32 ปีก่อนเขาเคย "ช่วยเหลือแจ็กหม่า" ด้วยเงิน200เหรียญ วันนี้แจ็กตอบแทนด้วย20ล้านเหรียญ !

LIEKR:

ผู้ชายคนนี้ทั้งเก่งและมีทัศนคติการมองโลกที่ดีจริงๆค่ะ

    ย้อนไปเมื่อปี 1980 ช่วงที่ประเทศจีนเริ่มเปิดประเทศใหม่ๆ ในตอนนั้นมีคณะจากสมาคมออสเตรเลีย-จีน ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเมืองต่างๆในเมืองจีน โดยรวมไปถึงเมืองหางโจว บ้านเกิดของแจ็ก หม่า

    ▼แจ็ก หม่า และชาวบ้านได้ออกมาต้อนรับ และกล่าวคำทักทายเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับ เดวิด หนึ่งในสมาชิกที่เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวในการเยี่ยมชมเมืองหางโจว

 

Sponsored Ad

 

    ▼แจ็ก หม่า เด็กน้อยผู้ฝักใฝ่เรียนรู้อยากที่จะฝึกภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น เขาจึงเริ่มพูดคุยกับเดวิดที่อยู่ในวัยใกล้เคียงกับเขา เมื่อเดวิดกลับประเทศแล้ว เขาทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันทางจดหมายอยู่เสมอ

    ▼ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งสองครอบครัวเริ่มสนิทกันมากขึ้น แจ็กและเดวิดส่งจดหมายหากันไม่ขาด บางครั้งแจ็กยังเขียนไปหา เคน (พ่อของเดวิด) เพื่อถามสารทุกข์สุขดิบอีกด้วย ทำให้เคนรู้สึกเอ็นดูแจ็กไม่น้อย อีกทั้งยังช่วยแก้ข้อความภาษาอังกฤษของแจ็กให้ถูกต้อง ช่วยแจ็กฝึกฝนภาษาอังกฤษให้แข็งแรงขึ้น

 

Sponsored Ad

 

     ▼พวกเขาติดต่อกันทางจดหมายยาวนานกว่า 5 ปี เมื่อแจ็ก อายุได้ 21 ปี เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยหางโจวและยังเป็นประธานนักเรียนอีกด้วย ในปีนั้นเคนชวนแจ็กให้มาเที่ยวหาพวกเขาออสเตรเลีย แจ็กตอบตกลงทันที ในตอนนั้นโอกาสที่จะเดินทางไปต่างประเทศนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

 

Sponsored Ad

 

    ▼เขาทำเรื่องขอวีซ่า ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก ในตอนนั้นเป็นเรื่องยากมากที่คนธรรมดาจะขอวีซ่าไปต่างประเทศ ส่วนมากวีซ่าจะออกให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น

    ▼แจ็กใช้เงินเก็บของเขาทั้งหมดทั้งชีวิต เดินทางมากรุงปักกิ่งขอวีซ่า เพื่อให้แจ็กหม่าได้เดินทางมา เคนถึงกับเดินทางไปที่สถานทูตจีนในเมืองนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลีย เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ของแจ็ก

 

Sponsored Ad

 

    ▼หลังจากถูกปฏิเสธวีซ่าถึง 7 ครั้ง เขาจึงได้ถามกับสถานทูตว่า "ผมเดินทางมาปักกิ่งหนึ่งสัปดาห์แล้ว เงินผมก็ไม่เหลือ คุณปฏิเสธไม่ให้วีซ่ากับผมถึง 7 ครั้ง และนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผม ถ้าไม่ผ่านอีก อย่างน้อยขอให้ผมทราบได้ไหมว่าเพราะอะไร"

 

    ▼เมื่อเจ้าหน้าที่ฟังแล้ว ยังบอกให้เขารออีก 3 วันค่อยมาใหม่แล้วกัน แจ็ก หม่า ไม่ได้ตอบอะไร แต่เขายังนั่งรออยู่อีกกว่าครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเจ้าหน้าที่เดินมาหาเขา "นายอยากได้วีซ่าจริงๆใช่ไหม รอฉัน 5 นาทีแล้วกันนะ"

 

Sponsored Ad

 

    ▼ในที่สุดเขาก็ได้รับวีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลีย เขาใช้เวลาอยู่ที่นั่น 29 วัน จากคนที่ไม่เคยออกนอกประเทศมาก่อน ประสบการณ์นี้ได้เปลี่ยนชีวิตและมุมมองของเขาไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้ความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศจีน

 

Sponsored Ad

 

     ▼เขาท่องเที่ยวและเดินทางไปหลายๆที่ในออสเตรเลีย ได้เห็นผู้คนมากมาย รวมทั้งแปลกใจเมื่อเห็นมีคนมากมายสนใจรำไทเก็ก

.

     ▼การเดินทางไปออสเตรเลียของเขาในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เขาได้ฝึกฝนทักษะทางภาษาแล้ว ยังได้เปิดมุมมองโลกทัศน์ของเขาให้กว้างไกลขึ้น ไม่นานหลังจากเขากลับประเทศจีน เคนและภรรยาก็เดินทางไปเยี่ยมเขาที่หางโจวอีกครั้ง 

Sponsored Ad

    ▼พวกเขาร่วมกินมื้อเย็น พูดคุยกันอย่างมีความสุขตามประสามิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันมานาน แจ็กยังพาพวกเขาท่องเที่ยวไปตามชนบทอีกด้วย

    เคนรู้ว่าแจ็กมีฐานะทางการเงินค่อนข้างลำบาก ในระหว่างที่แจ็กเรียนอยู่ในมหาวิทายาลัยนั้น เคนได้ส่งเงินเพื่อช่วยเหลือเขาตลอด รวมทั้งหมดเป็นเงิน 200 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ประมาณหกพันบาท) แจ็กไม่เคยลืมน้ำใจของเคนเลย

    ในปี 2004 เคนเสียชีวิตในวัย 78 ปี ความสัมพันธ์และมิตรภาพอันยาวนานกว่า 24 ปีระหว่างแจ็กและเคนก็จบลง แจ็กเสียใจอย่างมากกับการจากไปของเคน ผู้ซึ่งเขาเคารพรักเหมือนกับพ่อ

▼เดวิดและแจ็กยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ

    ▼วันที่ 3 กุมภาพันธ์ แจ็ค หม่ายังได้บริจาคเงินถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลสำหรับทุนการศึกษาใหม่ เขาคิดว่าการได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กรุ่นใหม่ๆนั้นเป็นสิ่งสำคัญและควรให้การสนับสนุนอย่างมาก

    หากวันนี้เคนยังมีชีวิตอยู่ เขาคงจะภูมิใจไม่น้อยกับการตอบแทนสังคมของแจ็ก เพื่อนรักของเขา เดวิดรู้สึกประทับใจในน้ำใจของแจ็กเป็นอย่างมากที่เขาเล็งเห็นความสำคัญของการให้การศึกษากับเด็กรุ่นใหม่ แจ็ก หม่า ถือเป็นนักธุรกิจแบบอย่างที่ประสบความสำเร็จและยังตอบแทนสังคมอย่างน่ายกย่องจริงๆ !

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ