โตเป็นสาวแล้ว "น้องธันย์" เหยื่อรฟฟ.ที่สิงคโปร์ สุขที่คิดบวก อยากเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก

LIEKR:

น้องมีหัวใจที่เข้มแข็งมากจริง ๆ ค่ะ นับถือใจเลย

        ถ้าย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2554 มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับ "น้องธันย์" หรือ "ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์" อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.ตรัง ได้มีโอกาสเดินทางไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ ที่เคมบริดจ์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 1 เดือน แต่เธอกลับมาประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้าทับขาทั้งสองข้าง จนต้องถูกตัดขา แต่ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ คือเธอมีสติเรียกเจ้าหน้าที่ และไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย หรือหมดกำลังใจกับการสูญเสียครั้งนี้

 

Sponsored Ad

 

        จากหนูน้อยวัย 14 ปีที่มีสภาพร่างกายปกติ กลายมาเป็นผู้พิการ แต่ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เธอสามารถปลดล็อกความรู้สึกทุกข์แสนสาหัสสู่การคิดบวกได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมูฟออนชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกลมหายใจ "จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบจะ 10 ปีแล้ว หนูเป็นเด็กต่างจังหวัดคนนึง ที่มีร่างกายสมบูรณ์ครบ 32 แต่ด้วยตอนอายุ 14 หนูไปเกิดอุบัติเหตุตอนที่ไปเรียนซัมเมอร์ที่สิงคโปร์ เจออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่เลย"

 

Sponsored Ad

 

        น้องธันย์เล่าย้อนกลับไปถึงวันนั้นว่า พอตื่นขึ้นมาแล้วตนรู้ตัวว่าไม่มีขา คือความรู้สึกมันเหมือนอัดอั้น สับสน คือไม่รู้จะคิดอะไรก่อน ตนก็ค่อย ๆ ทิ้งสิ่งที่ตนสับสนทั้งหมดออกไป แล้วตนก็อยู่กับแค่อารมณ์ของตอนรักษา ตั้งแต่วันนั้นก็ใช้ชีวิตในโรงพยาบาลแบบแฮปปี้ ในระยะเวลา 2 เดือน ก็ไม่ได้อยู่กับเตียง นอนติดเตียง ออกไปใช้ชีวิต ไปเจอพี่ ๆ พยาบาล เหมือนอยู่บ้าน 

        เมื่อก่อนตนเป็นคนที่อ่อนไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่า ไม่เชิงคิดลบ สมมติตนสอบตกวิชานึง ตนก็จะร้องไห้แล้ว หรือถูกเพื่อนแกล้งก็จะร้องไห้ แต่พอตนมาเกิดอุบัติเหตุ ตนแข็งแกร่งขึ้นมากกว่า ที่เหมือนกับว่าโอเค เหตุการณ์นี้ ถ้าตนฮึบนิดเดียว ตนก็จะอยู่กับมันได้ มันเปลี่ยนมายด์เซ็ตตรงนั้นมากกว่า มันไม่ใช่การคิดบวกที่แบบ ดีจังเลย ไม่มีขา แต่มันคือการ โอเค ฉันสามารถมูฟออนต่อไปได้ ฉันยังมีอวัยวะส่วนอื่น ยังมีครอบครัวช่วยเหลือนะ

 

Sponsored Ad

 

        ตนแค่รู้สึกอยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ตนเจอมา พอตนไปพูดเหมือนมันอเมซิ่งมาก เพราะสิ่งที่ตนไปพูด มันเหมือนกับตนได้ไปเจอคนที่เขาไม่รู้จักตนเลยด้วยซ้ำ แต่พอเขาฟังเรื่องราวของตน เหมือนเขาเปลี่ยนมายด์เซ็ตของตัวเองได้ มันเลยทำให้ตนรู้สึกอยากแบ่งปัน

 

Sponsored Ad

 

        นอกจากน้องธันย์จะเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจแล้ว เธอยังเป็นนักสื่อสารองค์กรที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งอีกด้วย

        ซึ่งหลังจากที่น้องธันย์เรียนจบคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พอจบแล้วน้องธันย์ก็เรียนต่อปริญญาโททันที ตอนนี้น้องธันย์เรียนต่อปริญญาโท อยู่คณะจิตวิทยา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้น้องธันย์ยังมีความฝันว่า อยากเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก ซึ่งสิ่งที่ทำให้น้องธันย์ไปถึงคือ "ประสบการณ์ในการใช้ชีวิต"

 

Sponsored Ad

 

        ถามว่ามันลำบากมั้ย ถ้าคนมองว่ามันลำบาก ก็คือลำบาก แต่ว่าสำหรับตัวตนมองว่า มันไม่มีข้อจำกัดไหนที่ลำบากเท่ากับข้อจำกัดที่ตนตั้งไว้กับตัวเอง ตนก็เลยคิดว่าตนไม่ได้ตั้งข้อจำกัดกับตัวเอง มันก็เลยเหมือนปลดล็อกสิ่งที่สังคมตั้งไว้

 

Sponsored Ad

 

        "ต่อให้คุณจะพลาดอะไรก็ตามทั้งหมดในชีวิต สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด คือคุณไม่ควรที่จะตัดสินว่าตัวเองผิดพลาด คือไม่ให้โอกาสตัวเองที่ทิ้งโอกาสของตัวเองไป 

        ต่อให้เราจะไม่มีโอกาสเหลือเลยจากสิ่งรอบตัวเรา ธันย์คิดว่าเมื่อไหร่ก็ตามเราให้โอกาสตัวเอง เราก็เหมือนมี 1% จาก 100 เหมือนเป็นแบตเตอรีที่เดินต่อไปได้ ถ้าสมมติเราตัด 1% นี้ออกไป เท่ากับเราว่าแบตเตอรี่เราเหลือ 0 ก็คือชัทดาวน์" น้องธันย์ฝากข้อคิดพร้อมส่งต่อพลังบวกสำหรับคนที่กำลังท้อแท้กับชีวิตปิดท้าย

ที่มา : khaosod

บทความที่คุณอาจสนใจ