LIEKR:
หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ
กลายเป็นภาพที่ถูกแชร์และพูดถึงกระหึ่มของสังคมเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อมีหนุ่มถักเปียสองข้างติดกิ๊บสีชมพูหวานแหวว หรือ “ครูบอลลี่-ธีรพงษ์ มีสัตย์” เรือจ้างผู้นำเอาความเอ็นเตอร์เทนมาหลอมรวมกับการสอนวิชาภาษาอังกฤษ จนกลายเป็นหนึ่งในชั่วโมงเรียนในใจของเด็กๆ
“หลังจากทุกคนๆ เห็นที่เราทำ ท่านผอ. ก็ชี้แนะสิ่งที่ควรไปปรับใช้ในการเรียนการสอนครั้งต่อไป ครูหลายท่านก็ให้กำลังใจ อยากให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ และก็ส่งอุปกรณ์การแต่งหน้ามาช่วยเหลือ เพื่อนๆ เราก็เหมือนกัน ก็รู้สึกขอบพระคุณทุกท่านที่เล็งเห็นความตั้งใจของเรา แต่มีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ เขาก็อาจจะมองว่าไม่เหมาะสม เราไม่แคร์ในสิ่งที่มันไม่กระทบกับชีวิตเรา แต่เราแคร์สิ่งที่มันจะกระทบต่อชีวิตนักเรียนของเรา”
Sponsored Ad
“ธีรพงษ์ มีสัตย์” หรือ “บอลลี่” เกิดและโตที่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ มีความชื่นชอบและถนัดการเรียนด้านภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ หลังจบการศึกษาในระดับอุมศึกษาจึงเลือกเรียนต่อที่ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และสามารถสอบเข้าบรรจุได้ทันทีหลังจบ เมื่อปี พ.ศ. 2557 ในตำแหน่งอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาประจำโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ จ.ราชบุรี
ด้วยความชอบนำมาสู่ความรักการเรียนจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน นอกจากวิชาการครูบอลลี่ในสมัยเป็นนักศึกษาจึงเป็นนักกิจกรรมตัวยงที่คอยสันทนา โดยที่ไม่เคยรู้ว่าต่อมาในอนาคตจะได้นำทักษะเหล่านั้นมาใช้ช่วยให้เด็กรักและตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ
Sponsored Ad
“เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ที่ไม่คล่องภาษาอังกฤษหรือไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย เกิดจากการแอนตี้ในใจและคิดว่ามันยาก” เขาบอกต่อ “การนั่งสอนนักเรียนแต่ไวยกรณ์ตามรูปแบบหลักสูตร ประสบผลสำเร็จในส่วนหนึ่งสำหรับเด็กที่สนใจ แต่ในสำหรับเด็กที่ไม่ได้มีความสนใจทางด้านภาษาอังกฤษจะทำอย่างไรให้เขามาชอบภาษาอังกฤษ ตรงนี้สำคัญกว่า”
“สิ่งแรกคือทำให้นักเรียนมาชอบคุณครูผู้สอน ทีนี้เราก็ตัดสินใจพยายามทำให้เด็กสนุกที่สุด เฮฮาที่สุด แล้วพอเด็กสนุกและเฮฮาก็เข้าทาง อยากจะเรียนหรืออยากจะอยู่กับเราไปตลอดทั้งคาบ”
Sponsored Ad
“การแต่งหน้าจริงๆ โรงเรียนจะมีวันสำคัญต่างๆ เป็นกิจกรรมที่ได้ไปร่วมเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งเรามีเวลาเหลือสำหรับการเปลี่ยนชุดล้างหน้าตาเพื่อไปสอน จนงานกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด วันที่ 26 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา มีการแต่งตัวแต่งหน้าร่วมขบวนเพื่อดึงความสนใจของผู้คนในชุมชนให้เห็นความสำคัญ หลังจากแต่งเสร็จกิจกรรมก็ต้องสอนต่อแต่ดูเวลาแล้วครั้งนี้ล้างหน้าไม่ทัน เปลี่ยนแต่เสื้อผ้าเพราะกลัวว่าเด็กจะเสียเวลาประโยชน์ที่รอ ก็เข้าสอนทั้งอย่างนั้น เด็กๆ ก็ฮือฮากันใหญ่”
Sponsored Ad
จากห้องเรียนที่เงียบเหงาเปลี่ยนเป็นมีแต่ความสนุกสนานและเฮฮา แม้มีส่วนน้อยที่กลัวเพราะไม่คุ้นชินกับการแต่งตัวของครูในลัษณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามความกลัวนั้นก็พุ่งเป้าให้เด็กเกิดการสนใจและมีความใจ
“พอเขาไม่ตกใจแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะ ยิ้มกันทุกคน เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุข เขาสนุกกับวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ทีนี้พอเด็กเจอเราก็จะถาม ว่า “ครูสอนหนูวันไหนอีก” หรือ “ครูแต่หน้าตาแบบนี้อีกนะ” เพราะเจอกับพวกเขาอาทิตย์และ 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้แต่งแบบนี้ทุกครั้งที่เข้าสอนเขา อย่างที่บอกว่าเราต้องการให้เขาสนุกและอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในคาบหน้าเพื่อให้เขาตั้งใจ มันก็ทำให้เขาสนใจและตั้งใจในแต่ละคาบที่จะมาเรียน” เขายิ้มรับให้กับกำลังใจที่ส่งให้ก้าวต่อไปบนเส้นทางเหล่านี้
Sponsored Ad
“เราติดตามไอดอลเราพี่มาดามมดและก็พี่ตุ๊กกี้ เราก็จะเอาความสนุกสนานและเฮฮาของเขา เก็บเอามุขการแสดงเขามาปรับใช้ให้เข้ากับการสอนของเรา” ครูบอลลี่บอกต่อถึงเคล็ดลับส่วนตัวที่ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยในการทำเพื่อเด็กนักเรียนของตัวเองมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั่งซึ่งถือเป็นคติและนิยามสำหรับตัวเองว่าไม่มีอะไรมากแค่ใส่ “พลัง 200 เปอร์เซ็นต์” ในทุกอย่างที่ทำ
“สำคัญที่สุดคือพลัง คุณจะทำอะไรก็ตามคุณต้องให้สองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะในสองร้อยนั้นมันจะถูกหักล้างจากความเหนื่อยของคุณ ถูกหักล่างจากเวลาที่จำกัด อย่างการเป็นครูอาจจะบวกเพิ่มเรื่องความเขินอายจากนักเรียน หักล้างจากอายตัวครูเอง สิ่งที่หักไปนั้นเด็กก็จะได้รับร้อยเปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะมากกว่านั้น ซึ่งมันเป็นกำไรทั้งต่อเราและเขาที่จะได้รับ
Sponsored Ad
.
“ต้องมีการแลกกัน มีความบาลานซ์ อันนี้คือสิ่งที่เราบอกประจำกับนักเรียน ‘ใจแลกใจ’ ถ้านักเรียนจ่ายครูด้วยความตั้งใจ สิ่งที่เราจะให้ไปคือความสนุก ความรู้ รางวัล แต่เมื่อจ่ายด้วยความซน การเสียงดัง และไม่ตั้งใจ สิ่งทีจะให้คือการดุ การว่ากล่าวและความซีเรียสในคาบนั้น ก็จะทำให้เขาตระหนักและพึงระลึกทั้ง 2 มุม”
ครูภาษาอังกฤษผู้เป็นที่รักของเด็กๆ อย่างครูบอลลี่กล่าวทิ้งท้ายในส่วนที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ การสนับสนุน อย่างลูกชอบเล่นเกมก็แนะนำให้เขาดูเกมที่เป็นหลักในการใช้ภาษาอังกฤษในการเล่นและสื่อสาร ขณะเดียวกันหากลูกชอบเล่นโทรศัพท์ดูคลิปก็แนะนำดูรีวิวจากต่างประเทศ เด็กๆ ก็จะเกิดความตั้งใจและได้ภาษามากยิ่งขึ้น
ชมคลิป...
คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<
ข้อมูลและภาพจาก posttoday