2016 เป็นเวลากว่า 9 ปีครึ่ง 

    ทางด้านผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้บอกว่า อาจารย์หญิงท่านนี้สอนวิชา “สุขศึกษา” ได้เข้าสอบในระบบการสอบในปี 2006  หลังจากผ่านการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 ปี เธอจึงขอลาพักแบบไม่รับเงินเดือนเพื่อธุระดังต่อไปนี้

    1. "ฝึกงานต่างประเทศ"  โดยขอลาตั้งแต่ปี 2017 จนกระทั่งถึงปี 2010 เป็นเวลา  3 ปี

    2. พอเริ่มทำงานได้เพียงไม่กี่เดือน ก็ขอลาเนื่องจากคลอดลูกและดูแลลูก คือตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2010 จนถึง เดือนมกราคม ปี 2014 นับเป็นระยะเวลา 3 ปี  6 เดือน

(เป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)

    3. ขอลาเพิ่มเพื่อเลี้ยงดูลูก ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2014 จนถึงเดือนสิงหาคม ปี 2014 เป็นเวลา 1 ปี

    4.ดูแลญาติที่ไม่สบาย ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2014 จนถึง เดือนมกราคม ปี 2017 เป็นระยะเวลา 2 ปี

    5.ทำเรื่องขอลาพักอีกจนกระทั่งถึงเดือนมกราคม ปี 2018

(อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน)

    ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนให้สัมภาษณ์ว่า ตลอด 9 ปีนี้มีการเปลี่ยน ผอ.ของโรงเรียนแห่งนี้ไปแล้ว 5 ท่าน และทุกคนก็ไม่เคยเห็นหน้าครูคนนี้เลย

(ผอ.โรงเรียนคนปัจจุบัน)

    ด้านผอ.คนปัจจุบันของโรงเรียนก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “คุณครูคนนี้ขอลาแบบถูกกฏหมาย เพราะเป็นแบบลาพักไม่รับเงินเดือน แต่แน่นอนว่าการลาของคุณครูท่านนี้สร้างปัญหามากมายให้กับทางโรงเรียน เพราะทางโรงเรียนต้องจ้างครูพิเศษในการสอนแทนคุณครูท่านนี้ตลอด 9 ปี ซึ่งครูที่สอนแทนก็ทำการเข้าบรรจุเป็นคุณครูประจำของเข้าโรงเรียนไม่ได้”

    ทำให้มีคุณครูหลายท่านบอกว่า “ถูกกฏหมายแต่ไม่มีเหตุผล”
    คุณครูละเมิดสิทธิภาคการศึกษาทำให้มีผลกระทบต่อนักเรียนและครูท่านอื่นๆ และเรื่องราวของคุณครูท่านนี้ก็เป็นเรื่องเล่าขานกันมานานมากหลายปี  และนักเรียนหลายคนก็ไม่เคยพบเจอคุณครูท่านนี้มาก่อนก็มี

    ทำให้มีคุณแม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ครูท่านนี้ก็สอนลูกฉัน สร้างปัญหามากมาย สอนได้สักพักก็ลา”

    “ไม่เพียงมีแค่คนเดียวนะ ลูกฉันก็เรียนโรงเรียนนี้เจอมาหลายท่าน ลาแล้วลาอีก”

    “เป็นปัญหาของสังคมมาก เป็นครูสอนได้ไม่กี่ปีเดี๋ยวก็เกษียณ รับเงินบำนาญไปใช้ สบายจริงๆ”

    “เป็นครูได้สิทธิพิเศษมากมาย และประชาชนตาดำๆก็ต้องจ่ายภาษีสูงเพื่อครูแบบนี้หรอก”

ที่มา :funtoday

แปลและเรียบเรียงโดย Liekr