ระวังให้ดี! 8 ศัตรูวายร้ายตัวฉกาจของการ "ลดความอ้วน" เพราะเหตุนี้ ถึงได้อ้วนลงพุงไม่มีวันได้ลด!

LIEKR:

ออกกำลังกายก็แล้ว คุมอาหารก็แล้ว น้ำหนักก็ไม่ยอมลด สาเหตุเป็นเพราะเจ้าพวกนี้แน่ๆ ค่ะ!

        เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า ปีนี้มีคนเป็นโรคอ้วนมากถึง 3 เท่าของทุกปี! สำหรับคนที่กำลังจะอ้วน หรืออ้วนไปแล้ว และกำลังควบคุมน้ำหนักตัวเองอยู่นั้น การออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร ก็เป็นวิธีลดน้ำหนักอย่างหนึ่งที่หลายคนนิยมกัน แต่หากทำทั้งสองอย่างแล้ว น้ำหนักก็ยังไม่ลดลง แสดงว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับ “พฤติกรรมที่ทำให้อ้วน” เข้าแล้วแน่ๆ 

        หลายคนไม่ทราบว่านิสัยการกินหรือพฤติกรรมของตัวเอง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกาย และสัดส่วนเปลี่ยนแปลงไป วันนี้ LIEKR จะมาเผยให้เห็นถึงพฤติกรรมที่คุณอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่มันคือ “ศัตรูตัวฉกาจ” ของการลดความอ้วนเลยทีเดียว!

 

Sponsored Ad

 

1. ไม่ทานมื้อเช้า

        มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญต่อสุขภาพ การไม่กินมื้อเช้าจะทำให้เราหิว และไปหนักในมื้อถัดไป มีผลการวิจัยออกมาว่า คนที่ทานมื้อเช้านั้น มีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าคนที่งดมื้อเช้า ในทางกลับกัน การงดอาหารมื้อเย็นก็ไม่ถูกต้อง มื้อเย็นควรเลือกกินอาหารเบากว่ามื้ออื่นๆ และไม่ควรกินดึกจนเกินไป จึงจะทำให้การลดน้ำหนักดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

2. ดื่มน้ำน้อย

 

Sponsored Ad

 

        ร่างกายมนุษย์มีส่วนประกอบที่ทำจากน้ำถึง 70% ระดับการขาดน้ำของร่างกายจะส่งผลต่อตัวเลขน้ำหนักตัวได้ ยิ่งออกกำลังกายมาก เสียเหงื่อมาก อากาศแห้ง ฯลฯ ยิ่งต้องดื่มน้ำมากขึ้น เพราะน้ำทำหน้าที่ช่วยย่อย ลำเลียงและขับของเสีย ปากแตกคือสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าร่างกายคุณกำลังขาดน้ำ เมื่อร่างกายขาดน้ำ ไต (มีหน้าที่ขับของเสีย) จะทำงานหนักจนเหนื่อย ทำให้ตับ ซึ่งปกติจะทำหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกาย ต้องมาทำหน้าที่แทนไต ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลงนั่นเอง

 

Sponsored Ad

 

3. ทานมื้อดึก

        ไม่ว่าจะวัยเรียนหรือทำงาน เมื่อถึงเวลานอน หลายๆ คนก็มักจะรู้สึกหิว และอยากหาอะไรกินแก้หิวโดยอัตโนมัติ อย่าลืมว่าร่างก็ต้องมีช่วงเวลาพักผ่อน  ช่วงเวลากลางคืนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย เมื่อกินอาหารที่มีพลังงานสูงเข้าไป ก็จะกลายเป็นไขมันสะสมที่เป็นสาเหตุความอ้วนนั่นเอง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูงแทนได้

4. พักผ่อนไม่เพียงพอ

 

Sponsored Ad

 

        นอกจากการนอนดึกจะทำให้หิวและกินมากขึ้น มันยังทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันลดลง การหลั่งฮอร์โมนรวน (เช่น เกรลิน ฮอร์โมนกระตุ้นความหิว, เล็ปติน ฮอร์โมนกดความหิว/เพิ่มอัตราการเผาผลาญ, โกรธ์ฮอร์โมน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ) ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันลดลง ควรพยายามเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน คืนละอย่างน้อย 7-8 ชม. จะดีที่สุด

5. กินแต่อาหารที่ไม่มีไขมัน (fat-free)

 

Sponsored Ad

 

        การกินอาหารที่ปราศจากไขมันดูเหมือนว่าจะช่วยลดน้ำหนัก แต่ความจริงแล้วอาหารพวกนี้จะส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นไปอีก ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่มีไขมันต่ำ (low fat) หรือไม่มีไขมัน (fat-free/non-fat) จะมีน้ำตาลสูงมาก เพราะต้องใส่เพื่อชดเชยความหอมมันจากไขมัน  ระดับน้ำตาลที่มากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังไปรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก วิตามินเอและดีของร่างกายอีกด้วย

6. ทำกิจกรรมอื่นๆ ระหว่างกินข้าว

 

Sponsored Ad

 

        การดูหนัง ฟังเพลง หรือพูดคุยไปด้วยระหว่างทานอาหารยิ่งจะทำให้คุณทานอาหารมากขึ้น เนื่องจากความสนใจในการควบคุมอาหารลดน้อยลง ในทางกลับกัน ยิ่งคุณใส่ใจกับอาหารที่คุณกำลังทาน ก็ยิ่งจะทำให้สามารถควบคุมปริมาณอาหารได้ดีขึ้น

7. ดื่มสุรา

Sponsored Ad

        รู้หรือไม่ว่าสุราหรือเบียร์คือตัวการของไขมันส่วนเกินที่จะไปสะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง โดยเบียร์ 1 กระป๋องให้พลังงานเท่ากับข้าว 1 ทัพพีครึ่ง เป็นสาเหตุทำให้อ้วนที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะคนที่ดื่มเหล้าหรือเบียร์ทุกวัน จะมีพลังงานส่วนเกินจากเครื่องดื่มเหล่านี้สะสมในร่างกายวันละ 50-200 กิโลแคลอรี เหมือนกินไขมัน 1-4 ช้อนชา ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอาจเดือนละ 1 กิโลกรัม หรือมีไขมันในเส้นเลือดสูง ถึงแม้ไม่อ้วนก็ได้

8. นั่งอยู่กับที่นานๆ

        การนั่งทำงานหรือแม้แต่นั่งอยู่กับที่เฉยๆ เป็นเวลานาน  มีผลการวิจัยออกมาว่าพฤติกรรมนี้เสี่ยงต่อโรคอ้วน ระบบเผาผลาญอาหารบกพร่อง และเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากร่างกายไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้นั่งทั้งวัน ด้วยเหตุนี้ หนุ่มสาวออฟฟิศต้องพยายามเคลื่อนไหวร่างกาย อาจจะตั้งนาฬิกาเตือนทุกชั่วโมงให้ลุกขึ้นเดินไปโน่นมานี่บ้าง ขยับแข้งขยับขา ยืดเส้นยืดสาย 5-10 นาที หรือหากิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเพื่อให้เลือดลม ได้มีโอกาสไหลเวียนอย่างคล่องตัว

        การลดน้ำหนักไม่ได้มีสูตรตายตัว บางครั้งอาจมีปัจจัยอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้น้ำหนักบนตาชั่งไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ หากควบคุมอาหารอย่างดี ออกกำลังกายเป็นประจำ และลดพฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อโรคอ้วนเหล่านี้แล้ว ร่างกายก็จะกระชับและมีกล้ามเนื้อมากขึ้นเอง นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักได้แล้ว ยังช่วยรักษาสุขภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้คุณอีกด้วย!


ที่มา bomb01

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ