เรื่องราวที่ยังคงความประทับใจให้กับใครหลายคน กับคำว่า "ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว" เป็นคำบอกเล่าของ “ปัญจพล เสน่ห์สังคม” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลจังหวัดปัตตานี และได้ย้ายเข้ามาประจำการที่ศาลจังหวัดปทุมธานี

        "ประมาณ 17:00 น. ผมเดินลงมาจะกลับบ้าน เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เพิ่งถูกตัดสิน รถกำลังติดเครื่องรอขนพวกเขาไป หญิงรายหนึ่งกำลังนั่งน้ำตาไหล ผมจึงสอบถามได้ความว่า แม่และน้องถูกกล่าวหา ฐานมีพืชใบกระท่อม ศาลจึงสั่งปรับเป็นเงินคนละ 7,500 บาท"

        เธอจะประกันตัวต่อ ก็ไม่มีเงินจ่ายค่านายประกันอาชีพ เธอจึงกลับบ้านไปหยิบยืมเงินมาได้ 6,000 บาทก็ไม่พอเสียค่าปรับ ซ้ำนายประกันอาชีพก็ไม่ช่วย แถมยังบอกอีกว่า ถ้าจะให้ช่วยก็ต้องไปหาคนมาค้ำประกัน จึงจะยอมยื่นประกันชั้นอุทรให้

        จึงทำให้เธอนั้นหมดหนทางที่จะช่วยแม่และน้อง ได้แต่นั่งโทษตัวเองว่าช่วยแม่และน้องไม่ได้เลย ผมจึงบอกไปว่าให้ยื่นคำร้องขอประกันตัว เพื่อออกไปหาค่าปรับมาชำระเงิน 6,000 บาท ที่มีอยู่ก็ให้เอาเป็นเงินประกัน

        ผู้หญิงคนนี้บอกกับผมมาว่า ศาลปิดทำการไปแล้ว ผมบอกกลับยังไม่ปิด เธอเถียงว่าปิดแล้วก็เจ้าหน้าที่บอก ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวผมสั่งเปิดให้ ผมหันไปบอกกับคุณเล็กว่า จัดการเรื่องนี้ให้หน่อยเดี๋ยวผมสั่งปล่อยเอง

        คุณเล็กจัดการให้เสร็จ แล้วก็ปล่อยคุณแม่ของเธอ ผู้หญิงคนนี้ยกมือไหว้ผมอยู่หลายครั้ง ผมบอกกับเธอว่า "ผมเป็นผู้พิพากษาของพระเจ้าอยู่หัว" และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทความสุดประทับใจที่ควรค่าเก็บไว้ในความทรงจำ

        นายปัญจพล เสน่ห์สังคม พื้นเพแล้วเป็นคนปักษ์ใต้ เกิดที่อำเภอร่อนพิบูลย์จังหวัดนครศรีธรรมราช เส้นทางชีวิตเหมือนได้รับลิขิตมาบนเส้นทางนักกฎหมาย ผ่านรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหงคณะนิติศาสต ร์และยังจบกฎหมายมหาชนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทยจากสำนักอบรมและศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา

        เข้ารับปฏิบัติงานด้านกฎหมายทั่วสารทิศ ตั้งแต่เป็นทนายความ ก่อนขยับสู่ตำแหน่งผู้พิพากษาศาลแพ่ง กรุงเทพพระนครศรีอยุธยา ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ศาลจังหวัดปัตตานี ศาลจังหวัดปทุมธานี ท่านยังเป็นอาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และอาจารย์พิเศษ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

        "ชีวิตของผม เกิดมาชาติภพหนึ่ง ไม่รู้จะไปวันพรุ่ง แต่ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ก็อยากจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด" นั่นคือคตินำชีวิตการทำงานของผู้พิพากษาท่านนี้

ที่มา : taibann