กำลังจะมีคอนเสิร์ตครั้งใหญ่สำหรับ 35 ปี ของกวีศรีชาวไร่ "น้าหมู-พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ" โดยล่าสุดที่เฟสบุ๊คของน้าหมู ได้เผยเรื่องราวชีวิตของตนเมื่อครั้งเป็น "มะเร็งลำไส้" ถึงขั้นฟุบล้มคาเวที!

        น้าหมูเล่าต่อว่าชีวิตนักดนตรีของตนเองก็ไม่ต่างอะไรไปจาก "คนธรรพ์" ที่นั่งอยู่บนเมฆเมื่อเมฆลอยไปทางไหนก็ต้องลอยไปทางนั้น…

        "เพราะฉะนั้นผมจะล่องลอยไปกับวิถีชีวิตของผู้คนมากมาย กินใช้ชีวิตอะไรก็ได้ที่ไปตกอยู่ตรงนั้น ต้องทำอยู่ตรงนั้น ไปตกอยู่ที่ที่เค้ากินของดิบ ผมก็ต้องกินของดิบ ไปตกอยู่ที่กินสเต๊กที่เป็นลักษณะไฮโซ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ไปตกอยู่ที่เค้ากินไวน์ขวดละ 3 หมื่น ก็ต้องกินกับเค้า ไปตกกินเหล้าป่าเพียวๆ ก็ต้องทำอย่างนั้น" 

.

        “เพราะฉะนั้นชีวิตมันสิ้นเปลือง การที่เราเดินทางไปตามวิถีของนักร้องนักดนตรีพเนจร จนวันหนึ่งเกิดอาการที่ร่างกายไม่ไหวแล้วเล่นๆ อยู่ก็ฟุบล้มถูกหามเข้าโรงพยาบาล..."

        "คงจะเป็นโชคดีกับโชคร้ายร่วมกัน เพราะว่าหมอคนนั้นเป็นรุ่นน้องเรียนโรงเรียนเดียวกัน เค้าก็เลยบอกว่าพี่ไม่ต้องคิดมาก ต้องเอากล้องแหย่เข้าไปในร่างกายผมว่างร่างกายพี่ข้างในมันมีปัญหามากแล้ว" 

        “เอ้าก็ยอมเค้า เค้าก็วางยาสลบเอากล้องแหย่เข้าไปก็เจอว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องผ่าตัดไม่เกินในหนึ่งเดือนนี้ เพราะว่ามันจะลุกลามเข้าไปขั้นสุดท้ายแล้ว...

        มันอึ้งเหมือนกันนะคำว่ามะเร็ง มันเป็นเรื่องที่มนุษย์ทั้งโลกคงจะอึ้งนะถ้ารู้ตัวเองเป็นมะเร็ง แต่ผมก็มีสติเพราะว่าผมเป็นคนที่อยู่คนเดียวใช้ชีวิตที่ดูแลตัวเองเดียวมาตลอด ฉะนั้นพอเกิดเรื่องอะไรทุกครั้งก็จะรู้สึกว่านิ่งสักพักแล้วก็จะกลับขึ้นมาได้เร็ว ผมก็เลยบอกหมอว่าก็ได้ครับ”

        และได้เผยว่าขายบ้าน ขายมอเตอร์ไซค์ ขายม้า ขายทอง แต่ก็ยังไม่พอกับค่ารักษา "ผมนอนผ่าตัดในโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย แต่ต้องใช้จ่ายผมขายบ้านไปหลังหนึ่ง ขายรถไปสองคัน ขายมอเตอร์ไซค์ฮาเลย์ไปคันนึง ขายม้าอีก 2 ตัวไม่พอ ยืมเพื่อนอีกก้อนหนึ่งมีทองอยู่ 20 บาท จนขายทุกอย่างจนหมด แล้วก็ผ่าตัดทำทุกอย่างให้กลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราคาเท่าไหร่ไม่เกี่ยง"

        “ผ่าตัดเสร็จก็ยังไม่จบแค่นั้นนะ หมอบอกว่าเราแค่ทลายรังโจรออกมา เหมือนกับมันมีรังโจรอยู่ในลำไส้เรา พอเราทลายรังโจรแต่มันอาจจะมีโจรบางคนลูกสมุนสัก 2-3 ตัว ที่ตอนนั้นมันไม่อยู่อาจจะออกไปปล้นหรืออาจจะออกไปสอดแนมไปทำอะไรก็ได้ที่ไม่อยู่ในรัง ไม่อยู่ในซ่องโจร พอเราทลายรังโจรมันก็อาจจะยังเล็ดลอดอยู่ มันยังไม่ตาย ก็ต้องทำคีโมอีกโหเรื่องใหญ่ทำคีโมอีก 8 ครั้ง”

        “ผมเคยไปคุยกับคนที่เค้าทำคีโมคนมี่ผมรู้จักที่เป็นมะเร็ง โอ้โหมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยุ่งยากมาก และน่ากลัวมาก เพราะว่าเคมีที่ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดมันจะทำลายทุกอย่างที่มันเจอ จะเป็นเซลล์ที่ดีมันก็ฆ่าหมดเซลล์ที่เลวมันก็ฆ่าหมด ร่างกายเราจะสูญเสียไปเยอะมาก ผมทำไปครั้งหนึ่งมันเจ็บปวดมากร่างกายมันแบบมันแทบจะไม่ไหว ครั้งที่ 2 นี่เกือบตาย ผมหยุดหายใจไปสองวินาทีหัวใจหยุดเต้นไป 2 วินาที หมอต้องรีบกระตุ้นขึ้นมาให้หายใจคืน” 

        “ครั้งที่ 3 นี่น่ากลัวมาก ผมเลยตัดสินใจว่าผมจะทำต่อดีมั้ย ผมไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งของ ดร.คนญี่ปุ่นคนหนึ่งผมจำชื่อท่านไม่ได้ เป็นคนที่ทำงานกับองค์การนาซ่า เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านมะเร็งลำไส้มาก ท่านบอกว่าแค่ 3 ครั้งก็พอ ถ้าผ่าตัดไปแล้ว ตรวจไม่เจอเชื้อ ตรวจในต่อมน้ำเหลืองไม่เจอ แสดงว่ามันไม่มี เพราะว่ามะเร็งลำไส้ร้อยละ 98 เปอร์เซ็นต์ มันจะไม่ระบาดมันจะไม่ลุกลาม นอกจากคนที่ร่างกายแย่มากจริงๆ ถึงจะลุกลาม...

        ผมก็เชื่อท่าน ตอนนี้ไม่รู้ในตัวตนเองยังมีเชื้อมะเร็งมั้ยแต่ที่รู้แน่ๆ คือมีกำลังใจจากแฟนเพลงที่ถือได้ว่าเป็นยาที่สำคัญมากๆ…”

        "แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ผมมีคือ แฟนเพลงทุกทั่วสารทิศเลยนะโพสต์เข้ามาในเฟซบุ๊กผม ในไลน์ ในข้อความ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน้าหมู อย่าตายนะยังฟังเพลงไม่ครบเลย น้าหมูกลับมาร้องเพลงให้เราฟัง มาร้องให้ครบทุกเพลงก่อนค่อยตาย”

        "โห …มีตั้ง 200 กว่าเพลงเนี่ยนะนี่…ร้องได้แค่ 60 เพลงเอง (หัวเราะ) เออคงจะมีชีวิตรอดนั่นแหละคือยาที่ดีที่สุด นั่นแหละคือพลังที่ดีที่สุดที่ผมลุกขึ้นมาได้จนถึงวันนี้ เพราะแฟนเพลงทุกคนบอกว่าอย่าเพิ่งตาย อยากฟังเพลงมันคือยาที่ผมยืนมาได้ เเละคอนเสิร์ต 35 ปีนี้ น่าจะเหมาะกับผมเพราะไม่รู้ว่าปีต่อไปมีโอกาสมีชีวิตรอดไหม รายได้ส่วนหนึ่งจะเเบ่งไปให้โครงการนักเเต่งเพลงที่เป็นมะเร็งครับ..."

.

ชมคลิปเพิ่มเติม...

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ข้อมูลและภาพจาก classyfanclub