คุณแม่สายสตรองอีกคน แพท ณปภา ตันตระกูล ได้มานั่งเปิดใจเล่าทุกความรู้สึกที่มีต่อ เบนซ์ เรซซิ่ง อดีตสามี ตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับจนถึงวันนี้ที่สาวแพทประกาศบอกไม่หลงเหลือความรู้สึกใดๆ ต่ออดีตสามีอีกแล้ว ในรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ โดยสาวแพทเล่าแบบละเอียดยิบทุกความรู้สึกให้ได้ฟังว่า 

วันที่เกิดเรื่องในวันนั้นตั้งหลักยังไง?
    เหนื่อยเหมือนกันนะคะ เพราะวันนั้นเราท้อง เมื่อ 3 ปีที่แล้ว อีก 10 วันจะคลอดอยู่แล้ว ตำรวจ คนเยอะแยะมากมาย เราเพิ่งตื่น เปิดมาเจอคนเยอะ มาทำอะไร ก็บอกตัวเองว่าอย่าเครียด อีก 10 วันต้องคลอดลูก แต่ก็กังวลไปหมด นักข่าวก็มาตามทำข่าว มันดูวุ่นวายไปหมด

    ตอนนั้นไม่อยากออกไปไหนเลย ตอนที่ข่าวออกไป คนก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร วันนั้นแพทต้องไปสถานีตำรวจตอนที่ท้องใหญ่ ให้สัมภาษณ์ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราทำผิดอะไร แล้วก็ได้พักเพราะช่วงนั้นคลอด หลังคลอดก็ได้ใช้ชีวิตพ่อแม่ลูกกันอยู่ประมาณ 3 เดือน แล้วก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน 3 คนอีกเลยจนถึงวันนี้

หลายคนถามว่า เป็นไปได้เหรอที่เราเป็นภรรยาแล้วจะไม่รู้เรื่อง?

    เป็นคำถามที่เป็นไปได้ เพราะเวลาของแพทกับพี่เบนซ์มันรวบตึงหน่อย รวดเร็วในระหว่างที่ที่แพทรู้ว่าท้องแต่งงานมีลูก แค่ 1 ปีเอง มันไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น และไลฟ์สไตล์เค้าไม่ได้เป็นคนชอบพูดอะไรเยอะกับเรา เรื่องของเค้าก่อนหน้านี้แพทก็รู้ไม่หมด

ชมคลิป ความในใจของแม่แพทถึงน้องเรซซิ่ง

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

คนมองว่าพอเค้ามีคดี แพทก็ย้ายออกมาเลย เหมือนทิ้งเค้า?

    เข้าใจนะคะ เค้าอาจจะรู้ผิวๆ แต่อยากมีส่วนร่วมในชีวิตของเรา อยากวิจารณ์เรา แต่เราก็ใช้เวลาอยู่กับมันสักพัก ทรมานอยู่กับมันสักพักเหมือนกัน เราเคยใช้ชีวิตร่วมกัน เราใช้ชีวิตในที่ที่เคยมีเค้า แล้วไม่มี ต้องเลี้ยงลูกเล็ก แล้วต้องอยู่ในมุมเดิมๆ สภาพเดิมๆ มันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

    แพทอยู่ที่นั่นไม่มีคนช่วยแพทเลย เป็นคนที่บ้านมาช่วยแพท แพทต้องหอบลูกกลับบ้านทุกวัน หาคนช่วยเลี้ยง เพราะแพทก็ต้องทำงาน ต้องดูแม่ มันเริ่มเห็นความลำบาก บ้านแพทอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ทุกคนพร้อมช่วยซัพพอร์ตแพท

ชมคลิป จะเป็นสามีหรือเป็นพ่อของลูก

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

    แพทต้องทำเองทุกอย่าง แพทไม่ไหว ซักเสื้อผ้าลูก ของตัวเอง หาข้าวกินเอง เพื่อนก็หมั่นมาเยี่ยมแล้วบอกให้กลับบ้าน เพราะไม่มีคนมาดูเลยที่บ้านบอกให้กลับบ้าน จะอยู่ยังไงกับลูก 2 คนในห้องแบบนั้น ก็เลยตัดสินใจกลับ พอกลับมาสภาพจิตใจของแพทกับลูกก็รู้สึกได้ มีพี่เลี้ยง มีน้องสาวช่วยดูแล

    แต่แม้จะกลับบ้าน เราก็ยังทำหน้าที่ภรรยาอยู่จนวันที่เค้าออก เพราะแพทก็ไม่ได้มีใคร และเราก็ไม่ได้เลิกกัน เพียงแต่ว่าการไปเยี่ยมแพททำได้เต็มที่แค่ 6 เดือน ไปเยี่ยมเค้าได้อยู่ 6 เดือน อาทิตย์ละวัน เยี่ยมได้วันพฤหัสวันเดียว 1 ชั่วโมง

    เช้าไปทำงาน ใกล้ถึงเวลาเยี่ยมก็พาลูกไปเรือนจำด้วย เยี่ยมเสร็จก็วิ่งไปทำงานต่อ แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มไปทำงานสายตลอด ก็เลยต้องบอกว่าวันนี้ไปไม่ได้นะ เค้าติดอยู่ 1 ปี 6 เดือนแรกแพทไป แต่ 6 เดือนหลังไม่ได้ไป เริ่มทำงานหนัก เพราะกลัวว่าเค้าจะไม่จ้างถ้าเราไปสายบ่อยๆ

    ก็เริ่มฝากความคิดถึงไป ถ้าไม่มีคนไป เราก็พยายามไป แต่เราก็เข้าใจมาตลอดว่าสามีเราต้องเข้าใจ ว่าเราทำงาน และเราเลี้ยงลูกคนเดียว เพราะเราไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากเค้า เราก็ต้องทำงานดีกว่า

    ความห่างเลยทำให้เค้ารู้สึกว่าเราไม่รักเค้า แพทรู้สึก เคยฟังที่เค้าให้สัมภาษณ์ 6 เดือนที่ห่างไป ทำให้รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจ ทิ้งชั้น เค้าคิดไปแบบนั้นว่าแพทไม่รักเค้า แต่แพทก็ทำได้แค่นั้นจริงๆ เราไม่ได้สื่อสารกัน

    แพทไม่รู้ว่าจะคุยยังไง พอยิ่งห่าง ความรู้สึกของเราก็ห่างหายกันไป แพททำงานหนัก แพทพยายามตัดความคิดถึงออกไป ทำแต่งาน คิดแค่ว่าพอได้ออกมาก็ได้อยู่ด้วยกันแหละ

ชมคลิป ยิ่งห่างกัน ความรู้สึกก็คงห่างหายกันไป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<< 

    แพทคิดแบบนั้น เดี๋ยวก็กลับมา แป๊บเดียว เราไม่เคยคุยเรื่องนี้ เพราะเราไม่เคยเลิกกัน เราไม่เคยมีคนอื่น แพทเชื่อว่าเราสื่อสารกันน้อยเกินไป

    แต่พอเค้าออกมามันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด เค้าคงคิดว่าเราไม่รักเค้าแล้ว หรือมีความคิดอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น การกลับมาแล้วมาอยู่ด้วยกันมันไม่ใช่คำตอบเค้าแล้ว และช่วงที่ห่างก็ทำให้แพทคิดอะไรได้เยอะเหมือนกัน คิดเรื่องชีวิตคู่ เรื่องลูก ความรับผิดชอบที่มากขึ้น

    การที่เค้าจะกลับมา มันไม่ใช่แค่การขนเสื้อผ้ากลับเข้าไปในที่เดิมๆ ต้องมีการนั่งคุยกันว่าจะดูแลลูกยังไง สิ่งที่เกิดขึ้น เราเห็นปัญหา เห็นสิ่งที่อยากได้ เห็นคำถามที่อยากถาม ถ้าคุยกันแล้วไม่ใช่ทิศทางเดียวกัน ยังไงก็คือเลิก เราไม่ไปต่อ แต่มันก็ยังไม่ได้คุยกัน

    พอออกมาเราก็ไม่ได้กลับไปอยู่ด้วยกัน และรู้สึกว่าทำไมเค้าไม่ถาม ไม่โหยหาเรากับลูก แพทไม่รู้นะว่าเค้ารู้สึกยังไง แพทพูดในมุมของแพท วันที่ออก เราไปหาเค้าที่บ้าน พาลูกไป ทุกอย่างดูยิ้มแย้มแจ่มใส ดูไม่มีอะไร กอดกันเหมือนเดิม เหมือนมันกลับมาแล้ว

    เรามีคำถามที่รอถามอยู่ว่าจะไม่อยู่เหมือนเดิม เหมือนตอนที่คบและท้อง จะไม่อยู่แบบนี้ มีอีกเป้าหมายที่ตั้งไว้ ถ้าเป็นไปได้จะได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะไม่อยู่แล้วนะ แล้วเราก็ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันซะที จนมีคำถามว่าสรุปแล้วจะอยู่กันยังไง

    รอคุยกับเค้าว่า จะอยู่บ้านเค้ากี่วัน อยู่บ้านแพทกี่วัน แต่ในระหว่างที่เราไม่ได้คุยกัน แพททำงานอยู่บ้านแพท เค้าก็อยู่บ้านเค้า ไม่ได้มาหาเรา เราก็มัวแต่ทำงาน ไปหาเค้าน้อย เย็นๆ พาลูกไป หรือให้เค้ามารับลูกไปเล่น ก็คิดว่าทำไมมันไม่เป็นครอบครัวอยู่บ้านเดียวกัน

ชมคลิป ความรักหาย... เพราะความห่าง

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

    ก็เลยตั้งคำถามให้เค้าว่าอยากอยู่ยังไง ก็มีทางเลือกให้เค้า 2 ทาง อยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยานอนเตียงเดียวกัน กับอยู่แบบพ่อแม่ลูก เค้าใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์กว่าจะตอบคำถามได้ แพทก็ตื้อ ตอนนั้นก็เขวแล้ว เริ่มไม่รู้ว่าจะรักหรือไม่รักแล้ว แต่คิดว่าถ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ความรักมันจะกลับขึ้นมาใหม่

    แพทยอมรับนะว่าช่วงที่ห่างออกมา เรามีคำถามมากมาย สิ่งที่เราเจอ ความรักมันเฟดลงหมดเลย ความห่วงใยผูกพันมันไม่เหลือแล้ว เราไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 1 ปี เหลือแค่ความรักความห่วงใย แต่ความโหยหาแบบสามีภรรยาของแพทก็ไม่ได้มีแล้วเหมือนกัน แพทโฟกัสไปที่ลูก

    แพทว่าเราต้องคุยกันและต้องตอบคำถามลูก ก็ให้ชอยส์เค้าไปคิด แพทถามบ่อยมาก พยามไลน์คุย โทรหา นัดคุย ร้องไห้กันให้บอกว่าจะเอายังไง

    จนสุดท้ายเค้าตอบชัดเจนเลยว่า เลือกที่จะเป็นพ่อของลูก ก็ตอบเราชัดแล้ว ไม่ใช่เพิ่งชัดเมื่อตอนมกรา จริงๆ มันชัดตั้งแต่วันนั้นแล้ว เค้าเลือกที่จะเป็นพ่อของลูก ไม่ได้เลือกที่จะเป็นสามีเราแล้ว

ความรู้สึกเป็นยังไง?

    มีทั้งเสียใจและโล่งใจ บอกไม่ถูก ณ วันนั้นความรักมันก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนก่อนหน้านั้น การได้รับคำตอบแบบนั้น มันโล่งว่าเราจะเดินต่อยังไง

    จากที่มันเบลอๆ ก็ได้รู้ อีกมุมนึงก็แอบคิดว่าทำไมเราถึงทำครอบครัวเราเองไม่ได้ ตอนนั้นเตรียมใจทั้ง 2 ทาง เพราะเราเป็นคนให้ชอยส์เค้าเอง ก็ต้องเตรียมใจ

    เวลาตอบคำถามก็ตอบเผื่อๆ ไป อนาคตอาจไม่แน่ เรายังไม่มีใครและไม่ได้เปิดโอกาสให้ใคร และก็แอบคิดว่าไม่น่าจะมีใครดีเท่ากับพ่อของลูก เค้าเป็นพ่อของลูก เค้าก็ต้องรักลูกมากกว่าคนอื่น ถ้าสุดท้ายแล้วเค้ากลับมายังไงเค้าก็ต้องดีที่สุดกว่าคนอื่น

ชมคลิป อยู่กับลูกแล้วแฮปปี้มาก

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<

    เพราะตอนนั้นแพทเชื่อว่ามันไม่มีใครที่จะรักลูกเราเท่ากับคนที่ทำให้เค้าเกิดมา ถ้าปลายทางมันไม่มีใคร เรากลับมามองหน้ากันและยังอยากกลับมาอยู่ด้วยกัน

    แต่แปลก เราไม่เคยคุยเรื่องของเรา 2 คนเลย 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยนั่งคุยกัน ทุกอย่างมันออกมาผ่านสื่อหมดเลย เราไม่เคยคิดจะคุยกัน แพทไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แพทอยากให้เค้ากล้าพูดกับเราก่อน

    ก่อนหน้านี้แพทหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับเค้า เราทำไปหมดแล้ว แต่วันนี้ทำอะไรให้เห็นหน่อยว่าคุณโหยหาเรา 2 แม่ลูก ไม่ใช่ไปพูดว่าถ้าอยากเป็นครอบครัวก็กลับมาสิ

    หมายความว่าให้แพทหอบเสื้อผ้ากลับไปเองเหรอ ถ้าอยากเป็นครอบครัวมันต้องมีอะไรมากกว่านี้ แล้วไม่มีใครพูดกันเลย เค้าก็คงรอแพท แพทก็คงรอเค้า แล้วสุดท้ายก็คือจบ ไม่ต้องรอแล้ว

    แพทเห็นนาฟเค้ามีความรัก เห็นแล้วมันน่ารัก ก็เลยมีความคิดว่า เราต้องมีแฟนใหม่ โดยใช้วันเคานต์ดาวน์เป็นวันตัดสิน แพทมองว่ามันเป็นวันสำคัญ

    ถ้าพ่อของลูกเห็นเราสำคัญแล้ว ถ้าเค้าทักมาอยากเคานต์ดาวน์กับเรา เราจะเป็นคนเปิดคุยเรื่องนี้เองว่าต้องการอะไร หรือถ้าเค้าไม่คิดถึงเรา 2 คน แพทจะไปต่อ ปีใหม่ส่วนใหญ่คนรักกันจะอยู่ด้วยกัน แพทก็คิดว่าจะได้รู้แล้วว่าคิดถึงลูกมั้ย

    ต้องยอมรับว่าเค้าก็คิดถึงจริงๆ เค้าก็ทักมาจริงๆ แต่คำว่าทักของเค้ากับแพทมันไม่เหมือนกัน ทักของเค้าคือ แฮปปี้นิวเยียร์ เคานต์ดาวน์ที่ไหน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเฉยๆ แต่ที่แพทรอคือ มาหาชั้น พิมพ์มาว่าอยากเคานต์ดาวน์ด้วย อันนี้คือสิ่งที่แพทรอ ถ้ามันเกิดขึ้นก็จะคุยกัน

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

    แล้วเค้าก็ทักมา คุยกัน แล้วแพทก็ตอบไปว่า เยี่ยม เยี่ยมในที่นี่คือ เฮ้อ ทุกคนก็บอกว่าทำไมไม่บอกเค้าไปตรงๆ ว่ามาเคานต์ดาวน์ด้วยกันมั้ย ก็จะกลับไปคำถามเดิมว่า ทำไมแพทต้องพูดทุกอย่าง ต้องเริ่มทุกอย่าง

    แพทอยากให้เค้ารู้สึกจากตัวเค้าเอง อยากให้มาด้วยใจของเค้าที่นึกถึงเราสองคนแม่ลูกจริงๆ หลังจากที่เป็นเรื่องมันทำให้แพทรู้เลยว่าเค้าคิดยังไง มันทำให้ความรู้สึกแพทเหลือศูนย์ และพร้อมเดินหน้าต่อแบบไม่ติดอะไร

ที่มา :  CFD SHOW แพท ณปภา