"กาย รัชชานนท์" ร่วมงานกับนักวิจัยญี่ปุ่น คิดค้น "สเต็มเซลล์" ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลมาแล้ว

LIEKR:

'สเต็มเซลล์' เพื่อการรักษามะเร็ง!

        พูดถึงชื่อคุณพ่อลูกดกในวงการบันเทิงไทย ชื่อของ “กาย รัชชานนท์ สุประกอบ” ต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงแน่นอนค่ะ เพราะแม้ตอนนี้หนุ่มกายจะอายุเพียง 29 ปี แต่เขาและ “ฮารุ สุประกอบ” ภรรยาคนสวยก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ของลูกๆ ถึง 3 คนแล้ว แต่ละคนก็กำลังอยู่ในวัยน่ารัก จัดว่าเป็นแฟมิลี่แมนอีกคนหนึ่งของวงการเลยล่ะค่ะ 

        ปัจจุบันคนมักจะกังวลกับการหาสเต็มเซลล์หรือยาเพื่อมารักษาโรค นอกจากจะทำหน้าที่ของคุณพ่อ ทำธุรกิจของครอบครัวและมีผลงานบันเทิงคุณภาพมาให้ชมกันเป็นประจำแล้ว 

 

Sponsored Ad

 

        ล่าสุดหนุ่มกายยังมีบทบาทใหม่ที่น้อยคนจะรู้กับการเป็นนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกียวโต โดยเขาได้เปิดเผยในรายการ Woody World ว่าตอนนี้กำลังทำวิจัยอยู่กับประเทศญี่ปุ่น เพราะมีบริษัทหนึ่งเป็นของตัวเอง ชื่อว่าไบโอเซลล์ อินโนเวชั่น จึงทำวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ แต่ไม่เหมือนสเต็มเซลล์ที่คนรู้จักทั่วไป

 

Sponsored Ad

 

        แต่จริงๆ แล้วคนเสียชีวิตเยอะมากจากการรักษา สมมติคนเป็นมะเร็ง มีแค่ 40% ที่เสียชีวิตจากโรค อีก 60% เสียชีวิตจากยาและผลข้างเคียงจากยา เตรียมเปิดให้บริการสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า ส่วนงานวิจัยก็ยังทำอยู่ เป็นการนำเลือดมาวิจัยและผลิตเลือดจากสเต็มเซลล์ของแต่ละคนแบบไม่มีวันหมด ทำให้มีเลือดใช้ได้โดยไม่ต้องรอรับบริจาค และได้ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ที่ได้รับรางวัลโนเบลเลยทีเดียว เรียกว่าทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมยังมีวิสัยทัศน์ด้วย สุดยอดจริงๆ ค่ะหนุ่มกาย

        กาย และ ฮารุ ได้มาเปิดใจถึงการเลี้ยงลูกกันยังไงตั้งสามคนเก่งมากเลย?
        ฮารุ : “นั่นน่ะสิผ่านมาได้ยังไงก็ไม่รู้ มีพี่เลี้ยงนะคะ แต่ว่าพี่เลี้ยงจะช่วยเป็นมือเป็นไม้ให้ฮารุ เช่นช่วยเตรียมของอะไรแบบนี้ แต่หลักๆ เราก็จะดูแลอยู่ตลอด”
        กาย : “ใช่ครับ จริงๆ ไม่ได้เลี้ยงเองทั้งหมด มีคนช่วยครับผม ถ้าอย่างนั้นบ้านมันคงไม่เป็นบ้านแน่นอน แต่ว่าหลักๆ แล้วก็คือกายกับฮารุนี่แหละที่จะเลี้ยงเด็กๆ แล้วก็มีความสัมพันธ์กับเขาตลอดเวลา

 

Sponsored Ad

 

        นิสัยแต่ละคนเป็นยังไง เหมือนหรือต่างอะไรกันบ้าง?
        กาย : “คนโต คิริน จริงๆ แล้วเขาเป็นคนอบอุ่นมากเลยนะ เขาจะเป็นคนที่แบบคอยดูแลน้อง อุ้มน้อง คือเขาจะมีความเป็นพี่ชายมากๆ ก็จะแตกต่างกับทุกคน อย่าง ไนร่า ก็จะแก่นๆ นิดนึง”
        ฮารุ : “ใช่ค่ะ จะเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยผู้หญิง เป็นผู้หญิงแบบลุยๆ ทโมน ถ้าถามถึงความแมนคนนี้จะมีความแมนมากที่สุดในบรรดาพี่น้องทุกคนค่ะ ส่วนเอเดนนี่จะมีอารมณ์แบบศิลปินติสๆ นิ่งๆ คนอื่นเขาจะโหวกเหวกโวยวาย แต่อันนี้ก็จะนั่งนิ่งๆ คอยสังเกตการณ์ จะไม่ค่อยสุงสิงกับคนที่แบบไม่ค่อยรู้จัก เขาจะมีโลกส่วนตัวสูง แต่ถ้ารู้จักกันแล้วเขาก็จะเริ่มเล่นอะไรแบบนี้”

 

Sponsored Ad

 

        คนไหนเหมือนพ่อ เหมือนแม่มากที่สุด?
        ฮารุ : “คิริน เหมือนพ่อปฏิสนธิกับตัวเอง (หัวเราะ) คือมาตั้งแต่รูปร่างภายนอกเหมือนพ่อ นิสัยก็เหมือน ทุกอย่างเหมือนพ่อหมดเลย”
        กาย : “คิรินหน้าตาเขาเหมือนกายตอนเด็กๆ มากครับ ถ้าเอารูปมาเทียบกัน จะเหมือนกันมากเลย ส่วน ไนร่า จะเหมือนแม่ การพูดการจา กินเก่ง”
        ฮารุ : “เรื่องหน้าตาฮารุไม่ค่อยมั่นใจนะ แต่นิสัยจะเหมือน จะเป็นแบบลุยๆ ซนๆหน่อย พูดเยอะๆ อะไรแบบนี้

 

Sponsored Ad

 

เวลาลูกดื้อ มีวิธีจัดการกันยังไง?
        กาย : “มันก็จะแตกต่างกันไปครับ อย่างเช่น ถ้าคิรินดื้อ กายก็จะบอกให้คิรินเข้าไปที่ห้องน้ำ เขาก็จะเดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตูหันหน้าเข้ากำแพง แล้วก็จะยืนเสียใจกับตัวเองไป ส่วน ไนร่า เขาจะเป็นคนฉลาดนิดนึง พอเขาดื้อเสร็จปุ๊บ เขาจะทำตัวเหมือนเขาดีทันทีเลย เนียนๆ แบบอะไรหรอ หนูไม่ได้ทำอะไรนะอะไรแบบนี้ ส่วน เอเดน นี่คือ เรากำลังหาวิธีกันอยู่”
        ฮารุ : “เอเดนนี่จะเหมือนแบบฉบับลูกคนเล็ก จะมีความเอาแต่ ใจตัวเองสูงกว่าคนอื่นๆ มีความแบบไม่ยอม ก็เลยกำลังพยายามปรับ หาวิธีอยู่ เพราะว่าทั้งสามคนนิสัยไม่เหมือนกันเลย วิธีการทำโทษก็ไม่เหมือนกัน เช่น คิริน ถ้าเขาดื้อแล้วเราตีเขาจะต่อต้าน แต่ถ้าเราบอกว่าให้ทำโทษตัวเองนะ เขาก็จะเดินเข้ามุม แต่ไนร่าจะตีได้พอดีปุ๊บจะนิ่งค่ะ

 

Sponsored Ad

 

        ปรับอารมณ์กันยังไง ถ้าเจอลูกดื้อใส่ทีเดียวพร้อมกัน ?
        กาย : “จริงๆ แล้วเราต้องพยายามใจเย็นที่สุด เท่าที่จะเย็นได้เลย เพราะเราไม่อยากจะสอนเขาในช่วงเวลาที่เราโกรธ เพราะเด็กจะกลัวเรา แล้วไม่อยากที่จะฟังเรา เพราะว่าเขารู้ว่าเราโมโหเขาอยู่ แต่ว่าถ้าเราจะเย็นแล้วเราเอาเหตุผลมานั่งประมวล แล้วคิดดูอีกทีนึง มันจะมีวิธีการคุยการสอนได้ดีกว่าตอนที่เราโมโหเยอะ ก็เลยต้องพยายามมีสติกับตัวเองครับ
         “แต่สมัยก่อนพี่กายเขาจะใจร้อนมากนะ พอมีลูกเขาก็ใจเย็นลง ถ้าเป็นสมัยก่อนลูกปี๊ดมา อันนี้ก็จะปี๊ดกลับอะไรแบบนี้ แต่พอมันผ่านไปสักพักเขาก็รู้ว่ามันไม่ได้แล้ว อาจจะมีหลุดบ้างแหละคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่ก็ต้องดึงสติกลับมาให้ได้เร็วที่สุด จนช่วงหลังๆ ความอดทนเราก็ค่อยๆ สูงขึ้น”

Sponsored Ad

มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้น วิจารณ์เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูกของเรา รู้สึกยังไงบ้าง ?
        กาย : “จริงๆ เวลาตักเตือนกัน พวกเราไม่ว่าหรอกครับ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของคนที่อยู่ในวงการแบบพวกเรา บางทีคนก็หวังดี เวลามีคนมาเตือนแบบพอเปิดประเด็นปุ๊บ มันเหมือนแบบปล่อยโอกาสให้ทุกคนเข้ามากันเยอะเลยทีนี้ เหมือนหิวน้ำแล้วไม่ได้กินน้ำมาเป็นอาทิตย์ พอมันเป็นแบบนี้มันก็จะเลยประเด็นที่มันเป็นอยู่ คราวนี้ดราม่าก็จะมาแล้ว ทรมานลูกตัวเอง ไม่รักลูกตัวเอง เลี้ยงแบบนี้เดี๋ยวลูกก็ปัญญาอ่อนหรอก โดยปกติแล้วผมจะเป็นคนแบบช่างมันเถอะ แต่บางทีมันก็ไม่ไหวเพราะมีเยอะเป็นร้อยๆ คอมเมนท์เลย”
        ฮารุ : “มันเกิดจากประเด็นเล็กๆ เอง เช่น กินข้าวเองมันก็เลอะเทอะ เราก็เข้าใจนะ แต่หลังๆ เด็กก็จะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะพ่อแม่ไม่สนใจ เป็นประเด็นใหญ่โตไปอีก”

        อยากจะบอกอะไรถึงคนที่วิจารณ์การเลี้ยงลูกของเราบ้าง?
         “จริงๆ วันนั้นผมก็เคลียร์ไปประมาณหนึ่งว่า ครอบครัวของเราเลี้ยงลูกแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าเราไม่รักลูก แต่เป็นเพราะว่าเรารักลูกเรา เราถึงเลี้ยงลูกเราแบบนี้ เราเลี้ยงเขาให้เขามีวินัย กินข้าวเป็นเวลา ถ้าเขาไม่กินเราก็จะไม่ให้เขากินจนมื้อถัดไป เขาจะปวดท้อง เจ็บท้อง หิวโหยขนาดไหนเราก็จะไม่ให้ขนมเขากิน เพราะว่าถ้าเขาได้กินขนมในตอนนั้น เขาก็จะไม่กินข้าวอีกต่อไป เขาก็จะเรียนรู้แล้วว่าถ้าฉันไม่กินตอนนี้สักพักพ่อแม่ก็ต้องเอาอะไรมาให้กินอยู่ดี”

        ฮารุ : “แต่ช่วงแรกๆ ฮารุจะใจอ่อนหน่อย แต่ที่บ้านปู่ย่าตายายพี่เลี้ยงทุกคนก็จะใจดีกับลูกๆ มาก แล้วพอเราใจอ่อนอีก เหมือนเขาก็กลายเป็นว่าเหลิงเลย มันเละเทะก็เลยเป็นว่าเราอยู่บ้านเป็นประจำ แล้วปู่ย่าตายายเราไม่สามารถไปเปลี่ยนอะไรเขาได้อยู่แล้ว เพราะเขาก็รักหลาน ดังนั้นจึงอยู่ที่เราแล้วแหละ ก็เลยเริ่มดุ คือถ้าพี่กายไม่อยู่ก็ยังมีเราอยู่ เขาต้องรู้ว่าต้องมีคนที่แบบไม่สามารถเอาชนะได้อยู่นะ เราก็เลยกลายเป็นแม่ใจร้ายในทุกวันนี้

        คำพูดที่แย่ที่สุด เห็นแล้วต้องเคลียร์รับไม่ได้ คือคำพูดไหน?
        กาย : “นี่แหละครับบ้านสกปรก ไม่รักลูก เด็กจะมีปัญหา เด็กเป็นปัญญาอ่อนอะไรแบบนี้ ซึ่งแบบทำแบบนี้ใครเขาใช้กัน มันไม่มีใครใช้กันแล้วนะครับ ผมก็เลยตอบกลับไปว่า แล้วคุณมารู้ได้ยังไงว่าบ้านผมเป็นยังไง? รู้ได้ยังไงว่ามันสกปรก? เป็นแบคทีเรียบ้านผมหรอถึงได้รู้? แล้วลูกผม 3 ขวบ 4 ขวบเขาก็สามารถกินข้าวเองได้ ไม่จำเป็นว่าต้อง 10 ขวบแล้วมานั่งป้อนหรือเราต้องวิ่งตาม เด็กทุกคนมีเวลานอน 2 ทุ่มเขาก็นอนกันทุกคน เราเลี้ยงเพราะว่าเรามีชีวิตแบบนี้ และเราไปเที่ยวกันได้ตลอดเวลา เพราะเขาเป็นแบบนี้ ถ้าเขาไม่เป็นแบบนี้สิ Lifestyle ของเราก็จะถูกเปลี่ยนไปทันทีเลย จะบอกว่าอย่าเลี้ยงลูกแบบนี้ ถ้าไม่ชอบวิธีการแบบนี้”

        ฮารุ : “แต่ถ้าฮารุกับพี่กายจะย้ำเสมอว่า Lifestyle แบบนี้มันไม่มีอะไรที่มันถูกต้อง เพราะว่าหนังสือ 10 เล่มหรือหมอ 10 คนก็พูดไม่เหมือนกัน เพราะสุดท้ายแล้วเด็กทุกคนก็ไม่เหมือนกัน ไม่ได้บอกว่าวิธีนี้มันคือถูกต้องหรือว่าวิธีการ บ้านคนอื่นมันจะผิด ไม่ใช่เลย คือไม่เคยตัดสินนะ”
        คิดไหมว่า ทำไมเราถึงเจอประเด็นดราม่าแบบนี้บ่อยๆ?
        กาย : “อาจจะด้วยอายุของเราด้วยล่ะมั้งครับ เลยเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ง่าย จริงๆ แล้วพวกเราก็โดนตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว เคยโดนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วเขาก็จะแบบ เด็กวัยรุ่นมีลูกก็อย่างนี้แหละนู่นนี่นั่น เหมือนเป็นคนของสื่อ พอเป็นคนของสื่อแล้วคนเขาก็คาดหวัง คนนึงชอบคนนึงไม่ชอบ สุดท้ายแล้วก็สามารถวิจารณ์ได้แต่แค่ให้อยู่ในขอบเขตแค่นั้นเอง”

        สาเหตุที่ “กายทำหมัน” เพราะฮารุไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้วจริงไหม?
        ฮารุ : “จริงๆ ตั้งครรภ์ได้นะคะ แต่ด้วยที่ฮารุท้อง 3 ปีติดๆ กันตลอดเลย แล้วไม่ได้คลอดธรรมชาติถ้าแบบนั้นมันจะไม่มีแผลอะไรมันสมานง่าย แต่พอผ่าคลอดมันไม่ได้ผ่าแค่ชั้นแรก มันต้อง 6-7 ชั้นขึ้นไป พอแผลยังไม่หายเลยอีก 2 เดือนฮารุท้องอีกแล้ว ทุกอย่างมันยืดๆ ตลอด จริงๆ หมอจะให้ทำหมันตั้งแต่ท้องคนที่สองแล้ว คือบอกว่าท้องต่อไปคนที่สามจะอันตรายมาก เพราะไม่รู้ว่ามดลูกข้างในของเรามันจะรับไหวไหม”

        กาย : “แล้วฮารุเขาจะเป็นคนที่ท้องใหญ่ด้วย ก็เลยไม่เป็นไรครั้งนี้เราป้องกันเอาก็ได้ แล้วให้ฮารุกินยาคุมอะไรแบบนี้ 2 เดือนถัดไปท้องอีกครับ แล้วหมอก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ได้แล้วนะ นี่รอบที่ 3 แล้ว ถ้ามีรอบที่ 4 หมอไม่รับทำคลอดหรือว่าฝากท้องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเนื่องจากอยู่ในความเสี่ยงมากๆ เพราะถ้าจะผ่า ก็ผ่าแผลเดิมไม่ได้ก็ต้องผ่าแผลใหม่ แล้วหมอถามว่า ฮารุทำหมันไหม เขาก็ไม่ทำ ผมก็เลยต้องทำครับ เพราะว่ากลัวเหมือนกันว่าจะมาอีก”

        โต้ขาเม้าท์ที่ว่า ฟิตจัดทำการบ้านทุกคืน หน่อย?
        กาย : “คือผมไปออกรายการนึง แล้วเผลอพูดออกไปแบบขำๆ ประมาณว่า เคล็ดลับความรักก็กระชับชิดกันทุกวันสิ อะไรแบบนี้ ก็เฮฮาสนุกสนานกันไปครับ”
        ฮารุ : “แล้วเขาก็เอาไปตีความแบบว่าแนบชิดกันแบบอย่างนั้น ความจริงมันแค่ใส่ใจดูแลกัน ความจริงมันจะเป็นไปได้ไหมคะว่าจะต้องมีอะไรกันทุกวันคือเรามีลูกแล้วอ่ะ ถ้าคนมีลูกเราจะรู้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เวลานอนยังไม่มีเลยค่ะ”

ข้อมูลและภาพ จาก truststoreonline

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ