ไม่ทราบว่าใครเคยได้ยินคำว่า “บันไดสวรรค์ไหม?”  ในที่นี้ไม่ได้พูดถึงกล้วยไม้นะ แต่กำลังพูดถึงบทเพลงของชาวจีนท่านหนึ่ง ที่ได้รับรางวัล Top Ten Golden Melody Awards ของจีนอีกด้วย ใครก็ตามที่เคยได้ฟังเพลงนี้น่าจะรู้ดีว่ามันบอกเล่าเรื่องราวความรักที่บริสุทธิ์และโรแมนติกอย่างหาที่เปรียบมิได้เลย และเรื่องราวในวันนี้ที่ไลก์เกอร์จะนำเสนอก็เป็นเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของคู่รักคู่นี้

    หลิวกัวเจียง และ ชวี่เจียวชิง รู้จักกันครั้งแรกเมื่อปี 1942  ในตอนนั้นนหลิวกัวเจียงอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น เป็นวัยที่เริ่มเปลี่ยนฟันน้ำนมแล้ว คนโบราณกล่าวไว้ว่า มีประเพณีที่เมื่อเด็กเริ่มเปลี่ยนฟันก็หมายถึงควรหาเจ้าสาวมาลูบคลำริมฝีปากของเขา เพื่อว่าฟันใหม่จะสามารถงอกขึ้นมาได้ และในปีนั้น หลิวกัวเจียงอายุครบ 7 ปีพอดี และฟันของเขาก็หลุดออก ดังนั้นพ่อแม่จึงจัดการให้เขาได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านที่ผู้ใหญ่หาให้เพื่อให้เป็นเจ้าสาวชั่วคราว  และหลิวกัวเจียงก็ไปให้เจ้าสาวลูบคลำริมฝีปากของเขา เพื่อหวังว่าฟันจะงอกขึ้นใหม่อีกครั้ง พวกเขาเชื่อว่าหากไม่ได้ลูบคลำฟันก็จะไม่ขึ้น และนี่คือที่มาของการได้พบกันของทั้งสองคน

    ในแวบแรกที่เขาได้เห็นเจ้าสาวสวมชุดสีขาวสง่า สวยงามยิ่งนัก ในตอนนั้นเองก็มีเพื่อนบ้านล้อเล่นแกล้งถามหลิวกัวเจียงไปว่า “โตมาจะแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหน?” เขาก็ตอบไปตามตรงว่า “อยากได้เจ้าสาวที่เหมือนชวี่เจียวชิง ”

    ชวี่เจียวชิง เมื่อเธออายุได้ 19 ปี ก็ได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่โชคร้ายมาก หลังแต่งงานได้ 10 ปี สามีของเธอก็ล้มป่วยและจากไป ทิ้งไว้เพียงชวี่เจียวชิงกับลูกทั้ง 4 คนเท่านั้น เดิมทีชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเธอก็ลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้สามีเสียไปก็ยิ่งลำบากมากขึ้น คนในหมู่บ้านไม่เพียงไม่เห็นใจเธอ แต่ยังบอกว่าเธอมีดวงกินผัว

    ในตอนนั้น หลิวกัวเจียงอายุ 16 ปี เขาเห็นและเฝ้าดูเรื่องราวของเธอมาตลอด เขาอยากจะช่วยเหลือเธอมาก เพราะสายตาของคนรอบข้างนั้นทำร้ายจิตใจคนมากที่สุด ไม่นานชาวบ้านทั้งหมู่บ้านก็นำเรื่องที่ทั้งสองพูดคุยกันไปนินทาแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน  หลิวกัวเจียงไม่แคร์สิ่งที่พวกเขานินทาแม้แต่นิดเดียว เพราะเขารู้ว่า ชวี่เจียวชิงเป็นคนดี หลิวกัวเจียงกอดเธอไว้แนบอกอย่างแน่น และบอกกับเธอว่า “ผมอยากจะแต่งงานกับคุณ”

    หลังจากวันนั้นเอง หลิวกัวเจียงก็พาชวี่เจียวชิงและลูกทั้ง 4 คนหนีไปอยู่บนเขา ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นตั้งแต่นั้นมา พวกเขาปลูกผัก เลี้ยงสัตว์กินเอง และในที่สุดชวี่เจียวชิงก็คลอดลูกให้กับหลิวกัวเจียง 3 คน

    เพื่อความรักหลิวกัวเจียงทุ่มเทนั่งขุดทางขึ้น-ลงเขา เป็นบันไดกว่า 6,208 ขั้น เพราะเขากลัวว่าภรรยาสุดที่รักของเขาจะลื่นหกล้ม จึงตัดสินใจทำภารกิจนี้ นอกจากทำบันไดแล้ว ยังทำทางเดินให้ภรรยาได้เห็นโลกภายนอกอีกด้วย

    ดังนั้นเมื่อเขาไปที่ฟาร์ม เขาก็จะเอาค้อนและอาหารไประหว่างทำหารขุดหน้าผา และขุดถนนบนภูเขาเพื่อเป็นทางนำไปสู่โลกภายนอก เมื่อใดก็ตามที่เขาหิวเขาจะกินเผือกและดื่มน้ำจากน้ำที่ค้างบนใบไม้ และด้วยวิธีนี้เอง หลิวกัวเจียงก็ค่อยๆ สร้าง "บันได" แห่งความรัก ด้วยดินโคลนและท่อนไม้เพื่อทำเป็นบันไดตรงหน้าผา หรือที่เรียกว่า “บันไดสวรรค์”

    โดยบันไดที่เขาสร้างนี้มีทั้งหมด 6,208 ขั้น เพื่อสร้างบันไดและทางเดินเหล่านี้ หลิวกัวเจียงใช้เวลาไปทั้งหมดครึ่งศตวรรษ หรือ 50 ปี 

    ไม่เพียงเท่านี้ เนื่องจากไม้ที่เขาหามาทำ บางอันสึกกร่อนทำให้ต้องเสียไปอีก 20 กว่าท่อนไม้ แต่หลิวกัวเจียงก็ไม่เคยคิดท้อแท้ เขาพยายามทำถนนบนภูเขาเพื่อจะสามารถให้ภรรยาและครอบครัวเดินออกไปไปสู่โลกภายนอกได้อย่างสะดวก

    และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ แต่ทว่าเมื่อเขาทำสำเร็จแล้ว อายุของเขาก็มากขึ้นแล้วเช่นกัน หลายคนบอก ยากที่ะจินตนาการว่าหลิวกัวเจียงเขาทำงานหนักขนาดนี้ได้อย่างไร ทุ่มเทติดต่อกันหลายปี เพื่อให้ภรรยามีบันไดและทางเดินออกสู่โลกกว้าง นี่สินะที่เขาเรียกว่า พลังแห่งความรัก!

    ชวี่เจียวชิง ภรรยาที่รักของเขากล่าวว่า “ฉันรู้สึกสงสารเขาเป็นอย่างมาก ที่ลงทุนหลายปีทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างทางเดินและบันไดให้ฉันได้เดินออกจากป่าไปสู้โลกกว้างอย่างปลอดภัย” แต่ด้านหลิวกัวเจียงก็ตอบเพียงสั้นๆว่า “ขอเพียงแค่ผมยังขยับตัวได้ ผมก็จะทำต่อไป”

    ดูแล้วความรักของทั้งคู่ไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ ไม่มีน้อยลง มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นความรักที่หายากมาก และสิ่งที่เป็นอนุสรณ์สำหรับความรักของทั้งคู่ก็คือ บันไดสวรรค์แห่งนี้เอง

    และในวันที่ 18 เดือนธันวาคม ปี 2007 หลิวกัวเจียงก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ เหลือไว้เพียงบันไดสิ่งก่อสร้างที่เขาทำไว้ 

    แม้ว่าหลิวกัวเจียงจะจากไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นบันได้นี้ก็จะทำให้นึกถึงเขา และรู้สึกเหมือนเขายังอยู่ข้างๆกายเสมอ

.

.

ที่มา : adqoo | เรียบเรียงโดย LIEKR