"โอ๊ต วรวุฒิ" เปิดใจล่าสุด ในวัย 49 เผยรักลูก-เมียมาก คิดขายธุรกิจทั้งหมด เพื่ออยู่บ้านเลี้ยงลูก

LIEKR:

ครอบครัวน่ารักอบอุ่น ภรรยาสวยมากค่ะ

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    ต้องบอกว่าน่ารักอบอุ่นสุดๆ สำหรับความน่ารักมุ้งมิ้งของ คุณพ่อลูก 2 โอ๊ต-วรวุฒิ นิยมทรัพย์ และคุณแม่คนสวย จีน่า ที่แม้จะอายุห่างกันกว่า 21 ปีก็ไม่เป็นอุปสรรค นอกจากนี้ทั้งคู่มักจะถ่ายคลิปสุดน่ารักในครอบครัวไว้ให้ชาวเน็ตได้ติดตามกัน 

    โดยล่าสุด โอ๊ต วรวุฒิ ก็ได้ออกมาเปิดใจในรายการต้มยำอมรินทร์ หนุ่ม โอ๊ต วรวุฒิ เผยชีวิตที่โลดแล่นในวงการบันเทิง มากว่า 30 ปี ส่วนอายุก็เข้าเลขห้าแล้วครับ(ตอนนี้วัย 49 ปี) แต่ตอนนี้ต้องบอกก่อนว่าที่เหมือนโอปป้า เพราะแฟนติดซีรีส์เกาหลี ผมนี่ก็ต้องทรงเกาหลีเพราะเขาตัดให้เราเอง เสื้อผ้าเราเขาก็เปลี่ยนให้ผม เขาพยายามเปลี่ยนตัวเราเพราะอยากให้เราเล่น TikTok กับเขาด้วย ก็เลยอยากให้เราแต่งตัว คือ ไม่เล่นไม่ถ่ายให้เขาไม่ได้ก็งอน" 

 

Sponsored Ad

 

    พร้อมเผยชีวิตรักกับภรรยาเด็ก ซึ่งอายุน้อยกว่า โอ๊ต ถึง 21 ปี เผยตอนนี้ยอมเมียแทบทุกอย่าง ถอดเขี้ยวเล็บไปหมดแล้ว ทั้งนี้เจ้าตัวเล่าว่า "สมัยก่อนเรากลัวการมีชีวิตคู่ กลัวการแต่งงานเพราะเหมือนเราเคยบาดเจ็บมา เราก็ตั้งใจว่าในช่วงที่เราบาดเจ็บมาเราจะไม่มีใครอีกแล้ว (ตอนนั้นเราคิดเลยว่าจะโสดจนตายเลย) จะโสด จะใช้ชีวิตที่เหลือเหมือนหนุ่มโสด เพราะว่าเราเคยคาดหวังกับชีวิตคู่มาแล้ว ไม่แฮปปี้ รู้สึกว่ามันไม่สนุก มันไม่มีความสุข อึดอัดไม่ได้อยากกลับไปอยู่บรรยากาศแบบเดิมๆ อะไรแบบนั้น 

 

Sponsored Ad

 

    เราก็เลยใช้ชีวิตแบบมีความสุขให้เต็มที่ คบผู้หญิงเราก็คบๆนะ ไม่ใช่แบบว่าตั้งใจโสดแล้วไม่คบใครนะครับ ตั้งใจโสดแต่ก็คบก็ศึกษา ก็คบๆ แต่พอผู้หญิงจะจริงจังด้วยเราหนีเลย แต่ว่าถ้าคบอยู่แล้วไม่จริงจังคบไปเรื่อยๆ เราก็สบายใจที่จะคบด้วย แต่ถ้าใครจริงจังเราก็ถอยเลย" 

 

Sponsored Ad

 

    ผมเคยกลัวการผูกมัดกลัวความรู้สึกเดิมๆ กลับมา จนมาเจอ จีน่า คือไม่รู้ว่าจับพลัดจับผลูอะไรก็ไม่รู้ช่วงแรกมีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้ใสๆ ง่ายๆ เขามีความเป็นตัวของตัวเอง เราอยู่ด้วยแล้วเราสบายใจ มีความสุข แล้วคือคบกันเร็วมากด้วย ตอนที่เราเจอเขาคือ ปิ๊งกันเลย ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นเร็วมาก คบกันตอนแรกเราคุยกันเราตั้งใจว่าจะมีลูกก่อนแล้วพอลูกสักขวบกว่าๆ แล้วค่อยเอาลูกเข้างานแต่งงาน (แต่เราก็ได้ในสิ่งที่เราต้องการนะ พอลูกเราประมาณสักขวบกว่าๆ) เขาก็มาเดินถือแหวนในงานแต่งงานให้เรา 

 

Sponsored Ad

 

    คือเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดหรือว่าอะไรมันเกิดขึ้นจากความตั้งใจ เพราะว่าตั้งแต่ที่เราคบกับ จีน่า ตั้งแต่แรกๆ แล้วผมเดินเข้าไปหาคุณแม่ เดินเข้าไปบอกว่าขอเป็นแฟนกันลูกสาว ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะมีลูก (คุณแม่เขาก็บอกว่าเร็วไปหรือเปล่า) ตอนที่เข้าไปคุยกับคุณแม่เขาคือ จีน่า อายุ 23 ค่อนข้างอายุยังน้อยพอสมควรครับ" 

 

Sponsored Ad

 

    เล่าชีวิตการทำงาน ชอบเป็นพระเอกที่เป็นตัวร้ายๆ เราอยากลองอะไรที่หลากหลายแล้วมีความซนเด็กๆ ยิ่งซน เรามีความรู้สึกว่าอะไรที่เขาห้ามๆ เรายิ่งอยากลองแล้วมันติดใจบทร้าย ไม่อยากกลับไปเล่นบทคนดี อยากเล่นในบทร้ายๆ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราได้ทำในสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะทำในชีวิตประจำวันได้ โดยจินตนาการของเราเองด้วยนะ (เพราะบางทีเราเก็บกดอยากระบาย) บางทีเราก็ไปใส่กับบทเต็มที่เลย (หัวเราะ) มันได้ปลดปล่อย"

    แต่เอาจริงๆ เราก็เล่นสลับกันนะ ทั้งบทร้ายทั้งดีกลับไป กลับมา เราก็ไม่ได้ทิ้งบทตัวดีไปเลย แต่ถ้าถามความชอบของเราเลย ถ้าหากว่าเราเลือกบทที่จะเล่นเราอยากเล่นบทที่มันแรงๆ ร้ายๆ เราไม่ชอบบทนิ่งๆเพราะเรารู้สึกว่าบทนิ่งๆ มันเล่นแล้วมันอึดอัด มันต้องเป็นคนดีตลอดเวลา ตัวจริงเราก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น"

 

Sponsored Ad

 


    ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่เจ้าตัวเบื่อวงการบันเทิง ไม่รับงานหายไป 2 ปีเต็ม เพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่ามันถึงทางตัน มันไม่มีอะไรท้าทาย มันเริ่มไม่มีอะไรสนุกมันเริ่มแบบว่าบทซ้ำซาก บทเดิมๆ ทางเดิมๆเราเคยเล่นมาหมดแล้วไม่รู้ว่าจะฉีกยังไงแล้ว เริ่มไม่มีความสุข เริ่มไม่อยากไปกองถ่าย แต่งหน้า ทำผม เรารู้สึกว่าบทที่เราเล่นมันฉีกไม่ออก แล้วเวลาที่คนส่งบทมาในช่วงเวลาเดียวกันให้เราชอบส่งบทมาแบบซ้ำๆ ในคาแรคเตอร์เดิมๆ เจ้าชู้ เป็นนักธุรกิจก็จะส่งมาเป็นบทเดิมๆ 

Sponsored Ad

    เราก็มีความรู้สึกว่ามันก็ไม่มีไฟในการทำงาน มันไม่ได้มีความคิดอะไรที่มันเป็นครีเอทีฟใหม่ๆ เกิดขึ้น เลยรู้สึกเบื่อเราก็เลยปฏิเสธไปหมดเพื่อรอในบทที่เราชอบ ก็ไม่มีเรารอส่งมาเลย 2 ปี ไม่รับเลย ตอนนั้นที่เราปฏิเสธไปเป็นตอน (เราอายุยี่สิบกว่าๆ เอง) เพราะเราเด็กมันเลยไม่กลัวเรามีความมุ่งมั่น เราก็รอๆ จนวันหนึ่งมันคิดถึง เราก็คิดว่าบทนี้ก็ได้นิ เริ่มสนุก ก็เลยกลับมา ตอนที่หยุดไปเหมือนเราไปชาร์จแบตให้ตัวเราเองด้วย 

    พอชีวิตถึงจุดจุดหนึ่ง เราก็ไปทำเบื้องหลังละคร เราว่าก็สนุกดี แต่เบื้องหน้าก็เลือกเรื่องที่อยากจะเล่นจริงๆ แต่พอมีลูกความคิดเราก็เปลี่ยนไป  เพราะงานในวงการไม่ได้เป็นสมบัติที่เป็นชิ้นๆ ไม่สามารถส่งต่อให้ลูกเราได้ เราก็อยากเริ่มไปทำอะไรข้างนอกคือ ตั้งโครงการทำโรงแรมที่ บุรีรัมย์ แต่พอไปทำโครงการที่ บุรีรัมย์ แล้วเริ่มเหนื่อย

โรงแรม t-rex buriram boutique ของคุณ โอ๊ต วรวุฒิ 

    ตอนแรกเรากะจะหายไป  2 ปีไปทำโรงแรมก่อน พอทำโรงแรมเสร็จแล้วเราจะกลับมา สานต่อในสิ่งที่เราคิดเอาไว้ แต่พอเราไปทำคือ มันไม่ใช่ 2 ปี ทุกอย่างมันไม่จบมันไปเรื่อยๆ มีปัญหาเรื่องจุกจิก โน้นนี่ ที่สำคัญ คือ เรื่องของเวลา ของครอบครัวอันนี้คือ เราทรมานมากเพราะมันปั่นทอนจิตใจ

    เราอยากอยู่กับครอบครัว แต่เราไม่มีเวลาให้เขาเลย เพราะพอเราเริ่มทำโรงแรมสัก 2 เดือน ลูกคนที่สองมาแล้ว คนแรกขวบกว่าๆ เกือบสองขวบเลยมีความสับสนว่าแล้วยังไงดี เขาจะเลี้ยงไหวไหม เพราะเราก็ต้องดูงานอยู่ทางนี้ คือ ใจเราเป็นห่วงเขาตลอด เราก็เลยรู้สึกว่าไม่เอาล่ะ จะไม่ทำโรงแรมแล้ว ปล่อยขายไปเลยดีกว่า แล้วกลับมาอยู่กรุงเทพฯ กับลูกแล้วหาอะไรทำไปเช้า เย็นกลับดีกว่าในตอนนั้นที่เรารู้สึก ตอนนั้นคือ จิตใจเราอ่อนแอมาก แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ขาย เพราะพอทำไปทุกอย่างเริ่มคลี่คลายมีพี่สาวมาช่วย ตอนนี้ทุกอย่างคือ ลงตัวมาก เราไม่ต้องลงไป บุรีรัมย์ เลยอยู่กับลูกเต็มที่เลย"

    ตอนนี้ลูกชายคนโต 4 ขวบครึ่งแล้วครับ ชื่อ โอลาฟ แล้วคนที่สองคือ เราอยากได้ผู้หญิงเลยตั้งชื่อไว้ว่า โอลีฟ แล้วพอภรรยาท้องได้ 4 เดือน เราก็ไปอัลตร้าซาวด์หมอบอกว่าชัดเจนเลยครับได้ลูกผู้ชาย ที่อยากได้ลูกสาวเพราะว่าชอบเด็กผู้หญิง แต่ในอนาคตคิดว่าจะไปขอเลี้ยง แต่รอให้สองคนพี่เขาโตขึ้นมาก่อน เพราะภรรยาเราก็อยากได้ผู้หญิง

    เพราะเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เลยมีช่องยูทูบ ซึ่งช่องนี้ก็ชื่อว่า JenaOat Family ยังก็ฝากด้วยครับ ซึ่งทั้งคู่มักจะออกมาทำคลิปไลฟ์สไตล์ งานนี้ต้องบอกว่าผู้ชายคนนี้รักลูกเมียที่สุดในโลกจริงๆ เลยนะ

.

.

.

.

.

.

ชมคลิป เปิดใจโอ๊ต วรวุฒิ

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

.

ชมคลิป โอ๊ต วรวุฒิ- จีน่า รู้จักกันได้ยังไง

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

.

ที่มา : ต้มยำอมรินทร์, Jena Anna

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ