ที่ผ่านมาหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินคำพูดเกี่ยวกับเรื่องการำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลมาแล้วว่า การไปทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่กลางทะเลนั้น จะได้รับเงินค่าตอบแทนสุงกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนปกติทั่วไปหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

        แต่ก็ยังไม่ได้มีการยืนยันว่าเรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ คงมีแต่การแชร์บอกปากต่อปากกันไป และเราก็เชื่อว่าหลายๆ คนก็ยังสงสัยใคร่รู้ว่า การไปทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลนั้นเงินเดือนสูงจริงหรือไม่และต้องทำงานหนัก เหนื่อย แค่ไหนต้องสูญเสียอะไร ได้อะไรบ้าง

        ทุกๆ คนยังสงสัยอยากรู้เหมือนเราไหม ถ้าใช่วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปไขความลับเรื่องนี้ โดยเราได้นำข้อมูลบทความที่แชร์ประสบการณ์การไปทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลของชายหนุ่มคนนึง ที่ครั้งนึงเขาได้เข้าไปทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลนี้มาแล้ว และบทสรุปเรื่องราวที่เขาแชร์เล่าให้ฟังนั้นจะเป็นอย่างไร มาอ่านกันได้เลย

        คุณคิดว่าคุณจะได้เงินเดือนเท่าไหร่จากงานนี้ คุณจะยอมแลกอะไรบ้างกับมัน เช่น เวลา อิสรภาพ ความเสี่ยงของชีวิต หรือคนรัก คุณลองนึกคำตอบไว้ในใจแล้วมาดูกัน

1) คลื่นชีวิตของมนุษย์แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล จากเก็บเงินหลักแสนสู่หลักพัน
        ผมได้ทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลมาเป็นเวลาถึง 3 ปี เงินเดือนที่ได้รับมากถึง 6 หลักเลยครับ แต่ก็ต้องแลกด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่จะสูญเสียไป ทั้งอิสรภาพในชีวิตเพราะต้องทำงานอยู่ที่บนแท่นขุดน้ำมันแม้ว่ามันจะแสนสุขสบาย

        มีคนคอยทำความสะอาดห้องให้ ซักเสื้อผ้าให้ มีของกินดีดี ระดับที่มีเชฟโรงแรมมาทำให้กิน มีห้องฟิตเนสให้เล่น มีสนามฟุตซอลให้ได้ออกกำลัง มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้ทำมากมายก็เถอะ แค่เพียง 3เดือน มันก็จะเริ่มวนซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็จะเริ่มเบื่อ เหมือนเราเป็น “นกน้อยในกรงทอง”

2) ทางเดินที่ต้องเผชิญที่มีมากกว่าคลื่นลมทะเล
        การทำงานอยู่กลางทะเลนั้น นอกจากจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงรอบตัวแล้ว เพราะคืบก็คือทะเล ศอกก็คือน้ำมันเชื้อเพลิงและยังต้องเผชิญกับเรื่องราวของจิตใจ เรื่องที่ผมเจอยังถือว่าน้อย

        แค่เลิกกับแฟนเพราะห่างกันไม่มีเวลาให้ คือ มีเวลาอยู่ด้วยกัน 3 เดือน ก็ต้องออกมาทำงานอยู่กลางทะเล 3 เดือน (ผมก็เข้าใจผู้หญิงนะที่ต้องการเวลา ความใกล้ชิด ต้องการคนดูแล) แต่คนอื่นๆ ที่อยู่บนแท่นน้ำมันนี้ บางคนหนักหนาสาหัสกว่าผมมาก บางคนสูญเสียคนในครอบครัว ไม่ได้มีโอกาสกลับไปดูใจกันด้วยซ้ำไป เพราะจะเดินทางเข้าออกแท่นน้ำมันแต่ละครั้งต้องรอ เฮลิคอปเตอร์มารับออกไปเท่านั้น

3) ระหว่างเงินกับเวลา 5 ปี เป็นคุณจะเลือกอะไร
        มาขุดเงินขุดทองกลางทะเลแบบนี้ผมว่าเหมาะกับหนุ่มที่โสดไฟแรง เข้ามาทำงานกอบโกยเงินกลับไปสัก 3-5ปี พอมีเงินเก็บสักล้านค่อยกลับขึ้นฝั่งไปใช้ชีวิตทำงานตามปกติอื่นๆ

        แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่จะเก็บเงินได้จริงๆ ที่ผ่านมาผมเห็นหลายคนพอได้กลับขึ้นบกก็ใจแตก ใช้เงินเป็นเบี้ย หมดไปกับการกินเที่ยว สุรา นารี ไม่เหลืออะไร ที่ว่าเงินเดือนเยอะได้มามากก็กลับไม่เหลือเงินมากอย่างที่คิดไว้ ที่เห็นว่าเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำจริงๆ นั้น ก็คือส่งให้ครอบครัว ส่งให้เมียเป็นคนเก็บ (แต่ที่แย่กว่านั้นคือส่งให้เมียไว้เก็บแต่เมียกลับไปเปย์เด็กซะอย่างนั้น)

        ส่วนในตัวผม ปีแรกก็เสียไปเยอะหมดไปกับ มอไซด์บิ๊กไบค์บ้าง รถยนต์บ้าง ผ่านมาถึงปีที่ 3 ถึงจะเริ่มคิดได้ ก็หันไปซื้อบ้านเตรียมไว้เป็นเรือนหอ (ตอนนั้นยังไม่ได้เลิกกับแฟน) จึงค่อยมีสมบัติเป็นชิ้นเป็นอันกับเขา

4) มีพระอาทิตย์ขึ้นก็ต้องมีพระอาทิตย์ตก บนเส้นทางของสายอาชีพนี้ก็เช่นกัน
        พอเก็บเงินซื้อบ้านได้ไม่ถึงปีก็มี ซองขาว ทันทีเหตุการณ์วันนั้้นคือผมได้ขึ้นฝั่ง มาได้เพีียงวันเดียว ฝ่ายบุคคลก็บอกว่า “รอบหน้าไม่ต้องลงไปแล้วนะ” และก็มีเอกสารมาให้เซ็นต์ พร้อมเงินค่าชดเชย คนกว่าครึ่งนึงที่ทำงานด้วยกันก็เผชิญชะตากรรมเดียวกันกับผม เส้นทางอาชีพนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้น ราคาน้ำมันดีเราก็อู้ฟู่ ราคาน้ำมันร่วงเราก็ร่วงตาม

        ผมตกงานประมาณ 1 ปี เพราะยึดติดกับเงินเดือนเยอะๆ พอมาหางานปกติในสายอาชีพอื่น เขาไม่ได้ให้เงินเดือนสูงเท่าที่เคยทำงานบนแท่นขุดน้ำมัน จนกระทั่งเงินชดเชยที่ได้รับใกล้จะหมด จึงทำใจยอมรับงานที่เงินเดือนลดลงกว่า 1 ใน 3 ของเงินเดือนที่ได้บนแท่นขุดน้ำมัน

5) คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ที่มีเงินมากหรือว่ามีความสุขกันแน่
        ในระหว่างที่ตกงาน ผมได้เจอผู้หญิงคนนึงในปัจจุบันก็คือแฟนผมนี่แหละ (ผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่หลอกเอาเงินจากผม เพราะผมไม่มีเงินจะให้หลอก) เมื่อเงินเดือนน้อยลง ก็เหมือนเราจะบังคับตัวเองให้มีวินัยทางการเงินได้ดีขึ้นเพราะเงินที่เคยมีเก็บเป็นแสน ก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่พัน เมื่อก่อนนี้เงินหลักพันนี้ ผมใช้แบบไม่ต้องคิดอะไร แต่เดี๋ยวนี้เงินหลักพันถ้าไม่คิดไม่วางแผนการใช้มันจะละลายหายไปไม่เหลือสักบาท

        แต่มันก็แลกได้กับการที่เราจะมีเวลาอยู่กับคนที่เรารักมากขึ้น ได้พบได้เจอหน้าพ่อแม่ทุกวัน ได้เจอเพื่อนที่เมื่อก่อนนานๆ จะเจอกันสักครั้ง เวลาที่มีเหลือหลังจากเลิกงาน วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้เอาไปเรียนรู้เพิ่มเติมต่อยอดพัฒนาตัวเอง ถ้ายังทำงานบนแท่นขุดน้ำมัน ผมคงไม่มีโอกาสตรงนี้

6) ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นี้ ยังมีดวงดาวอีกมากมาย
        บนท้องฟ้าของผมมันยังกว้างยิ่งขึ้นไปได้อีก เมื่อเรามีรายรับที่น้อยลงก็ทำให้เรารู้จักเก็บรู้จักวินัยในการใช้จ่าย หลังผ่อนบ้านก็ยังมีเงินเหลือพอจะเก็บ เรียนรู้การลงทุนจากเพื่อนที่เป็นโบรคหุ้น ผมโชคดีที่เจอเพื่อนที่เป็นมาร์เก็ตติ้งที่ดี ไม่ได้เชียร์แค่ให้ซื้อๆ ขายๆ เพื่อที่จะได้ค่าคอมฯ (ตอนที่ทำงานอยู่บนแท่นขุดน้ำมัน ผมก็เล่นหุ้นนะ แต่ไม่ได้มีเวลาศึกษามากนัก เล่นหุ้นแบบเล่นการพนัน ก็เสียไปหมดไป เดือนหน้ามีเงินก็มาลงเล่นใหม่)

        แต่เพื่อนผมแนะนำให้ผมเก็บหุ้นดีแทนเหมือนเก็บเงินเป็นเงินฝากไว้ และโชคดีอีกอย่าง ผมได้เรียนรู้จักคำว่า “High Risk, High Return” (คือการที่จะมีโอกาสได้เงินสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสุงเช่นกัน) มันก็มากจากการทำงานบนแท่นขุดน้ำมันนั้นไงครับ

        สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้คนที่โดนเท (Lay Off) ไม่ว่าจะสายอาชีพไหนให้คิดเสียว่าได้ออกจากรงทอง นกต้องน้อยอย่างเราก็จะได้รู้จักท้องฟ้าสายลมที่กว้างใหญ่กว่าในกรง ยังมีดวงดาวและอื่นๆ รอให้เราไปรู้จักไปค้นหา “มันไม่สำคัญว่าเราจะหาเงินได้เท่าไหร่ ที่สำคัญกว่านั้นคือเราเหลือเก็บเท่าไหร่ และที่สำคัญที่สุดคุณมีวินัยในการใช้เงินหรือไม่”

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก FinanceFit