"นายอำเภอต้นแบบ" ผู้บุกเบิกโครงการหาทุน ส่งเด็กบ้านจนให้เรียนจบ มาทำงานแทนคุณแผ่นดิน

LIEKR:

"หน้าที่ของข้าราชการ คือต้องรับใช้ประชาชน"

        ประเทศไทยยังคงมีเยาวชนอีกมาก ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา ไม่ว่าจะด้วยเรื่องฐานะทางครอบครัว หรือความพร้อมของทางโรงเรียน ซึ่งปัญหานี้ก็ยังมีนายอำเภอคนหนึ่งที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ผุดไอเดียโครงการ “ลูกนายอำเภอ” หาทุนส่งเด็กยากจนไปเรียนเพื่อกลับมาทำงานในพื้นที่

        “สิบเอกเชษฐา ขาวประเสริฐ” นายอำเภอปากชม จ.เลย ผู้ที่ทุ่มเทให้กับ “โครงการลูกนายอำเภอ” สนับสนุนให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้ วางแผนยกระดับคุณภาพชีวิต หวังเติมเต็มบุคลากรทางการแพทย์ -พยาบาล และครูเป็นคนในพื้นที่ ผ่านอุปสรรคปัญหา-ความลำบากมากมาย แต่นายอำเภอท่านนี้มิได้ย่อท้อตรงกันข้ามเดินหน้าทำจนโครงการสำเร็จอย่างงดงาม

 

Sponsored Ad

 

        “สิบเอกเชษฐา” บอกว่า ชาวอำเภอปากชมส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ -ทำสวน  สภาพแวดล้อมของสังคมส่วนมากมีการห ย่ า ร้ า ง ทำให้เด็กหลายคนขาดความอบอุ่น ต้องอาศัยอยู่กับปู่ ย่า ตา-ยาย ทำให้เด็กๆ ไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน มีปัญหาด้านการเงิน 

        จึงเห็นความสำคัญจัดทำโครงการลูกนายอำเภอ และตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาอำเภอปากชมขึ้น เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชน ได้เล่าเรียน ทุกระดับ เพื่อกลับมารับใช้ พัฒนาบ้านเกิด เติมเต็มบุคลากร สาขาที่ขาดแคลน

 

Sponsored Ad

 

.

.

        “ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการส่งเด็กไปเรียนพยาบาล เห็นสภาพเด็กที่อยู่กับญาติหรืออยู่คนอื่นซึ่งไม่ใช่พ่อแม่ เด็กมักจะก้าวร้าว หลงใหลไปกับสิ่งเร้า-ยั่วยุให้เกิดกระทำผิดอาจส่งผลเสียในอนาคตได้ จึงเกิดโครงการลูกนายอำเภอ โดยให้โรงเรียนคัดเลือกเด็กมาเข้าค่าย มีเงื่อนไขว่าเด็กต้องไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อ-แม่ เด็กไม่ต้องเรียนดี-ไม่ดี ความประพฤติจะดีหรือไม่ดีไม่เป็นไร มาเข้าโครงการฯ เพื่อให้มีประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกันกับเพื่อน ดูการทำงานแบบเป็นทีม ดูแนวทางในการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 60 เป็นรุ่นที่ 1 ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนโรงเรียน ตชด. 3 แห่งในพื้นที่”

 

Sponsored Ad

 

        นายอำเภอ บอกต่อว่า รุ่นแรกมีนักเรียนประมาณ 20 คนมาอยู่ค่าย 5 วัน 4 คืน คัดเลือกจากนักเรียนประถมฯต่ำกว่าชั้น ป. 6 รุ่นที่ 2 ปี 61 เปิดโอกาสให้กับนักเรียนทุกโรงเรียนทุกระดับ มีนักเรียน 100 กว่าคน รุ่นนี้ได้สมาคมนักเรียนเก่าธรรมศาสตร์ จ.เลย มอบทุนให้คนละ 1,000 บาท ส่วนรุ่น 3 ปี 62 มีนักเรียน 300 กว่าคน รุ่นที่ 4 ปีนี้มีการคัดเลือกจากโรงเรียนต่าง ๆ รวม 155 คน ปัจจุบันรุ่นแรกก็จะมาเข้าค่ายร่วมกันทุกปี โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้าทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก สร้างเครือข่ายทางอำเภอให้เด็กรู้จักกันในฐานะ ลูกนายอำเภอซึ่งเป็นเหมือนเครื่องหมายติดหน้าผากการันตีว่าเป็นลูกนายอำเภอแล้วจะประพฤติตัวผิดไม่ได้

 

Sponsored Ad

 

        “โครงการส่งเด็กไปเรียนพยาบาล เริ่มจากคนในพื้นที่เรียนไม่ค่อยสูงนัก โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข เห็นได้จากพยาบาลที่มารับราชการในอำเภอส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนปากชม พอถึงวาระก็จะย้ายกลับ ไม่มีคนย้ายมาแทน พยาบาลจึงไม่เพียงพอกับงานที่เพิ่มขึ้น คณะกรรมการมีแนวความคิดต้องสร้างคนในพื้นที่ให้เข้ามาทำงานแทน ต้องเริ่มจากสาธารณสุขก่อน ซึ่งรพ.ปากชมขาดแคลนบุคลากรมาก ประชาชนที่มารับบริการทั้งฝั่งลาว และฝั่งไทยวันละ 500 กว่าคนไม่มีกำลังพอ จึงต้องสกัดผู้รับบริการให้ไปใช้บริการจาก รพ.สต.รอบนอกรักษาเบื้องต้นก่อน ถ้าอาการหนักค่อยส่งตัวมา ซึ่งรพ.สต.ในอำเภอมีอยู่ 10 แห่งมีพยาบาลวิชาชีพประจำเพียง 4 คน นอกนั้นเป็นนักวิชาการทางสาธารณสุข เจ้าพนักงานสาธารณสุข ไม่ชำนาญการพยาบาล คณะกรรมการจึงเห็นว่าควรส่งนักเรียนไปเรียนการพยาบาล”

 

Sponsored Ad

 

        “สิบเอกเชษฐา”  บอกต่อว่า พอดีปี 61 โครงการพระเมตตาสมเด็จย่า และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดให้โควตาไปเรียนการพยาบาลที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีขอนแก่น หลังเรียนจบสามารถบรรจุเป็นข้าราชการ ประจำ รพ.สต.ตามภูมิลำเนาบ้านเกิด นอกจากนี้โรงพยาบาลปากชมทำ MOU กับมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ให้โควตาเรียน 3 ที่ หลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง โดยการกู้ยืมกองทุนเพื่อการศึกษา (กยศ.) สามารถกู้ได้เต็ม เมื่อจบแล้วต้องไปใช้ทุนที่ รพ.ปากชม ช่วงปิดเทอมนักศึกษาต้องกลับมาช่วยทำงานที่กองทุนพัฒนาศึกษาเพื่อหาทุนให้รุ่นน้องรุ่นต่อไป โดยทางอำเภอมีเป้าหมายส่งไปเรียนพยาบาลให้ครบทั้ง 10 รพ.สต.แห่งละ 2 คน โดยส่งไปเรียนทุนปีละ 3 คน ปัจจุบันส่งไปแล้ว 7 คน ยังขาดอีก 13 คน จะบรรลุเป้าหมายในปี 64

 

Sponsored Ad

 

        “มีคนถามว่าอนาคตหากต้องย้ายไปแล้วจะมีใครมาสานต่อ ส่วนตัวแต่งงานแล้วไม่มีลูก มีความคิดอย่างหนึ่งว่าเกิดมาถึงเวลา ต า ย ก็ ต า ย คนเดียว จะมีลูกหรือไม่มีลูกก็เอาไปด้วยไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่จะเหลือไว้ขณะที่เราอยู่ผมเป็นข้าราชการ ไปไหนก็ได้ทั่วประเทศ แต่ขณะที่อยู่ที่นี่ผมจะทำให้เขาตระหนักว่าพวกเขาต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้ เราเพียงมาเป็นคนกระตุ้น ช่วยเขาทำ ผมพยายามจะไม่ทำหรือคิดเพียงคนเดียว ต้องให้มีเครือข่ายในพื้นที่ ตลอด 3 ปีที่ผมมารับราชการอยู่ที่นี่ยังคิดว่าทำน้อยไป กองทุน และวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ที่ตั้งไว้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นทราบดีว่าต้องอยู่ได้โดยไม่มีนายอำเภอ เป็นเรื่องส่วนรวมของชาวปากชม ซึ่งคนไทยทุกคนต้องช่วยกันทำเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน ผมได้รับการปลูกฝังความคิดนี้มาตั้งแต่เด็ก ยิ่งเป็นข้าราชการแล้วต้องทำหน้าที่รับใช้ประชาชน”

Sponsored Ad

        นายอำเภอปากชม กล่าวทิ้งท้ายต่อว่า โครงการที่ร่วมกันทำเป็นแค่จุดเล็ก ๆ แต่ทุกคนที่ทำได้หมด อยากให้พื้นที่ต่าง ๆ นำโครงการฯนี้ไปเป็นแนวทาง จุดประกายความคิดให้ชุมชนเข้มแข็งและอยู่ได้ด้วยตัวเอง สำหรับท่านใดอยากจะบริจาคเรามีกองทุนพัฒนาการศึกษา มีคณะกรรมการดูแลรับผิดชอบ สามารถบริจาคได้ที่อำเภอปากชม คณะกรรมการจะออกใบเสร็จ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนได้มีความรู้เทียบเท่ากับเด็กที่อยู่ในเมือง

        “มุทิตา ปันธะนะ-นลิน บัวอินทร์-รินรดา อยู่สวัสดิ์” ลูกนายอำเภอรุ่นที่ 1 ที่ได้รับทุนจากกองทุนพัฒนาการศึกษาอำเภอปากชม เรียนที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีขอนแก่น ปีที่ 2  พูดออกมาจากหัวใจว่า “ขอขอบคุณท่านนายอำเภอปากชม เชษฐา ขาวประเสริฐ ที่หยิบยื่นโอกาสให้ได้รับการศึกษา ตลอดจนดูแลให้ได้รับการบรรจุหลังจบการศึกษา พวกเราแม้ว่าการเรียน อาจจะไม่ค่อยเก่ง แต่สัญญาว่าจะตั้งใจเรียนจนจบเพื่อที่จะกลับมาดูแลคนในชุมชน และผู้สูงอายุ ที่นับวันแต่จะมีมากขึ้น เพื่อทดแทนแผ่นดินเกิด และขอขอบคุณกองทุนวิสาหกิจชุมชนพญาอนันตนาคราช ที่แบ่งรายได้จากการจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน ชุดสักการะมาสมทบช่วยส่งค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน”

.

        น่ายกย่องสรรเสริญกับนายอำเภอปากชมมาก ๆ ท่านทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เห็นแล้วก็รู้สึกยินดีที่ในสังคมไทย ยังมีคนดีที่พร้อมจะช่วยเหลือพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง “หน้าที่ของข้าราชการ คือต้องรับใช้ประชาชน”

ที่มา : dailynews

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ