ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่งผลให้หลายๆ กิจการต้องปิดตัวลง ทำให้สองชีวิตลุงและป้าต้องตกงาน ไม่มีที่ไป ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิด แต่เพิ่งรู้ว่าเขาไม่ให้เข้าจังหวัด จำใจอาศัยปั๊มน้ำมันนอนหลบแดดฝน

    ที่สถานีน้ำมัน ก่อนถึงแยกชัยพฤกษ์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีพลเมืองดีพบสองลุงป้า ทราบชื่อ นายปัญญา ภมรวงษ์ อายุ 54 ปี และ น.ส.นิภา ศรีนวล อายุ 62 ปี นั่งพักอยู่ที่ม้านั่งริมทางเดิน ด้านข้างร้านสะดวกซื้อ มีสัมภาระ กระเป๋า ข้าวกล่อง น้ำดื่ม วางอยู่ใกล้ตัว พร้อมลังกระดาษปูพื้นไว้นอน

    ทั้งสองลุงป้าเปิดเผยว่า เคยทำงานอยู่ในร้านอาหารจังหวัดระยอง แต่ไม่นานมานี้ร้านดังกล่าวปิดตัวลง จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดในจังหวัดกาญจนบุรี

    แต่เมื่อเดินทางเข้ามาในจังหวัดชลบุรี เพื่อมาขึ้นรถไฟที่พัทยา ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นจังหวัดที่ถูกประกาศยกระดับเฝ้าระวัง มีคำสั่งห้ามเดินทางเข้า-ออก จึงอาศัยนอนอยู่ริมทาง พร้อมกับเงินค่าตั๋วรถไฟก้อนสุดท้าย

    อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่เอ่ยปากชมว่าคนพัทยามีน้ำใจ พาเข้ามาหลบแดดหลบฝนอยู่ภายในปั๊ม ทั้งยังเอาข้าวกล่อง น้ำดื่มมามอบให้พอได้ประทังชีวิต รอให้พื้นที่คลายล็อกก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนา

    ลุงป้ากล่าวอีกว่า ไม่มีญาติหรือลูกที่ไหนแล้ว ไม่อยากฝ่าฝืนกฎหมาย โชคดีที่มาเจอคนพัทยาใจดี ให้การช่วยเหลือคนเฒ่าคนแก่ อยู่ตรงนี้ในพื้นที่ปั๊มหลบแดดฝนก็ดีใจแล้ว ไม่ต้องการไปอยู่กับใครให้ลำบากเขา แค่มีที่หลบนอนรอวันกลับบ้านก็พอ

    ล่าสุด ทางทีมนายกเมืองพัทยา นำโดย นายภาสกร อยู่สมบูรณ์ พร้อมคณะทีมงานที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา ได้เดินทางไปพบลุงและป้าที่ปั๊มน้ำมัน พร้อมมอบอาหารกล่อง น้ำดื่ม อุปกรณ์จำพวกเสื้อผ้า เสื่อ หมอน รวมทั้งเงินสดจำนวน 2,000 บาท เพื่อให้ลุงกับป้าใช้ชั่วคราวระหว่างรอการประสานนำส่งกลับภูมิลำเนา

    นายภาสกร กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าทั้งสองติดปัญหาการเดินทางกลับบ้าน จึงได้รีบเดินทางมาดูและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นตามนโยบายของ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา โดยในตอนแรกได้แจ้งให้ทั้งสองไปพักที่ที่พักย่านตำบลนาเกลือ แต่ทั้งสองปฏิเสธบอกว่าเกรงใจ

    ทั้งนี้ ตนจะเร่งประสานไปยังมูลนิธิสว่างบริบูรณ์พัทยา เพื่อเอารถมาช่วยนำส่งลุงป้าทั้งสองกลับบ้าน พร้อมเร่งจัดทำหนังสือความจำเป็นในการเดินทางข้ามจังหวัดจากเมืองพัทยาเพื่อใช้ในการเดินทางต่อไป

ที่มา : komkhaotuathai