สาวสุดช้ำ แต่งงานได้ข้ามคืน ฝ่ายชายขอสินสอด 180,000 คืน ทั้งที่เอาไปซื้อของใช้ในงานหมดแล้ว

LIEKR:

สาวงงใจ ให้แล้วขอคืนได้หรือ? เพิ่งแต่งงานข้ามคืน แต่เจ้าบ่าวขอค่าสินสอดคืน!

    ธรรมเนียมการให้สินสอดนั้น นับว่ายังคงเป็นธรรมเนียมในประเพณีการแต่งงานที่มีอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งส่วนมากฝ่ายชายหรือเจ้าบ่าว จะเป็นผู้จัดการหาสินสอดมาให้ฝ่ายหญิง ด้วยความเชื่อว่าเป็นค่าน้ำนมให้กับทางครอบครัวฝ่ายหญิงนั่นเอง

ภาพประกอบบทความ

 

Sponsored Ad

 

    แม้ว่าหลายๆ คู่บ่าวสาวจะยกเลิกธรรมเนียมสินสอดนี้ไปบ้างแล้ว แต่ประเด็นการให้สินสอดก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมว่าสำคัญหรือไม่ ควรจะให้เท่าไหร่ และให้แล้วขอคืนได้หรือไม่ เช่นเดียวกับที่เจ้าสาวหมาดๆ รายหนึ่ง เข้ามาตั้งคำถามในโลกออนไลน์

    เว็บไซต์ท้องถิ่นไต้หวัน ได้รายงานเรื่องราวของหญิงสาวชาวไต้หวันรายหนึ่ง ได้โพสต์ลงโซเชียลบอกว่า ปกติแล้วสินสอด ถือเป็นการตอบแทนพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่เลี้ยงลูกสาวจนโตยกให้แต่งงานกับฝ่ายชาย

 

Sponsored Ad

 

    แต่ทว่าหลังจากที่เธอเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนหนุ่มได้เพียงข้ามคืน เขากลับมาขอค่าสินสอด 160,000 เหรียญไต้หวันคืน (ประมาณ 186,000 บาท) ทั้งที่เงินที่ฝ่ายหญิงรับมา ได้นำไปซื้อเครื่องนอน ชุดสูทเจ้าบ่าว ชุดเครื่องประดับทอง มูลค่ารวมเกินกว่าเงินจำนวนนั้นไปแล้ว

 

Sponsored Ad

 

    โดยเธอกล่าวว่า ข้าวของที่ใช้เงินสินสอดซื้อนั้น เป็นสินทรัพย์ที่ต้องนำมาใช้ในงานแต่งงาน และกลายเป็นสินสมรสไปแล้ว เหตุใดถึงต้องเรียกเงินสินสอดคืนด้วย

    ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวได้มีหลายคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ฝ่ายหนึ่งเข้าข้างฝ่ายเจ้าสาวว่า สินสอดให้แล้วไม่สมควรเรียกคืน เพราะเป็นการให้โดยเสน่หา ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่าเรื่องนี้ควรมีการตกลงที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ฝ่ายชายอาจจะต้องกู้ยืมเงินจำนวนนี้มาเพื่อวางไว้เป็นค่าสินสอด ไม่ได้อยากให้เอามาใช้ซื้อของก็เป็นได้

 

Sponsored Ad

 

    ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าสาวรายนี้ก็ได้ปฏิเสธไม่คืนเงินสินสอด สุดท้ายทั้งคู่ก็ตัดสินใจเลิกกัน เรื่องราวดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คู่ที่ต้องมีการวางสินสอดว่าควรตกลงให้ชัดเจน หรือจัดให้เหมาะสม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายถึงขั้นเลิกกันไปเลยแบบนี้

ที่มา : rti

บทความที่คุณอาจสนใจ