"ธีร์" สารภาพหมดเปลือก เปิดใจไม่อาย ที่ไลฟ์เพราะอยากได้เงิน เผยชีวิตหลังได้เงิน 8 ล้าน

LIEKR:

"เพราะธีร์ก็ไม่รู้ว่าหลังธีร์ไลฟ์ไปแล้ว ธีร์จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เลยอยากได้เงินให้แม่เก็บไว้มากกว่า" #ธีร์ภูมิธระวัชร์ เปิดใจ

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        เคยเป็นข่าวใหญ่มากเมื่อปีที่แล้วหลังป่วยหนักจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดสำหรับนักแสดง ธีร์ ภูมิธนะวัชร์ บุญลือประดิษฐ์ ที่ได้ป่วยเป็นวัณโรคทำให้ร่างกายซูบผอมลงจนแทบจำไม่ได้ และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมา 4-5 เดือน โดยล่าสุดหนุ่มธีร์ก็ได้มีโอกาสมาเปิดใจถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดกระแสดราม่าหนักทั้งเรื่องเงินบริจาค 8 ล้านบาทที่มาจากความสงสารจากอาการเจ็บป่วย รวมทั้งกรณีทะเลาะกับ เอ็มมี่ แม็กซิม ผ่านรายการ ถามสุดซอย Weekend

 

Sponsored Ad

 

        หนุ่มธีร์อัปเดตอาการล่าสุดว่าปัจจุบันหายดีแล้ว กลับมาแข็งแรง ทำงานได้เหมือนเดิม พร้อมกับเล่าย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ตนป่วยว่า โรคที่ตนเป็นส่วนใหญ่จะไอ แต่ของตนไม่ไอ จะเป็นข้างใน ทำให้ซูบผอม ทานข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ อาเจียนออกมาหมด และไม่ขับถ่าย เขาบอกว่าเกิดจากอาการเครียดสะสม แล้วบ่มอยู่ข้างใน

 

Sponsored Ad

 

        พร้อมกับได้เล่าย้อนกลับไปว่าก่อนที่ตนจะตัดสินใจออกมาไลฟ์ครั้งนั้น อาการมันเริ่มทานข้าวไม่ได้ พอทานก็อาเจียนออกหมด ทานข้าวก็ไม่ได้ ตนก็คิดว่าตนเป็นอะไร มันไม่ดีแล้ว ไปโรงพยาบาลบ่อยมาก จนกระทั่งมีแฟนคลับส่งผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งมาให้ ตนก็เลยลองทานดูแต่ทานเข้าไปไม่รู้เกิดอะไรกับร่างกาย มันเอฟเฟกต์หนักมาก นอนนิ่งอยู่กับที่ ไปไหนไม่ได้ ตนก็เลยคิดว่าไม่น่ารอดแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนก็เหลือแม่อยู่คนเดียว ไม่รู้จะทำยังไง ฝากบอกกับแฟน ๆ ทางเฟซบุ๊กว่าตนไม่น่ารอดแล้ว ถ้าไม่ได้อยู่ต่อ ขอให้ช่วยดูแลแม่ด้วย เพราะตนเหลือแม่คนเดียว จนกระทั่งได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อน ๆ หลายคนในวงการ น้องที่น่ารักก็ช่วย จนมีคนช่วยเหลือทั่วโลกเลยก็ว่าได้

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งเมื่อถูกถามว่าแล้วตอนนั้นรายได้ที่มีอยู่มีเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ได้เผยว่า ตอนนั้นมีเงินเก็บอยู่ 2 แสนกว่าบาท หมดเกลี้ยงเลย กับการรักษาตัวไปเรื่อย ๆ แต่โชคดีที่ตอนนั้นพอล้มอย่างแรง เรื่องประกันสังคมก็ดูแลดีมาก ๆ ทำให้ตนกลับมายืนได้ กลับมาแข็งแรง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

 

Sponsored Ad

 

        โดยเงินส่วนที่เก็บเอามากินมาใช้ แต่ส่วนที่รักษา ทางรัฐบาลดูแลดีอยู่แล้ว ตอนป่วยออกจากงานมาอยู่กับคุณแม่ ใช้ชีวิตด้วยเงินเก็บทั้งหมด ก็ค่อย ๆ หมดไปเรื่อยๆ จนมาพีคจริง ๆ วันนั้นจำได้เลยว่ามันเหลือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ซองเดียว แม่ถามว่าหิวไหม ตนที่เป็นคนไข้ก็ไม่ค่อยหิว ไม่ค่อยอยากกินอะไร แม่ก็บอกว่ากินหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะไม่หาย จะได้กินยา แต่ตนบอกว่าตนไม่หิว ทั้งที่จริง ๆ ตนหิวมาก ก็กอดกับแม่บอกว่าถ้าวันนี้ไม่อยู่แล้ว แม่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ ไม่ไหวแล้ว มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ต้องไปแล้ว แม่ก็บอกว่าต้องอยู่ด้วยกัน เราเหลือกันสองคน ไม่มีใครแล้ว จากตอนนั้นที่ตนคิดว่าหมดสิ้่นแล้ว หมดหวัง หมดกำลังใจ ก็คิดว่าสู้ด้วยความรักของแม่ สู้ด้วยหัวใจของผู้หญิงคนนึงที่ไม่เรียกร้องอะไรจากเรา

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้เมื่อถูกถามถึงกระแสที่บอกว่าธีร์ออกมาไลฟ์เพราะต้องการเงินบริจาค ธีร์ก็ได้ตอบประเด็นดังกล่าวว่า "ตอนนี้ตอบได้ตามตรงเลย ตอบแบบสุดซอยเลย ว่าตอนนั้นก็อยากได้เงินจำนวนนึงให้มากที่สุดเพื่อให้แม่ไว้ใช้ ในยามที่ธีร์ไม่อยู่แล้ว เพราะธีร์ก็ไม่รู้ว่าหลังธีร์ไลฟ์ไปแล้ว ธีร์จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เลยอยากได้เงินให้แม่เก็บไว้มากกว่า"

 

Sponsored Ad

 

        และเมื่อถูกถามว่ายอดเงินบริจาคที่ได้มา ตามข่าวบอก 8 ล้าน ยอดจริง ๆ ได้เท่าไหร่ เจ้าตัวก็ได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า เป็นตามข่าวเลย 8 ล้านบาท "คือนับตั้งแต่วันที่ไลฟ์ จริง ๆ มีก่อนหน้านั้นนิดนึง อาจารย์มหาวิทยาลัยเกริกช่วยมาก่อนนิดนึง พอหลังไลฟ์เป็นกระแสขึ้นมา อันนั้นเข้ารัวมาก ได้รับการช่วยเหลือและตอบรับจากสังคมดีมาก สังคมไทยเป็นคนมีน้ำใจมาก ๆ จริง ๆ จากหลักหมื่นสู่หลักแสน หลายแสน ก็ใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ครับ" หนุ่มธีร์เผย

        และเมื่อถูกถามว่าทำไมได้เงินเยอะทำไมไม่ปิดรับบริจาค เจ้าตัวก็ได้เผยว่า จริง ๆ แล้วตนไม่ได้อยากรับแล้ว แต่เนื่องจากทางบ้านเอง พอตนโพสต์ลงโซเชียลไปแล้ว บางคนเซฟหน้าจอเก็บไว้ เขาอาจโอนเลยหรือโอนตอนหลังตนก็ไม่รู้ พอแถลงข่าวรอบแรก ตนก็บอกว่าปิดรับบริจาคแล้ว 

Sponsored Ad

        ทั้งนี้เจ้าตัวก็ได้เผยอีกว่า เงิน 8 ล้านบ้านนั้นได้เอาไปซื้อบ้านหนึ่งหลัง ราคา 1 ล้านบาท ซึ่งซื้อด้วยเงินสด เป็นบ้าน 1 ล้านไซส์เล็ก อยู่เชียงใหม่นอกเมือง ไม่แพง เป็นบ้านมือสอง เจ้าของบ้านเขาเห็นข่าวเราด้วย ส่วนที่เหลือตนเก็บไว้รักษาตัวเอง เพราะตนมานั่งย้อนกลับไปว่าวันที่ไม่มี มันอดอยากมาก มันทรมาน "ตอบได้ตรง ๆ เหมือนหมาจนตรอกจริง ๆ" หนุ่มธีร์กล่าว

        และเมื่อถูกถามว่าทำไมเอาเงินบริจาคให้รักษาตัวไปซื้อบ้าน เจ้าตัวก็ได้เผยว่า ตอนนั้นตนเช่าบ้านเอื้ออาทรอยู่ พอมีเงินตนก็คิดว่าในเมื่อวันนึงถ้าตนจะไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยตนมีบ้านให้แม่อยู่ ตนมีเงินให้แม่ใช้ ถ้าวันนั้นของตนมาถึง ตนจะได้จากไปอย่างสบายใจ ไม่มีห่วงอะไร 

        นอกจากนี้แล้วตนยังได้มีการบริจาคเงินให้กับคนที่ประสบปัญหาคล้าย ๆ ตนอีกด้วย "แต่เราปิดตัวเงินนะ เขาบอกว่าสร้างภาพ ตอแหล การที่เราอยากตอบแทนสังคมบ้าง ในสิ่งที่เราเคยได้รับการช่วยเหลือจากสังคม กลายเป็นว่าเราตอแหล เราผิดมากมั้ย ตอนหลังก็ไม่เป็นไร ปิดทองหลังพระก็ได้ ถ้าเราปิดจนเยอะแล้วมันจะล้นออกมาเองให้คนได้เห็น เลยเลิกโพสต์ที่เราไปทำบุญที่ไหนๆ อย่างน้ำท่วมที่นครฯ เราก็โอนไปช่วย แต่เราไม่ได้มานั่งโพสต์ว่าช่วยไปกี่บาท เราไม่โพสต์แล้ว ทำดีก็อยู่ที่ตัวเรา" หนุ่มธีร์กล่าว

        และเมื่อถามประเด็นของ "เอ็มมี่ แม็กซิม" ว่าตอนที่สาวเอ็มมี่เอาไลฟ์ไปแชร์ธีร์รู้สึกอย่างไร ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เผยว่า รู้สึกขอบคุณมากที่ช่วย ทำให้แฟนคลับน้องเขามาช่วยตนเยอะมาก และเมื่อถูกถามว่าเงินที่เข้าเยอะ ๆ เพราะเอ็มมี่เอาไปแชร์หรือเปล่า เจ้าตัวก็ได้เผยว่า "มีส่วนครับ ก่อนที่เอ็มมี่แชร์เงินยังไม่ถึงล้าน หลักแสน แต่หลังจากเขาแชร์ก็มาเรื่อยๆ จนถึง 8 ล้าน เป็นความสัตย์จริงครับ ธีร์ไปออกรายการที่ไหนหรือแถลงข่าวก็ขอบคุณเขาตลอด น้องเป็นผู้มีพระคุณกับผมอย่างมาก ขอบคุณที่สุด ทำให้ผมกับแม่มีชีวิตยืนยาวได้อย่างทุกวันนี้ ทำให้ธีร์กลับมาทำงานที่รักได้ ทำให้ธีร์กลับมาวงการบันเทิงได้ และกลับมานั่งตรงนี้ได้"

        และเมื่อถูกถามว่ามีเรื่องที่ทำให้เอ็มมี่โกรธธีร์ เรื่องที่เขาต้องการเงินไปประกันตัว หนุ่มธีร์ก็ได้เผยว่า "ก็มีช่วงนั้นที่เป็นกระแสรอบสอง น้องส่งแมสเสจมา แต่ ณ ตรงนั้นมีการแถลงและจบไปแล้ว ธีร์ก็ขอโทษน้อง ที่ไม่สามารถช่วยได้เพราะอะไร ตอนนี้ถ้าพูดอะไรได้ ก็ต้องขอโทษน้องอีกครั้งที่ไม่สามารถช่วยน้องได้ตามที่ขอมา ณ ตอนนั้น" พร้อมกับได้เผยว่าตอนนั้นเอมมี่ขอให้ช่วย 1 แสนบาท ซึ่งเมื่อถามอีกว่าตามข่าวบอกว่าเอมมี่ขอหนึ่ง 150,000 บาท แต่ธีร์ช่วย 50,000 บาท ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้แก้ตัวอะไรพร้อมกับเผยว่า "ครับ ตามนั้นแหละครับ"

        และเมื่อถามว่าทำไมถึงช่วยเขาไม่ได้ เจ้าตัวก็ได้เผยว่า เหตุผลส่วนตัวตน และปรึกษาผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน นักกฎหมาย ทนายบอกว่าช่วยหรือไม่ก็ค่าเท่ากัน ตอบคำถามสังคมโซเชียลให้ได้ว่า ไม่ช่วยเพราะอะไร ช่วยเพราะอะไร พร้อมกับได้ชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องไปปรึกษาทนายว่า ตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ตนอยากรู้ว่าตนจะใช้เงินแต่ละบาท ตนต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากน้ำใจของประชาชน ตนต้องอิงกระแสสังคมด้วยเป็นหลักในการใช้ชีวิตของตน แต่ตนก็คิดเสมอว่าวันหนึ่งถ้าตนทำงานได้เอง อย่างมาออกรายการ ไปถ่ายละคร มีพรีเซ็นเตอร์เข้ามา ถ้าตนมีเงินจากน้ำพักน้ำแรง ตนยินดีช่วยเต็มที่เลย พร้อมกับฝากถึงเอมมี่ว่า "ขอโทษน้องอีกครั้ง อะไรก็ตามแต่ทำให้น้องไม่พอใจ น้องโกรธ เสียใจ หรือไม่เข้าใจ"

        ถ้าวันหนึ่งเอ็มมี่เดือดร้อนอีก และขอให้ช่วย ตนยินดีช่วยในส่วนที่ตัวเองทำงานมาได้ ตอนนี้มีงานรีวิวสินค้า มีงานพรีเซ็นเตอร์ ละคร ถ้าเอมมี่เดือดร้อนยินดีช่วยในเงินส่วนของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับเงินก้อนที่ประชาชนช่วยเหลือตนมา ซึ่งถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้มีโอกาสเจอตัวเอมมี่เลย เคยเกือบจะได้เจอกัน แต่เอมมี่มีน้องเลยไม่สะดวกออกงาน ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน 

        ทั้งนี้เจ้าตัวก็ได้อัปเดตถึงงานว่า ปัจจุบันตนรับจ๊อบเขียนมินิซีรีส์ เขียนบทด้วย เขียนซีเควนงานอีเวนต์ รับจัดงานอีเวนต์ด้วย เมื่อก่อนธีร์ถนัดพิธีกรงานอีเวนต์ พิธีกร พิธีการ งานแต่งต่าง ๆ จ้างได้ ทุกวันนี้ก็ทำหมด ไม่เลือกงานไม่จน 500 บาทหรือ 1000 บาทก็ทำ งานฟรีก็ไป งานกุศลก็ยินดีช่วย

        และเมื่อถูกถามถึงความเป็นอยู่ของคุณแม่เจ้าตัวก็ได้เผยว่า ปัจจุบันคุณแม่สบายขึ้นเยอะ แต่ด้วยความที่แกอายุจะ 80 ปีที่แล้ว ปีนี้แม่มาเป็นซีกขวา ขยับไม่ได้ แต่โชคดีที่ได้ข้างบ้านช่วยดูแล เพราะตนต้องมาทำงานที่กรุงเทพ โดยข้างบ้านยินดีช่วย แบบไม่เอาตังค์ด้วย เขาบอกว่าเขาสงสารตนกับแม่ เขาเคยมีคุณตาเป็นคนไข้ติดเตียงต้องดูแลตลอดเวลา เขาเข้าใจ เขาบอกว่าหนูทำได้ ซึ่งตนก็ได้ให้เป็นสินน้ำใจไป 

        สุดท้ายธีร์ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า "สิ่งหนึ่งที่ได้จากความตาย ธีร์เชื่อว่าธีร์ตายไปแล้ว วันนี้ธีร์เกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ เพราะประชาชนคนไทยทุกท่าน เพราะน้องเอ็มมี่ที่ช่วยพี่ พี่ชายแฮ็คส์ ผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนที่เมตตาธีร์ กราบขอบพระคุณทุกท่าน ขอบคุณสำหรับทุกคำติ คำชมคำสรรเสริญเยินยอ แม้แต่คำด่าธีร์ ก็ขอบคุณด้วยความจริงใจ นั่นคือความใส่ใจที่ทุกท่านมีให้กับธีร์ ขอบคุณครับ"

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

ที่มา : รายการ ถามสุดซอย Weekend, รวมหัว ทีวี

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ