เปิดประวัติ "นายพลมิน อ่อง หล่าย" ลูกบุญธรรม พล.อ.เปรม ก่อนเข้ายึดอำนาจ-ทำรัฐประหารเมียนมา

LIEKR:

เปิดประวัติ "นายพลมิน อ่อง หล่าย" ลูกบุญธรรม พล.อ.เปรม ก่อนเข้ายึดอำนาจ-ทำรัฐประหารเมียนมา

    กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทั่วโลกจับตา กรณีกองทัพเมียนมาก่อรัฐประหาร นำทีมโดย พล.อ.มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สั่งคนเข้าจับกุม ออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) พร้อมด้วยแกนนำพรรค โดยมีการแต่งตั้งอดีตนายพลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชั่วคราว พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี

    วันนี้ทางทีมงาน พันหมื่นเหตุผล จะพาทุกท่านไปรู้จัก นายพลมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้คุมอำนาจรัฐประหารเมียนมา หรือ ประเทศพม่า ทั้งๆที่เจ้าตัวเตรียมเกษียณอายุราชการในปีนี้ คนไทยรู้จักในฐานะบุตรชายบุญธรรมของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

 

Sponsored Ad

 

    โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมา ได้ก่อการปฏิวัติรัฐประหารเข้ายึดอำนาจ โดยได้ควบคุมตัว นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) พร้อมด้วย ประธานาธิบดีวิน มินต์ และแกนนำพรรคทั้งหมด ก่อนจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี และตั้ง มิน ส่วย อดีตนายพล ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

 

 

Sponsored Ad

 

    อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพอ้างเหตุผลในการก่อรัฐประหาร ว่าเป็นการตอบสนองต่อเหตุทุจริตเลือกตั้งในประเทศ ในขณะที่ ออง ซาน ซูจี ชนะการเลือกตั้งในเมียนมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ด้วยเสียงโหวตถล่มทลาย 83% 

    ตามรายงานของ บีบีซี ระบุว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา เป็นผู้นำรัฐประหารในครั้งนี้ โดยเขากำลังจะมีอายุครบ 65 ปี ใน วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ซึ่งตามกฎหมายของเมียนมา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะต้องเกษียณอายุราชการเมื่ออายุ 65 ปี

 

Sponsored Ad

 

    โดยประวัติคร่าวๆของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เกิดที่เมืองทวาย เมื่อปี 2499 ปัจจุบันอายุ 64 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อปี 2554 โดยสืบทอดอำนาจต่อจาก นายพลอาวุโสตาน ฉ่วย ทาง มิน อ่อง หล่าย จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ย่างกุ้ง จากนั้นศึกษาต่อที่ Defense Service Academy (วิทยาลัยกลาโหม) เข้ารับราชการในกองทัพบกเมื่อปี 2520

 

Sponsored Ad

 

    มิน อ่อง หล่าย เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพในรัฐมอญ และพื้นที่สามเหลี่ยมในภาคตะวันออกของรัฐฉาน เคยเป็นผู้แทนกองทัพทำหน้าที่เจรจากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุ และกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุโกกั้ง จุดเริ่มต้นที่ทำให้ มิน อ่อง หล่าย มีบทบาทสำคัญและเป็นที่จับตา คือเป็นผู้นำกองทัพทหารเข้าปราบปราม กองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุโกกั้ง และเขามีจุดยืนชัดเจนว่า กองทัพจำเป็นต้องมีบทบาททางการเมือง

 

Sponsored Ad

 

    ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam นักข่าวสายทหารได้โพสต์ สัมพันธ์ของนายพลมิน อ่อง หล่าย ได้เคยมาเยือนประเทศไทยหลายครั้ง ในนามแขกและบุตรชายบุญธรรมของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 

    ซึ่งเมื่อครั้ง พล.อ. เปรม ถึงแก่อสัญกรรม ในปี 2562 พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ได้เดินทางมาเคารพศพ พล.อ. เปรม ที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรฯ ประเทศไทย  พร้อมเผยข้อมูลถึงสาเหตุที่พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ขอเป็นบุตรชายบุญธรรมของ พล.อ. เปรม เมื่อ 7 ปีที่แล้ว

 

Sponsored Ad

 

     ระบุว่า ก่อนหน้านั้น พล.อ. มิน อ่อง หล่าย เคยเห็น พล.อ. เปรม แต่ในข่าว กระทั่งได้มาพบตัวจริงเมื่อปี 2555 ทำให้รู้สึกเหมือคุณพ่อที่ลาจากไปเมื่อปี 2545 จึงขอเป็นลูกบุญธรรม หลังจากนั้น พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ได้มาหา ท่านพล.อ. เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ เป็นประจำทุกปี โดยประทับใจคำสอนและคำพูดต่าง ๆ ของพล.อ. เปรม เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ประชาธิปไตยของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป เหมาะสมกับประเทศนั้น ๆ และเรื่องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดของตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้นถือว่า "ทรยศชาติ"

ที่มา : Wassana Nanuam, บีบีซี, Thai PBS

บทความที่คุณอาจสนใจ