เมื่อไม่นานมานี้ ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า นายวรรณชัย ไพบูลย์บารมี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทด้านการจัดหาแรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2562 ตลาดแรงงานไทยอาจอยู่ในภาวะชะลอตัว และคาดว่าจะมีคนว่างงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.1-1.2 หรือราว 4 แสนคน จากผู้ใช้แรงงาน 38 ล้านคน

        โดยมีสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เช่น ปัญหาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน หรือปัญหาค่าเงินผันผวน ซึ่งส่งผลโดยตรงกับการส่งออกและบริการ รวมถึงในหลาย ๆ อุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิตอล โดยอาจใช้เวลาอีก 2-3 ปี ในช่วงนี้คนจะว่างงานมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการปรับตัวของแต่ละธุรกิจ ทั้งนี้ทางภาครัฐควรส่งเสริมการพัฒนาตัวบุคคลตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพราะแรงงานไทยยังมีจุดอ่อนเรื่องภาษา อีกทั้งควรส่งเสริมการศึกษาและทักษะแก่แรงงาน

ในส่วนของกลุ่มสายงานที่มีความต้องการของตลาด มี 3 กลุ่ม คือ

        1. กลุ่มวิชาชีพ เช่น แพทย์, วิศวกร

        2. กลุ่มดิจิตอล เช่น โปรแกรมเมอร์, ไอที

        3. กลุ่มอาชีพอิสระ

ด้านกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรก คือ

        1. กลุ่มธุรกิจการบริการ ได้แก่ ขนส่งและโลจิสติกส์, ค้าปลีกค้าส่ง, บริการเฉพาะกิจ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ

        2. กลุ่มธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์, วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร, ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์

        3. กลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

        ด้านนางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลการสำรวจอัตราความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันมีสัดส่วนความต้องการจัดเป็น 10 อันดับ ดังนี้

        1. งานขายและการตลาด คิดเป็นร้อยละ 22.65%

        2. งานบัญชีและการเงิน คิดเป็นร้อยละ 12.16%

        3. งานวิศวกรและการผลิต คิดเป็นร้อยละ 8.62%

        4. งานไอที คิดเป็นร้อยละ 8.11%

        5. งานธุรการ คิดเป็นร้อยละ 7.15%

        6. งานบริการลูกค้า คิดเป็นร้อยละ 6.39%

        7. งานระยะสั้นต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละ 6.28%

        8. งานระดับผู้บริหาร คิดเป็นร้อยละ 5.63%

        9. งานทรัพยากรบุคคล คิดเป็นร้อยละ 5.02%

        10. งานโลจิสติกส์ คิดเป็นร้อยละ 3.04%

10 อันดับแรกสายงานที่เป็นที่ต้องการของแรงงาน ได้แก่

        1. งานขายและการตลาด คิดเป็นร้อยละ 22.57%

        2. งานวิศวกร คิดเป็นร้อยละ 13.42%

        3. งานธุรการ คิดเป็นร้อยละ 11.48%

        4. งานทรัพยากรบุคคล คิดเป็นร้อยละ 8.66%

        5. งานบัญชีและการเงิน คิดเป็นร้อยละ 8.57%

        6. งานบริการลูกค้า คิดเป็นร้อยละ 8.26%

        7. งานโลจิสติกส์ คิดเป็นร้อยละ 6.42%

        8. งานไอที คิดเป็นร้อยละ 4.73%

        9. งานระดับผู้บริหาร คิดเป็นร้อยละ 4.18%

        10. งานด้านการผลิต คิดเป็นร้อยละ 4.14%

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก WORKPOINT NEWS, kapook