สาวเบตงตัดพ้อ เล่านาทีคุณพ่อจากไป พยาบาลให้คนอื่นแซงคิว ด้านรพ.แจงแล้ว

LIEKR:

สาวเบตงตัดพ้อ เล่านาทีคุณพ่อจากไป พยาบาลให้คนอื่นแซงคิว ด้านรพ.แจงแล้ว

        กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่โลกโซเชียลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jiratchaya Rangsaritwirachot ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวสุด ส ะ เ ทื อ น ใ จ ระหว่างที่คุณพ่อนั่งรอคิวเพื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาล 

        โดยพร้อมระบุข้อความเอาไว้ว่า พ่อจากไปแล้ว เพราะนั่งคอยตรวจนาน ตรวจแล้วไม่ให้เข้าห้องอีก อุตส่าห์ให้แม่วิ่งไปยื่นบัตร จะได้ตรวจไวขึ้น แต่ที่ไหนได้ เจ้าหน้าที่จุดคัดกรอง บอกว่า พ่อไม่หนัก ความดันปกติ แต่คุณไม่ได้จับชีพจร คุณไม่ใช่พยาบาล คุณไม่ใช่หมอ คุณมีสิทธิ์บอกว่า พ่อเข้าไม่ได้ได้ไง ให้คนอื่นเข้าก่อนได้ไง

 

Sponsored Ad

 

        คนไข้นั่งรถเข็น ไม่ได้รับการตรวจรักษา นั่งรอ 3 คิว ถูกแซงไปอีก 1 คิว นั่งรอจนความดันลดลง ความดันต่ำลง 38 คนเดินได้ ได้ตรวจก่อน แต่คนนั่งรถเข็น นั่งรอไป แล้วคนนั่งรถเข็นก็ถูก แซงคิว เข็นพ่อไปข้างหลัง แล้วตรวจคนอื่น แล้วให้เข้าไป

 

Sponsored Ad

 

        แต่พ่อไม่ได้เข้า เดินไปจับตัวพ่อ เห็นพ่อนั่งปิดตา พ่อหลับ ตกใจมาก พ่อตัวเย็น เย็นมาก เหงื่อแตก เสื้อเปียกหมด พ่อไม่ตอบ เรียกก็ไม่ตอบ ก็ถามเจ้าหน้าที่ พ่อจะได้พบหมอตอนไหน มันตอบว่า วัดความดันก่อน มันวัดอีก ต่ำมาก 38 มันเข็นพ่อเข้าไป สุดทาง เตียงสุดท้าย โชคดี ที่ลูกโวยวายว่า จะทำไรก็รีบๆทำ พ่อไม่ไหวแล้ว ตัวเย็นมาก

        พยาบาลคนนึงก็เดินมาเข็นพ่อออกมาเตียงหน้าๆ ให้พ่อขึ้นนอน พ่อลุกไม่ได้แล้ว ต้องช่วยกันหาม พ่อขึ้นเตียง แต่ต้องรออีก นอนรอหมอมาตรวจ กว่าจะได้ตรวจ พยาบาลก็เอาไรมาแปะเต็มหน้าอกพ่อเศร้ามาก

 

Sponsored Ad

 

        ป๋านั่งคอยนาน กว่าจะได้เข้าห้อง เข้าแล้ว กว่าจะได้ตรวจ กว่าจะถือมือหมอ ต้องให้ลูกด่า อานวาด มันตรวจความดันอีกรอบ โชว์ความต่ำ พ่อความดันต่ำลง ต่ำลง พ่อได้ตรวจ แต่ไม่ทันแล้ว พ่อเหนื่อยพ่อต้องรอนาน

        ในห้องฉุกเฉิน ที่ลูกถูกไล่ออกไป แล้วพ่อเข้า ไอซียู ลูกก้เข้าไปไม่ได้ พ่อเหนื่อย พ่อหายใจไม่ปกติ หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจเหนื่อย พ่ อ ต า ย แ ล้ ว ปั้มหัวใจ 40 นาที ไม่ตื่น พ่ อ เ สี ย แ ล้ ว

 

Sponsored Ad

 

        ด้านแพทย์หญิงปัทมพันธ์ อนันตาพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง ชี้แจงว่า โรงพยาบาลได้เรียกประชุมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งกล้องวงจรปิด เกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อหาสาเหตุ ในกรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองได้ตรวจวัดความดันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งความดันขณะนั้นอยู่ที่ 144/ 80 ซึ่งถือว่าปกติ จึงจัดเป็นผู้ป่วยในโซนสีเขียว คือเจ็บป่วยเล็กน้อย จึงได้ให้นั่งคอยตามคิว

        ส่วนที่ว่ามีการแซงคิว เนื่องจากมีผู้ป่วยอีกคนที่มาทีหลัง แต่ตรวจวัดความดันพบว่าความดันต่ำ อยู่ที่ 75/38 ซึ่งถือว่ามีอาการหนักกว่า เป็นผู้ป่วยในโซนสีชมพู คือ เจ็บป่วยรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวเข้าห้องฉุกเฉินก่อน  ส่วนที่มีภาพถ่ายว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีความดันระดับต่ำ อยู่ที่ 75/38 พบว่าเป็นค่าการวัดความดันของผู้ป่วยที่เจ้าหน้าที่ได้นำเข้าห้องฉุกเฉินไปก่อนหน้านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้กดรีเซ็ตเครื่อง

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เฟซบุ๊ก Jiratchaya Rangsaritwirachot, lovedara, amarintv

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ