เศรษฐีจีนส่งลูกไปใช้ชีวิตอยู่บ้านนอก แต่สิ่งที่ลูกชายได้รับ แม้แต่คนเป็นพ่อยังรู้สึกประหลาดใจ

LIEKR:

ลองถามตัวเองดูสิว่า เรามุ่งมั่นหาความมั่งคั่ง จนลืมที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง กับเพื่อนและครอบครัว รวมถึงโลกใบนี้ไปหรือเปล่า

    เรื่องราวของเศรษฐีจีนรายหนึ่งที่ได้ตัดสินใจส่งลูกไปเรียนรู้ความยากจนในชนบทอันห่างไกล แต่สิ่งที่เขาได้รับนั้นกลับลึกซึ้งและมากมายเกินกว่าที่พ่อของเขาคาดหวังเอาไว้มาก เป็นเรื่องราวดีๆมาฝากให้เราได้กลับมาพิจารณาถึงความสุขที่แท้จริง และความมั่งมีอย่างแท้จริงกันอีกครั้ง

ภาพประกอบบทความ

 

Sponsored Ad

 

    เศรษฐีจีนผู้หนึ่งได้ตัดสินใจส่งลูกชายไปใช้ชีวิตในชนบท เพื่อต้องการให้ลูกได้สัมผัสกับความยากจน หลังจากที่ลูกชายของเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวบ้านเป็นเวลา 3 วัน นี่ก็คือบทสนทนาระหว่างพ่อ-ลูก หลังจากที่ลูกชายกลับมาบ้าน

    "เป็นอย่างไรบ้างล่ะลูก" พ่อถาม ซึ่งลูกชายก็ตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า "ก็ดีนะครับ"

    เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อจึงถามต่อว่า "อะไรคือสิ่งที่แตกต่าง ระหว่างบ้านของเรา และบ้านของพวกเขา"

ภาพประกอบบทความ

 

Sponsored Ad

 

    ลูกชายจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกินครับ บ้านของเราเลี้ยงสุนัข 1 ตัว แต่พวกเขาเลี้ยงถึง 4 ตัว เรามีน้ำสะอาดอยู่ในสระว่ายน้ำ แต่พวกเขามีน้ำใสบริสุทธิ์อยู่ในสระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีปลาแหวกว่าย เรามีโคมไฟอยู่ในสวน ขณะที่พวกเขามีพระจันทร์และดวงดาวที่สุกสกาวอยู่เกลื่อนฟ้าในยามค่ำคืน

    สวนของเราถูกจำกัดด้วยกำแพง แต่สวนของพวกเขากว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด จรดเส้นขอบฟ้า ในขณะที่เราฟังซีดีอยู่ในบ้าน พวกเขามีเสียงนกและเสียงจากธรรมชาติขับกล่อม บ้านของเราถูกล้อมรอบด้วยรั้วกำแพง แต่ในชนบทพวกเขายินดีต้อนรับทุก ๆ คน โดยที่ประตูมักจะเปิดกว้างเสมอ ในเมืองของเราผู้คนถูกเชื่อมโยงกันผ่านโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ แต่ในชนบท พวกเขามีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและครอบครัว"

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อพ่อได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจมากกับสิ่งที่ลูกชายได้รับ ซึ่งมากมายกว่าที่เขาคาดหวังไว้ และต้องประหลาดใจมากขึ้นเมื่อลูกชายทิ้งท้ายว่า "ขอบคุณนะครับพ่อ ที่ทำให้ผมได้รู้ว่าเรายากจนขนาดไหน"

ภาพประกอบบทความ

    ดังเช่นคำพูดของ โรดอลโฟ คอสตา (Rodolfo Costa) ที่บอกว่า "Many people are so poor that the only thing they have is money." มาให้เราได้คิดกัน ซึ่งมีความหมายว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยากจนมาก เพราะอย่างเดียวที่พวกเขามีก็คือเงิน ซึ่งคำพูดนี้สอนให้เราได้เรียนรู้ว่า ชีวิตของเรา ความสุขของเรา ธรรมชาติรอบตัวเรานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เงินสามารถซื้อได้ และสิ่งที่เราควรถามตัวเองก็คือ ทำไมเราถึงชอบคิดกันว่าสิ่งที่เงินซื้อได้ มันมีค่า มีราคามากกว่าของที่เงินซื้อไม่ได้ล่ะ

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อเราเริ่มที่จะพอใจ ซาบซึ้งไปกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเราและสิ่งที่เรามี เราจะหยุดวิ่งไล่ตาม เพื่อหาความร่ำรวย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า เรามีทุกอย่างที่เราต้องการแล้ว

    และถ้าเรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ร่ำรวยแล้ว ลองถามตัวเองดูสิว่า เรามุ่งมั่นหาความมั่งคั่ง จนลืมที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง กับเพื่อนและครอบครัว รวมถึงโลกใบนี้ไปหรือเปล่า ที่เราทำงานหนักทุกวันนี้ เพียงเพราะความรู้สึกอยากได้อีก อยากมีอีก แค่นั้นอีกหรือเปล่า

    อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้หมายความว่า การแสวงหาความมั่งคั่งร่ำรวยคือเรื่องที่ผิด เพียงแต่การหาเงินเพียงอย่างเดียว อาจไม่ได้เป็นหนทางที่ทำให้เรามีความสุขที่แท้จริง เติมเต็มชีวิตเราได้จริงๆ ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกว่า สกุลเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ ความสุขที่เกิดจากการสร้างความผูกพันธ์กับมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลกกับคุณ เพราะหากเราไม่มีสิ่งนั้นเลย ไม่ว่าเราจะหาเงินได้มากแค่ไหน เราก็คงหาความสุขที่แท้จริงไม่ได้

    ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ผู้เผยแพร่ระบุว่า บทความข้างต้นนี้ถูกเขียนขึ้นโดยนักประพันธ์ชาวจีนที่ไม่ทราบชื่อ โดยบทความในภาษาจีนได้ถูกชาวเน็ตส่งต่อกันไปอย่างแพร่หลาย และได้ถูกนำมาแปลต่อกันไปในหลายภาษา

ข้อมูลจาก kapook