ครอบครัวนี้ไม่เคยเปิดแอร์ ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตมาเป็น 10 ปี แต่กลับได้มีชีวิตที่หลายคนใฝ่ฝัน!

LIEKR:

บางทีได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ก็เพียงพอแล้วค่ะ

    เชื่อว่าสังคมปัจจุบันคงขาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอำนวยความสะดวกไม่ได้ แต่ทว่ามีครอบครัวหนึ่งพวกเขาไม่ให้ลูกๆ แตะต้องเครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ และไม่เปิดแอร์เลย เชื่อไหม?

ภาพประกอบบทความ

 

Sponsored Ad

 

    สื่อต่างประเทศเผย ครอบครัวตัวอย่างนี้พวกเขาทำได้ และไม่เปิดแอร์มานานกว่า 10 ปีแล้ว พวกเขาย้ายบ้านมาแล้ว 3 ครั้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เพราะสภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามความเป็นอยู่ แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ครอบครัวของ หวูเหวย (นักออกแบบภายใน) ยืดมั่นทำมาเป็นเวลา 10 ปี นั้นคือ : “ไม่เปิดแอร์ หนีห่างจากทีวี และไม่ใช้อินเทอร์เน็ต”

    นี่คือบ้านของอาจารย์หวูเหวย ที่ปักกิ่งมีเนื้อที่ 200 ตารางเมตร จะสังเกตเห็นว่าภายในบ้านไม่มีเงาของแอร์เลย ขนาดทีวีก็ถูกเก็บซ่อนไว้ และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจคือ พวกเขาใช้ iPad และมือถือ แต่ทว่าไม่เห็นลูกๆ ของเขาหยิบมือถือมาเล่นเกมเลย และไม่เห็นพ่อแม่นั่งก้มดูมือถือเลย

 

Sponsored Ad

 

    ทำให้หลายคนสงสัยว่า บ้านหลังนี้ถือศีลหรือ? 

    เพราะคนในยุคนี้จะห่างจากเทคโนโลยีไม่ได้เลยแม้แต่นาทีเดียว และยิ่งหากอินเตอร์เน็ตมีปัญหาก็ยิ่งทำให้หลายคนเนื้อตัวสั่น เหมือนจะข า ด ใ จ อะไรปานนั้น แต่ทว่าดูครอบครัวนี้จะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

 

Sponsored Ad

 

    กลับตรงกันข้ามมาก ดูสมาชิกทุกคนชิวมากในการใช้ชีวิต

    ในตอนเช้าตรู่ 6 โมง ภรรยาและลูกทั้ง 2 คนก็ออกมาวิ่งจ๊อกกิ้ง เมื่อตกค่ำก็มาร่วมรับประทานอาหารร่วมกันบนโต๊ะ

    ยามบ่ายสองสามีภรรยาก็จิบชาอ่านหนังสือ ส่วนลูกๆก็พูดคุยสนทนาและทำงานฝีมือ

    ลูกสาวเริ่มเรียนทักษะการถักไหมพรมของเธอ

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนลูกชายการปั้นดินน้ำมันให้เป็นรูปร่าง

    ทำให้เราได้มีเวลาหวนคิดว่า นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ผ่อนคลายตนเอง นั่งลงจิบชา อ่านหนังสือที่ชอบ ยอมวางมือถือ ยอมวางภาระทุกอย่างลง และมอบเวลาทั้งวันให้ลูก นั่งอ่านนิทานให้ลูกฟัง มีความอดทนในการฟังพ่อแม่ของเราบ่นว่าเรา

 

Sponsored Ad

 

    ไม่แน่ว่าเวลานี้อาจทำให้คุณคิดได้ว่า ทำไมบ้านของอาจารย์หวูเหวยจึงเรียบง่าย ไม่มีแอร์ แต่กลับมีภาพกราฟฟิกสุดสร้างสรรค์บนกำแพงภายในบ้าน และมีเพียงห้องกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ นี่คือสวนสนุกของพวกเขา

    เพราะเขาคิดว่าหน้าที่สำคัญที่สุดของบ้าน คือ การที่ทำให้คนในครอบครัวสามารถอยู่รวมตัวกันได้ นี่สะท้อนให้เห็นในรายละเอียดที่เขาออกแบบสำหรับบ้านนี้

    ที่ด้านบนสุดของบ้าน จะมีบานกระจกยาวที่สามารถดึงดูดความสนใจในวันที่มีแสงแดดได้ ในช่วงฤดูหนาวแสงแดดที่ส่องเข้ามาจะนำพาความอบอุ่นเข้ามาสู่บ้านตามธรรมชาติ เมื่อฝนตกเสียงฝนที่หยดบนกระจกก็ทำให้รู้สึกเต็มไปด้วยบทกวี

 

Sponsored Ad

 

    พื้นที่จัดกิจกรรมของกลางบ้านก็เต็มไปด้วยกำแพงกราฟฟิกที่ลูกๆวาดเอาไว้ เป็นพื้นที่โปรดของลูกๆ ในการระบายความรู้สึกออกมา ปลดปล่อยจินตนาการของพวกเขา

Sponsored Ad

    เพื่อความสะดวกสบาย หวูเหวยทำกล่องใส่ชอล์กขึ้นด้วยตนเอง และตรงกระดานก็ยังมีช่องสำหรับเก็บวาง สะดวกและเป็นระเบียบ

.

.

    นี่คือผลงานฝีมือการถักไหมพรมของลูกสาว

    เมื่อพูดถึงลูกทั้งสองก็อยากจะเล่าว่า พวกเขาชอบทำงานฝีมือมาก ส่วนหวูเหวยก็มีอาชีพเป็นนักออกแบบ อดีตผู้อำนวยการออกแบบ หลังจากลาออกเขาก็เอาเวลาทั้งหมดมาออกแบบบ้านที่ทำขึ้นเอง โดยใช้ไม้เป็นวัสดุเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าแปลกใจที่เด็ก ๆ ชื่นชอบงานฝีมือเหมือนเขา

    เขาบอกว่า เด็กๆไม่เพียงต้องเล่นกีฬา พักผ่อนแค่นั้น แต่ต้องมีเวลาในการนั่งสมาธิด้วย ชั้นสองของที่บ้านจะเป็นห้องห้อยโหนให้เด็กหรือผู้ใหญ่เล่น เปรียบเสมือน "สนามเด็กเล่น" สำหรับเด็กที่จะเล่นอย่างมีวามสุข

ปีนบันได

.

.


    นอกจากพื้นที่สำหรับให้ลูกๆได้เล่นแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถลืมเจ้าหญิงอีกคนของบ้าน เธอมีบทบาทที่สำคัญมาก เพราะในทุกวันเธอต้องทำอาหารให้ครอบครัวกิน เสียเวลาอยู่ในห้องครัวเป็นเวลานาน ทำให้ต้องออกแบบให้ห้องครัวมีแสงสว่าง เวลาภรรยาทำอาหารจะได้มีความสุข สดชื่น จากห้องครัวเดิมที่ค่อนข้างมืด แสงน้อย

    เขาออกแบบใหม่ให้ห้องครัวสว่างและใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

    นี่ไงห้องครัวใหม่ของภ ร ร ย า โล่งมากขึ้น ใช้งานง่ายกว่าเดิม

    ไม่คับแคบเกินไป

    แยกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แบบนี้มือไม้จะได้ไม่พันกันไปหมด

.

.

    หวูเหวยบอกว่า เขาจะพยายามออกแบบให้บ้านดูสบายตามากที่สุด เฟอร์นิเจอร์อะไรที่ไม่ใช่ก็จะไม่เก็บไว้ให้รก ของในบ้านยิ่งน้อยยิ่งดี

    ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หากอากาศร้อนก็จะให้ลูกใส่เสื้อบางหน่อย จากนั้นก็เอาพัดมาพัด เพื่อให้เด็กๆเรียนรู้ที่จะเข้าใจ เคารพ เพลิดเพลินไปกับฤดูที่เปลี่ยนแปลงไปทั้ง 4 นี้

    โดยจะไม่ให้เปิดแอร์ จึงมีคนสงสัยและถามว่า "ผู้ใหญ่อาจทนได้ แต่เด็กจะทนได้หรือ?" หวูเหวยยิ้มๆ และพูดว่า "ที่จริงผู้ปกครองคือครูที่ดีของเด็กๆ หากคุณอดทนทำได้ เด็กก็ทำได้เช่นกัน" แค่เปิดหน้าต่างออก ให้ลมพัดเข้ามาแค่นี้ก็เย็นสบายแล้ว



.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

    หากว่าการออกแบบของบ้านหลังนี้ไม่เหมาะกับคุณ คุณก็ลองคิดดูว่าตนเองชอบแบบไหน แต่นี่คือตัวเลือกของหวูเหวย ที่ต้องการเปิดเผยให้เห็นภูมิปัญญาของปรัชญาจีน

.

    จะออกแบบบ้านอย่างไร? จะเลือกรูปแบบใด? คุณต้องเลือกการดำเนินชีวิตที่คุณต้องการ เพราะมันอยู่ในหัวใจของคุณ เป็นปัญหาที่คนอื่นไม่สามารถตอบแทนคุณได้ แต่บ้านที่อบอุ่นที่สุดคือ "คนในครอบครัวจะต้องอยู่อย่างใกล้ชิดทั้งทางภายและจิตใจ" ถึงจะเรียกว่าเป็นบ้านที่อบอุ่นจริง

.

.

.

    ผมออกแบบบ้านได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าออกแบบเสร็จแค่นั้นจบ ... แต่คุณต้องใช้ใจในการอาศัยอยู่ร่วมกันด้วย บ้านสวย บ้านดี น่าอยู่ แต่คนอยู่ไม่ร่วมใจกันจะเกิดผลอะไร ผมออกแบบเพื่อให้คนในครอบครัวได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และไม่ให้สิ่งแวดล้อบรอบข้าง อุปกรณ์ต่างๆ มาเป็นเชือกกั้นความสัมพันธ์ในครอบครัว...


ที่มา :eathealth

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ