เปิดใจ "ป๊อป" ในวันที่ไม่มีคุณแม่ ดูแลเองกว่า 7 ปี ไม่ห่วงผู้ชายไม่จีบ เพราะดูฉลาดเกินไป

LIEKR:

"ป๊อป อารียา" หลังสูญเสียคุณแม่ที่ป่วยหนักมากว่า 10 ปี เกือบเป็นซึมเศร้า ถ่ายโฆษณายังพยายามยิ้ม ทั้งที่น้ำตาร่วง...

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    หลังจากที่ได้รับตำแหน่งนางสาวไทย ปี 2537 "ป๊อป-อารียา สิริโสภา" ก็ผันตัวมาเป็นนักแสดงและทำงานอีกมากมาย แต่ในระยะหลังๆ มานี้ เรามักจะเห็นภาพของเธอในฐานะครูสอนโยคะและสาวรักสุขภาพ

    แต่ใครจะรู้ว่า ป๊อป เกือบตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้า ล่าสุด ได้มาเยือน รายการต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 สาว ป๊อป ได้เปิดใจว่าชีวิตนี้ผ่านอุปสรรคทางกายและจิตใจมาได้ด้วยโยคะ

 

Sponsored Ad

 

    ป๊อป : "มาสอนโยคะเนี่ย ไม่ได้ตั้งใจมาสอนโยคะหรอก มาเล่นโยคะเองเพราะว่าหลังคด"

    ไปเรียนเพื่อแก้ปัญหาให้ตัวเอง เหมือนกายภาพนิดๆ มาเล่นเพราะแก้ปัญหาตัวเองก่อน? 

 

Sponsored Ad

 

    ป๊อป :  "ถูกต้องค่ะ เราไม่ได้เป็นคนดีขนาดต้องไปช่วยเหลือคนอื่นก่อน ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนใช่ไหมคะ ต้องรักตัวเองก่อน ก็คือว่าหลังคด คอคดไปเนี่ยมาตั้งแต่เด็ก อาจจะเล่นเทนนิสเยอะ เล่นยิมนาสติกเล่นทุกอย่าง แล้วคือมันเป็นกล้ามแค่ข้างขวาอย่างเดียว 

    เล่นเทนนิสแรงๆ ทำทุกอย่างข้างขวาเยอะมาก มันก็เอียงแล้วก็ไหล่มันจะไม่ตรงกัน ซ้ายขวา สะโพกก็ไม่ตรงกัน หลายอย่างก็ไม่ตรงเท่าไหร่ คือนอนเอียงข้างก็จะปวด หิ้วกระเป๋าหนักๆ ก็ไม่ได้ แล้วตอนช่วงที่มันเมื่อยหลังมากๆ เราอาจจะต้องหิ้วแบ็คแพ็ค (เป้สะพายหลัง) หรือว่าเป็นกระเป๋าผ้า นักข่าวก็จะบอกว่า โหยนางงามติสท์มากเลยอะ คือไม่ยอมหิ้วยี่ห้อแพงๆ แต่จริงๆ คือว่ามันปวดหลังค่ะ อีกอย่างตอนเป็นนางสาวไทย ตอนเรารับงาน คือต้องใส่ส้นสูง การเป็นผู้หญิงมันเหนื่อยมากนะ มันเหนื่อยกว่าการเป็นทหารอีก มันเหนื่อยกว่าการที่เป็นครูหรือเป็นอย่างอื่นอีก"

 

Sponsored Ad

 

    ป๊อป : "ทำไปเพราะด้วยความซน ด้วยความที่อยากเรียนรู้ แล้วรู้สึกมันสนุก โยคะเนี่ยเรารู้สึกสนุกมากเพราะว่า เขาเรียกว่าเล่นโยคะ เล่นเพลย์กราวน์ของเราไป บอกตรงๆว่า เราเริ่มด้วยการที่เราเล่นโยคะเพื่อสุขภาพ มันก็ทำให้เรา ภูมิแพ้หาย ไม่เคยเป็นไข้หวัดตั้งแต่เล่นโยคะมา การหายใจดี ภูมิต้านทานแข็งแรงมาก แล้วสิ่งที่มันประเสริฐมากคือ เรามีระบบเรื่องการนอน การกิน การถ่าย ของเราเป็นระบบมากขึ้น มันดีขึ้นเพราะว่าตอนเราดูแลแม่มา 6-7 ปี"

 

Sponsored Ad

 

    "ใน 6-7 ปีที่เราดูแลแม่ไปเนี่ย คือ มันทำให้เราต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ก่อนที่เราจะช่วยเหลือคนอื่นได้ ดูแลคนอื่นได้ ก่อนปลายชีวิตเขาเนี่ยเขาจะงอแงมากเลยนะ งอแงหงุดหงิด จะหงุดหงิดมาก เราต้องใจเย็น เอางี้แล้วกัน ผ่านแม่บ้านมา 20 คนภายใน 3-4 ปี แม่เขาจะมาตราฐานสูงมาก เรื่องความสะอาด เรื่องนี่นั่น เรื่องการแค่ข้าวกับเนื้อต้องเท่าไหร่ในคำหนึ่ง เขาละเอียดมาก ความละเอียดของแม่นี่เขามาที่ตัวตนของเราเหมือนกัน คือ ต้องดูแลเขาให้เขาสบายตัว" 

    คุณแม่เป็นแบบนั้นอยู่แล้วหรือว่าเป็นตอนป่วย?

 

Sponsored Ad

 

    ป๊อป : "เป็นอยู่แล้ว แต่เป็นมากขึ้นตอนป่วย" 

    คุณแม่เป็นอะไรพี่ป๊อป?

    ป๊อป : "มันคล้ายๆ พาร์กินสัน ด้วยอยู่ในโรงงานรถยนต์มา 30-40 ปี  เครื่องกรองน้ำไม่เคยเปลี่ยนเลยสารตะกั่วที่มันสะสมไปเนี่ย เราว่ามันเยอะมาก สมองน้อยของแม่มันฝ่อลง อาการคือใช้มือไม่ได้ ใช้ขาไม่ได้ ยืนไม่ได้ มันสั่นๆ สั่นไปเรื่อยๆ วินิจฉัยที่อเมริกาก็วินิจฉัยผิด บอกว่าน้ำในหูไม่เท่ากันมาหลายปี มาทดสอบที่ประเทศไทยก็บอกว่าไม่ใช่ มาเรียนรู้ด้วยการดูแลผู้อื่นเนี่ย ในเป็นการเติบโตที่สูงมากเลย บอกตรงๆ ว่าถ้าใครรู้จักเราจะรู้ว่าเราเป็นคนรักอิสระสูงมาก ไม่อยากอยู่ใต้อำนาจอะไร ขนาดมีบ้านมีหมายังต้องคิดหนัก โหย ต้องดูแลอะ แต่วิญญาณความเป็นแม่สูงนะ เรารู้ว่าเราใส่ใจเยอะมาก 

 

Sponsored Ad

 

    เราก็ร้องไห้ ร้องไห้สุดๆ ตอนเครียดมากๆ คือเราเห็นแม่กำลังแย่ลง แย่ลง เห็นบางทีเขาตื่นมาตอนกลางคืนแล้วร้องไห้ แล้วมันสู้ไม่ได้อ่ะ ในที่สุดต้องยอมรับสิ่งที่เป็น"

    "แต่มันใช้เวลาการเป็นซึมเศร้า การโกรธ การต่อรอง การไปทำบุญไปสวดมนต์ ทำทุกอย่างให้ มันก็ไม่ได้ ในที่สุดตอนที่มันเศร้าสักพักนึงอะ เขาก็ต้องยอมรับ แล้วตอนช่วงยอมรับเนี่ย เป็นสิ่งที่เราก็ต้อง ถ่ายรูปแม่เยอะๆ ก็บอก แม่ ถ้าอยากให้หนูจำแม่ยังไงเนี่ย ถ่ายไว้ เพราะคำพูดแม่บางทีเราเจออะไรมา เห็นดอกมะลิขึ้นมา เห็นกลิ่นหอมก็ร้องไห้ขึ้นมาเลย เพราะว่าเราเป็นผู้ดูแลเขาอ่ะ แต่เราภูมิใจที่ทำได้ และตอนช่วงดูแลเขา ใช้ศาสตร์ของโยคะมาดูแลด้วย เราเล่นโยคะมาให้ตัวเองเสร็จ ให้แม่ด้วย ให้นักเรียนที่มาที่บ้าน"

Sponsored Ad

    "คือบอกตรงๆ ตอนนี้นะ 7 ปีที่ผ่านไปเนี่ย มันเหมือนว่าโยคะเนี่ย คนที่มาที่บ้านเราเยอะๆ มันเหมือนครอบครัวเราไปแล้ว เพราะเราไม่ได้เติบโตเมืองไทย เราไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้เรียนที่นี่ เพื่อนสมัยอนุบาลหนึ่งสองไม่มี รุ่นเราเป็นรุ่นที่แบบอนุบาลหนึ่งก็เคยเรียนกับหมิว ลลิตากับเจ เจตริน ในตอนนั้นคือ 4 ขวบ ช่วงที่เรานอนกางวัน เคยทำงานกับเจ ก็บอกเนี่ย เราเคยนอนด้วยกัน ตอนสี่ขวบ มันเติบโตไปเมืองนอกมา เราโดนถามประจำเมื่อไหร่จะกลับบ้าน มาอยู่เมืองไทยมาอยู่เฉยๆก็โดนถาม เมื่อไหร่จะกลับอเมริการ ตกลงฉันจะอยู่ที่ไหน แล้วเราก็บางทีเหงา" 

    พี่ป๊อปเคยรู้สึกเหมือนกับเรา ไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ตรงไหนหรือว่าตรงไหนคือที่ของฉัน?

    ป๊อป : "ประจำ มันจะเป็นคนข้างนอกมองไปข้างในตลอดชีวิต ขอบอกจริงๆ มันเป็นมุมมองที่ปัญยามันลึกมากนะ เพราะว่าความที่เราจะมองสังคมจากภายนอกมองไปข้างในเนี่ยมันจะเห็นลึกกว่าคนในสังคม แล้วมันมีอะไรให้เปรียบเทียบ เพราะสังคมอเมริกา สังคมไทยเนี่ยมันไม่เหมือนกัน ฝรั่งของเราก็มีความตรง ความรักษาคำพูด พูดอะไรก็นั่นแหละคือสิ่งที่เราเป็น 

    ความเป็นไทยก็คือแบบว่า เคารพผู้ใหญ่ เซนเซอร์ตัวเองเป็น แม่สั่งว่าห้ามพูดความจริงหมด เก็บบ้าง ไม่ต้องพูดทุกอย่าง มันก็เรียนรู้ไปทั้ง 2 วัฒนธรรม แต่ตอนที่อายุตอนนี้ ปีนี้เราก็ 48 แล้วนะ  แล้วไม่กี่วันเนี่ยจะขึ้น 49 แล้ว มัน 40 กว่า แล้วช่วง 40 กว่าทั้งหมดเนี่ย เป็นช่วงเวลาที่เราดูแลแม่มาตลอด เป็นช่วงของการพีคๆ อายุของคนเนี่ย มัน 40 มันอยากจะบินเต็มที่ อยากจะไปเล่นโยคะทุกที่ จะไปบาหลี จะไปอินเดีย นู่นนี่นั่น แล้วแม่มาเนี่ยมันบังคับให้เราอยู่บ้าน" 

    เราดูแลแม่ 24ชั่วโมง ใช้คำนี้ได้ไหม?

    ป๊อป : "เราอยู่ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่มีงานข้างนอกออกไป แต่สิ่งที่เรารู้สึกเศร้ามากใน 7 ปีที่อยู่ด้วยกัน 2018 เนี่ยแม่อาการแย่ลงไปเยอะมาก หายใจยากขึ้นแล้ว ปีนั้นไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แบบ 24 ชั่วโมง แล้วช่วง 2019 กุมภาพันธ์ ช่วงวาเลนไทน์นะคะ ก็คือ ที่ปายเขาชวนให้เราไปสอนโยคะ ทำการกุศล ขอแม่ แม่คะหนูขอไปทำการกุศลนะคะ 2 วันเดี๋ยวกลับมา สัญญากลับมา 2 วันเท่านั้น วันที่ 14 ไป วันที่ 15 เดินทางกลับ แม่ไปแล้ว มันรู้สึกผิดที่แบบว่าเราสัญญาจะเจอหน้ากัน มันรู้สึกผิดที่เราสัญญาจะอยู่ด้วยกัน จะจับมือกัน ความรู้สึกผิดอันนี้มันทำให้เราเศร้านาน"

    "ทุกเช้ามันมีคนที่เราต้องกอดหอมทุกวัน มันมีคนที่เราจะหอมแก้มก่อนนอนทุกวัน เรามีคนที่เราจะคุยด้วย เราจะปรึกษาด้วย แล้วทั้งชีวิตเราเนี่ย  ขอบอกตรงๆ เรารู้ว่าเราไม่ได้เป็นลูกคนโปรดนะ นั่นต้องให้น้องชายเรา แม่จะรักเป็นพิเศษ ไม่เป็นเป็นไรทุกคนต้องมีคนโปรด แล้วเราก็คือตลอดเวลาก็จะแซว บางทีกอดเขา คุยกับเขานานเป็นชั่วโมง น้องชายยู่ข้างบน น้องชายก็อยู่กับเราที่บ้าน บางทีคุยกันนานๆ เสร็จแม่ก็บอกว่า เนี่ยลูก...น้องเป้อยู่ไหน? อยากจะรู้ว่าน้องเป้ไปไหนบ้าง เราก็บอกว่าโอเคค่ะ เดี๋ยวหนูไปหาลูกคนโปรดมาให้นะคะ เราพูดด้วยความประชดเล็กน้อยนะ แม่เขาจะดึงมือ แล้วบอกว่า ลูก..ไม่ใช่แม่ไม่รักลูกนะ จะบอกว่าแม่มั่นใจว่าลูกเนี่ยเอาตัวรอด ลูกเป้เนี่ยแม่ไม่มั่นใจและแม่ต้องเป็นห่วงเขามากกว่าเดิม  และด้วยความที่เป็นพี่คนโต รับผิดชอบเยอะ บังคับให้ถูบ้าน ให้ดูแลทุกอย่างเนี่ย มันทำให้เราเติบโตเร็วมาก" 

    ในวันที่คุณแม่หายไป พี่ป๊อปผ่านจากอาการเศร้ามาได้ยังไง?

    ป๊อป : "ตอนช่วงที่ไปสักพักนึง ยังจำได้ว่าเราต้องไปโฆษณา ตอนนั้นน้ำหนักลดไปเยอะมากเลยอะ ลดไป 6-7 กิโลกรัมเลย แล้วตอนนั้นก็ต้องโฆษณา น้ำตายังร่วงคือพยายามยิ้ม ต้องทำงาน แล้วมันอาทิตย์ที่ 2 เอง แล้วมันแบบทุกคืนทุกวันตื่นมามันช็อคนะเพราะว่า จะวิ่งไปข้างล่าง จะไปกอดหอมแก้ม มันไม่มีให้หอมแก้ม แล้วแบบแม่เป็นหลักของครอบครัว แล้วแม่ไปอะมันกระจาย ทุกคนก็หายไปหมดเลย 

    พ่อก็มีชีวิตของเขา น้องก็มีชีวิตของเขา เราก็แบบ...ตอนนี้ฉันมีบ้าน 2 หลังทำไงดีเนี่ย มีหมา 1 ตัว มีแม่บ้าน 1 คน แล้วก็เฉาๆ เฉามากเลย แล้วบ้านใหม่ก็ไม่กล้าอยู่เพราะว่าสร้างไว้ให้แม่ แล้วแม่ไปก่อน แต่พลังที่มันมาคือ กลุ่มนักเรียนที่มาหลายคนมาอยู่กับเรา 5-6 ปีอะ มันไม่ใช่เป็นนักเรียนและ มันเป็นครอบครัวแล้ว ไปกินข้าวด้วยกัน ไปอยู่ด้วยกัน หรือจัดงานวันเกิด ทำอะไรกัน มีคนมาเช็คตลอดเวลา แล้วมีค่า มันที่สุดอะ คนเรามันต้องการมีค่าเนอะ"

    ณ ตอนนั้นเราเคยรู้สึกว่าเราจะเป็นซึมเศร้าไหม? จิตตกถึงขั้นหมกหมุ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น จิตมันไม่หลุดออกมา

    ป๊อป : "คำถามนี้ดีมาก ถ้าไม่มีโยคะ ถ้าไม่มีการสติ สมาธิ เรารู้จิตของเราเองเนี่ยมันมีสิทธิ์มากที่จะไหลไปทางนั้น เพราะเรามันคิดมากแล้วก็วน มันคนอะ มันคนไปเรื่อยๆ คิดๆๆแล้วคิดลบ เอาอดีตไปเข้าอนาคต คิดว่าฉันไม่มีใคร ไม่มีใครรักฉัน มันคิดลบไปเรื่อยๆ ถ้าเราแบบ เฮ้ย...การที่แม่ไม่สบายทำให้เราอยู่กับเขามา 7 ปี เรากำไรนะเนี่ย การที่เราเป็นเราเนี่ย เรามีบ้านมีรถ เรามีทุกอย่างเนี่ย เราลำบากน้อยกว่าคนอื่นที่ไม่มีอะไรเลย เราโคตรโชคดีนะเนี่ย 

    ถ้าเราคิดว่าเมื่อไหร่เราโชคดีนะ บุญมันยิ่งมาค่ะ มันแปลกมาก กลัวๆ โลกก็ยิ่งแคบลง แคบลงไป เรารู้สึกโคตรโชคดีอะ ส่วนใหญ่เนี่ยเราจะคิดลบ เมื่อเราคิด เราไม่รู้สึก เราคิดอย่างเดียว คิดๆๆแล้ววนๆๆ แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ การที่โยคะของเราในตอนที่เราสอนโยคะ จะให้ทุกคนนั่งสมาธิ ท่าสมาธิเนี่ยท่านั่งวิปัสสนาหรือท่านอนเนี่ย ท่านั้นยากที่สุดแล้ว เพราะว่าเมื่อไหร่กายอยู่นิ่งอะ ใจไปอยู่ที่อื่นแล้ว ออโต้ไพรอทมาแล้ว"  

    ก็เพราะมีโยคะเป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร ก็เลยทำให้ไม่มีกัลยาณมิตรที่เป็นคู่ชีวิตหรือเปล่า? ตั้งใจโสดไหม?

    ป๊อป : "ไม่ตั้งใจเลย ขอพูดไม่ได้ปฏิเสธความรัก อยากมีเหมือนหนังดิสนีย์ อยากมีเหมือนแบบโรแมนติดคอมมาดี้ คนที่อยู่แล้วสบายใจ อาจจะสาวๆ เด็กจะบอกว่าต้องนั่นต้องนี่ต้องนู่น เดี๋ยวนี่นะ อยู่แล้วสบายใจ อยู่แล้วรู้สึกว่า โอ๊ย..ให้กำลังใจ รู้สึกอบอุ่น" 

    เชื่อหรือเปล่าว่าต้องมีผู้ชายที่ไม่กล้าจีบพี่ป๊อป เพราะว่าดูฉลาดเกินไป มีคนเข้ามาจีบไหมพี่ป๊อป 

    ป๊อป : "ไม่กล้าจีบ!  มันผิดหรอที่เราดูฉลาด เอาอย่างนี้แล้วกัน มันไม่ใช่อยู่ที่ฝ่ายเขาเลือก มันอยู่ที่ฝ่ายเราเลือกจ้า เราเองต้องฝ่ายที่เลือกนะคะ คนเราจะเต้นแทงโก้ต้อง 2 คนไปพร้อมกัน ใครหลีกใครตาม ถูกต้องไหมมันต้องเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครเต้นแทงโก้กับฉัน มันต้องคือ สบายใจ พอใจ เข้าใจ มันไม่ยากเลย"

ชมคลิปเพิ่มเติม 

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ที่มา : รายการต้มยำอมรินทร์

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ