"จิ้งหรีดขาว" เจอรักซ้อนซ้ำๆ กำลังจะหมั้น เมียเขาก็โผล่มา เมื่อรักแท้ไม่มีจริง ก็เจ้าชู้ซะเลย

LIEKR:

"ใครมาบอกผู้ชายมีลูกมีเมียแล้ว ก็ไม่เชื่อ หน้ามืดตามัวปิดหูปิดตา" #จิ้งหรีดขาว เล่า

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        เป็นอีกหนึ่งนางเอกลิเดชื่อดังที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนาน สำหรับ "จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ"

        โดยล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจถึงเรื่องราวความรักบาดแผลในใจที่ไม่อาจลืมเลือน เคยเกือบจะได้หมั้นกับผู้ชายที่มาดูลิเกที่ตัวเองแสดงทุกวัน แต่มีอันต้องเลิกลาเพราะเกิดไปรักผู้ชายที่ไปเจอหน้ากันแค่วันเดียวขณะที่ทุกคนเตือนแล้ว บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ มีลูกมีเมียแต่ตนก็ไม่เชื่อ พอรู้ความจริงทำใจไม่ได้จนเกือบคิดสั้น ผ่านทางรายการ Club Friday Show

 

Sponsored Ad

 

        โดย จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ ได้เผยว่า ตนเป็นแฟนคลับของพี่อ้อยพี่ฉอดมาก ๆ เพราะชอบฟังเรื่องความรัก ทำไมมันโดนใจขนาดนี้ชอบฟัง ชอบดูเป็นแฟนรายการด้วย เพราะว่าเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเลย เป็นคนที่คิดกับตัวเองตลอดเวลาว่าไม่ใช่คนสวยเลย แต่ว่าอาจจะเป็นคนน่ารัก (หัวเราะ) เพราะตัวไม่สูงมากจมูกไม่ค่อยมีแต่ได้ขาวอย่างเดียว มีความรู้สึกว่าเราไม่ใช่คนสวยเพราะว่าพี่ของเราสวยมาก มันมีข้อเปรียบเทียบเยอะมาก ตอนสมัยเด็ก ๆ คิดอย่างนั้นแต่พอเริ่มโตแล้วก็แต่งได้ เสริมจมูกได้อะไรอย่างนี้ ก็ดูดีขึ้น

 

Sponsored Ad

 

มาเป็นนางเอกลิเกได้ยังไง ?

        จิ้งหรีดขาว : "ตระกูลของ จิ้งหรีดขาว เป็นลิเกหมดเลย คุณพ่อเป็นครูลิเก คุณแม่ไม่ใช่ลิเก แต่ก็เป็นครอบครัวลิเก เหมือนเราตั้งแต่เราลืมตาตื่นมาก็เห็นหนูก็เห็นแสงเพชรสะท้อนเข้าตาแล้ว เราก็คิดว่าชีวิตเราเกิดในตระกูลที่รวยหรือเปล่าเพชรมันแสบหูแสบตามากเลยตอนเด็ก ๆ แต่พอลืมตาขึ้นมาเพชรลิเกเต็มไปหมดเลยค่ะ เล่นลิเกจริง ๆ คือตอน 4 ขวบค่ะ เพราะเหมือนเป็นธุรกิจครอบครัวเพราะทุกคนเป็นหมดแล้วเราเกิดมาในตระกูลลิเก ก็ต้องเป็นตามเขาเลย ส่วนที่มาของชื่อ จิ้งหรีดขาว คือตอนแรกมาจาก จิ้งหรีด คือ ชื่อเล่นของเราก่อนค่ะ เราก็ถามแม่ว่าทำไมเราต้องชื่อ จิ้งหรีด ด้วยเพราะเพื่อนล้อ แม่ก็บอกว่าเพราะตอนเด็กเราร้องไห้เก่งมาก งอแงมาก ก็เลยชื่อ จิ้งหรีด ก่อนแล้วมันมีฉายาเกิดขึ้น คือ กระต่ายขาวอย่างนี้ เราเลยมาตั้งของเราว่าเป็น จิ้งหรีดขาว"

 

Sponsored Ad

 

ทุกวันนี้ยังเล่นลิเกไหม ?

        จิ้งหรีดขาว : "ยังเล่นอยู่เพราะความอยากเล่น และที่เพิ่งตั้งคณะตัวเองก่อนโควิด เพราะว่าเจ้าภาพเขาบนลิเกเรา จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เราก็บอกว่าไปหากุ้ง สิคะเรารับเชิญ กุ้ง สุธิราช (ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งคณะ) เพราะ กุ้ง มีคณะเราคือรับเชิญไปเล่นที่คณะเขา แต่สรุปแล้ว เจ้าภาพบอกว่าจะแก้บนคณะจิ้งหรีดขาว ซึ่งตอนที่เรายังไม่ได้ตั้งคณะเราทิ้งงานเราไปประมาณ 50 คืน แล้วที่ผ่านมาคือ วันเกิดก่อนโควิดมีคนโทรมาถามว่ารับไหม ๆ จะแก้บนเราก็ถามแม่เลย แม่คะ อยากจะตั้งคณะแม่ว่าไง เราก็มีอายุแล้วแล้วอีกอย่างรากเหง้าของเราก็เป็นลิเก แม่บอกตั้งเลย เราเลยตั้งเลยเดือนหนึ่ง 5-6 คืนก็แฮปปี้แล้ว"

 

Sponsored Ad

 

ด้วยความเป็นนางเอกลิเกต้องมีหนุ่ม ๆ ที่มาดูมาชื่นชม ชื่นชอบเยอะ คนมาจีบเยอะไหม ?

        จิ้งหรีดขาว : "เยอะมากค่ะ ณ ตอนแรกที่เราเริ่มเป็นนางเอกคือ มีคนมาจีบมาชอบเยอะมาก แต่ครั้งแรกในชีวิตที่มีผู้ชายมาจีบ อันนี้เหมือนเด็กแก่แดดนิดนะคะ อายุประมาณ 13-14 ปี เราไม่ได้ชอบเขา เขามาชอบเราด้วยที่บ้านเป็นลิเกแล้วมีความยากจนมาก เวลาพักช่วงหน้าฝนเราก็ต้องหาอาชีพมาทำ คุณแม่ ขายของตลาด ส่วนเราเวลาตี 4-5 ไปรับจ้างเขาขายของซึ่งผู้ชายคนนี้เขาเป็นลูกเจ้าของ ซึ่งเราก็ไปขายวันละ 20-40 บาท เราก็ไปรับจ้างเขา แล้วเขาดูแลเราดีมากหนูกินอะไรไหม ดูแลเราดีมากซึ่งเขาเป็นเจ้าของ (ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนางเอกลิเกนะคะ แต่ก็เริ่มแสดงบ้างแล้ว) และในเวลาเดียวกันที่มีคนมาจีบเราก็มีคนมาจีบพี่สาวเราด้วย ซึ่งพี่สาวเราคือคนที่สวยมากซึ่งคนที่มาจีบพี่สาวเราคือหล่อมากแต่สุดท้ายผู้ชายที่มาจีบพี่สาวถูกผู้หญิงจับเลยต้องเลิก เลยทำให้เรารู้สึกว่าหล่อสวยขนาดนี้ยังเลิกกันไปมีคนอื่น เราเลยคิดเองว่าต่อไปถ้าจะมีแฟน คือ ต้องไม่หล่อ"

 

Sponsored Ad

 

แล้วที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริง ๆ คือ ตอนไหน ?

        จิ้งหรีดขาว : "ตอนนั้นเป็นนางเอกเต็มตัวแล้วมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขามาดูลิเก ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเขามาชอบเราเพราะเขามาดูทุกครั้งเขาจะมากับผู้หญิงหลายคน และเขาเป็นเจ้าของร้านทอง ซื้อของมาให้เราทุกวัน ให้รางวัลเรามากมาย เขามาดูเราทุกวัน 8-9 ปี เขาสามารถรู้แล้วว่านางเอกคนนี้ร้องกลอนนี้อย่างไรได้แล้ว ตอนแรก ๆ มาดูก่อนแล้วพอ 3 ปี เริ่มจีบเราแล้วออกตัวว่าชอบเรา เราชอบเขานะแต่ไม่กล้าจะเปิดใจแต่พอเวลาผ่านไปสัก 5 ปี (ซึ่งในระหว่างความสัมพันธ์ 5 ปี ได้มีการพูดคุยกันค่ะ ก็แบบพอเล่นลิเกเสร็จก็มานั่งคุยกัน ถ่ายรูปแล้วก็แยกย้ายกันกลับไป) ความสัมพันธ์ 5 ปี ประมาณนี้ค่ะ อาจจะมีคุยโทรศัพท์กันบ้าง แต่ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่พอมาปีที่ 6-7 เริ่มไปบ้างมารับไปทานข้าวใกล้ ๆ บ้าน ซึ่งการที่อยู่กับเขาคือ แค่ชั่วโมง 2 ชั่วโมงเองแล้วก็แยกย้าย ตอนนั้นเราก็เริ่มรักขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเขามานะมาก ๆ แล้วเราก็เห็นใจเขาก็เหมือนทุกคนรอบข้างก็เริ่มรู้ว่าชอบกัน จนพี่น้องเชียร์หมดเลย เข้าปีที่ 8 เขาก็คุยกับพี่น้องเราทุกคนว่าหมั้นก่อนไหม เขาก็เตรียมซื้อของเลยว่าเราชอบอะไร ชอบสร้อยข้อมือเพชร ชอบเพชรเขาก็ซื้อ ซึ่งตอนนั้นเราก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าหมั้นไว้ก่อน 4-5 ปีแล้วค่อยแต่ง พอสรุปมีอยู่วันหนึ่ง เขาพาหนูไปที่ใดที่หนึ่ง แล้วเราได้ไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง เราเจอผู้ชายคนนั้นเรารู้สึกว่า ฉันรักผู้ชายคนนี้จัง ฉันอยากจะเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนที่หล่อมากหล่อเกินจะบรรยาย ฉันรักผู้ชายคนนี้และอยากเป็นแฟนผู้ชายคนนี้"

 

Sponsored Ad

 

แต่คนที่เพิ่งเจอเขาเป็นคนแปลกหน้าไหม หรือได้เจอได้คุยกันอยู่แล้ว ?

        จิ้งหรีดขาว : "เขาไม่ได้แปลกหน้านะคะ แต่มาเจอตัวจริงเขาที่นี่ เหมือนได้เคยเจอเขาตามภาพ ตามอะไรบ้าง เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีอะไรที่ครบอยู่แล้ว เรารักเขาเลย (เป็นครั้งแรกที่เกิดความรักเลย) และในวันที่ไปเจอเขาคือ เขาก็ขอเบอร์โทรศัพท์เราไป และในระหว่างที่เรานั่งรถกลับคือมันรอ ใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรมา ทั้ง ๆ ที่เราอยู่ข้าง ๆ แฟน แต่ใจเรารอเขาโทรมา แล้วพอถึงบ้านเขาก็โทรมาจริง ตอนนั้นคือใจเราสั่น หน้าเราแดง คือ นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า ความรัก ตอนนั้นที่เราใกล้หมั้น เขาหอบตะกร้าผ้าย้ายมาอยู่บ้านเราเลย แต่แยกกันนอนนะคะ ไม่ได้ลองอยู่ด้วยกันเขามาอยู่บ้านเรา 1 วัน ทานข้าวคุยกันมันเหมือนไม่ใช่ แล้วมาประจวบเหมาะกับที่เรามาเจอผู้ชายคนนี้ด้วย"

Sponsored Ad

เพราะที่รู้สึกว่าไม่ใช่เพราะว่าเราเจอผู้ชายคนใหม่ด้วยหรือเปล่า ?

        จิ้งหรีดขาว : "หนึ่งเลยคือใช่ สองมีอาการรักเขาไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนดี อยู่ด้วยแล้วอึดอัด เรานิสัยไม่ดีเลย เพราะเราเริ่มอึดอัดไม่คุยกับเขา เริ่มแบบไม่อยากหมั้นแล้ว สุดท้ายก็คือ ไม่หมั้นกับเขา แต่เราไม่ได้บอกเลิกนะ เรามีวิธีการของเราเพราะด้วยอาชีพของเราเวลาเราบอกเลิกใครเขาจะเสียใจมาก เราไม่ต้องการให้ใครเสียใจเราเลยบอกเขาว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาอึ้งเลย เขาคงรู้ว่าเราเจอผู้ชายคนนี้ เราคงแสดงออกอาการให้เขาเห็น เราก็พยายามพูดหว่านล้อมให้คนที่จะขอไม่หมั้นเขานะว่าตัวเอง หนูมีความรู้สึกว่าอยากแสดงลิเกต่อ ยังไม่อยากเสียความแบบ อิสระ อยากเล่นลิเกไปก่อน รอได้ไหม คือ คำของเราที่บอกกับเขาถึงเวลาแล้วค่อยหมั้นค่อยแต่ง"

ความตั้งใจของการพูดประโยคนี้คำว่า รอ เราตั้งใจอยากให้เขารอจริง ๆ หรืออยากจะเลิก แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ?

        จิ้งหรีดขาว : "เอาจริง ๆ อยากเลิกแต่ว่าการพูดที่มันไม่เจ็บช้ำน้ำใจกันจนมากเกินไป เขาก็ให้ตามคำที่เราขอ และก็อยู่รอเหมือนเดิมเขารอเราอีกประมาณ 7- 8 ปี เขาก็แต่งงานเพราะเขารู้ว่ามันหมดแล้ว"

แล้วอีกคนที่เราลุ่มหลงเขาขนาดนั้นเราได้มีโอกาสสานสัมพันธ์ต่อไหม ?

        จิ้งหรีดขาว : "สานค่ะ คือต้องยอมรับว่าเราหลงคนนั้นมากใครเตือนก็ไม่ฟังว่าผู้ชายคนนี้มีลูกมีเมียแล้ว ซึ่งตอนนั้นเราเป็นแฟนเขาแล้ว และ ครอบครัวก็รับรู้ พอมีคนเตือนเราโทรไปถามเขาเลยกระแสเป็นแบบนี้นะ มีลูกมีเมีย หรือยัง เขาจะยืนยันกระต่ายขาเดียวเลยคือ ไม่มี รักหนูคนเดียว คุยกันแบบนี้สื่อสารกันแบบนี้คุยโทรศัพท์บ้างเป็นแบบนี้ 2 ปี แล้วคือ ผู้ชายคนนี้ให้ใครเห็นก็หลงเพราะเขามาบ้านเราครั้งแรกเขากราบเท้าพ่อแม่เราฝากตัวเองเป็นลูกเลย แล้วเขาก็มีเงิน หน้าตาดีทุกอย่างพร้อม พ่อรักเขามาก แต่แม่ไม่เพราะแม่เขารู้แม่ก็เตือนว่าจะยืดเหรอ แล้วในเวลา 2 ปี พ่อเราเป็นมะเร็งเขาดูแลพ่อดีมาก เขาไปต่อแถวซื้อยาประมาณ 40,000-50,000 บาท ยาหนึ่งชุดแก้มะเร็งแล้วซื้อให้พ่อทานทุกเดือนๆ แล้วเวลาเราไปเล่นลิเก เขาจะโทรหาพ่อเราตลอดเหมือนเป็นลูกพ่อแม่ไปแล้ว แต่พี่น้องคือ ให้เราหยุดอย่างเดียวต้องหยุดคบกัน เพราะเราเชื่อเขาคนเดียว หน้ามืดตามัว แต่เขาเปิดตัวกับพี่น้องเราหมดเลย แต่พอเขาว่าง ๆ คือ 1 อาทิตย์ต้องมาหาเรา 2 วันเขาอยากไปเที่ยวน้ำตกมากเลย เขาขับรถมารับหน้าบ้าน พอไปถึงน้ำตกปูเสื่อนั่งกินข้าวกัน คุย ๆ กันครึ่งชั่วโมงแล้วกลับเลย เพราะต่างคนต่างรีบ ชีวิตเป็นแบบนี้ 2 ปี"

จากที่ปิดหูปิดตาว่าเชื่อว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว วันที่ฟ้าเปิดตาเปิดใจมันเกิดขึ้นได้ยังไง ?

        จิ้งหรีดขาว : "มีคนซึ่งแถว ๆ บ้านเขาแล้วสนิทกับเขาเอารูปมาวางให้ดูแล้วปัง พ่อแม่ลูก ลูก เชื่อไหมว่าเราจำภาพที่เห็นวันนั้นไม่ได้เลย เพราะเราช็อกเลย เพราะก่อนหน้านั้นเขาดูแลเราดีมาก ชีวิตเราไม่เคยมีคนเปย์หนัก อยากได้สร้อยให้สร้อย วันเกิดเขาซื้อเค้กให้ 10 ปอนด์ อยากได้อะไรฉันให้หมดในมันเลยรักเขามาก พอเราเห็นภาพคือเราบอกตัวเองเลยว่าไม่จริงแล้วก็โทรหาเขา เขาก็อึ้ง จากที่บอกว่าไม่จริง ๆ รักหนูคนเดียว เขาเงียบเลย แล้วเขาก็เริ่มไม่โทรมาค่อย ๆ หายไป ๆ ตอนนั้นคือ ทุกข์มากเพราะรักเขามากชีวิตเรามีแต่เขา มีวันหนึ่งพ่อเราเสียเขาก็มารดน้ำศพนะ พอเราเห็นเขาคือ น้ำตาไหลเลย"

พ่อก็เสีย แฟนก็ทิ้ง ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง ?

        จิ้งหรีดขาว : "มันไม่เหลืออะไรน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลาพูดถึงไม่ได้เลย เพราะเราไม่ได้มีโอกาสได้พูดได้เคลียร์กันในสิ่งที่เราเห็นเลย เพราะเขาเงียบไปเลย เราอยากเคลียร์มาก ๆ เหมือนตอนที่เขามารดน้ำศพพ่อ เหมือนชีวิตของเราล้มหมดทุกอย่าง แล้ววันที่พ่อเผาเขาไม่มา เราเลยอธิษฐานจิตว่าเผาเขาไปกับพ่อแล้ว แต่ใจตัดไม่ได้เลยนะมันเหมือนว่าหนูอยู่ไม่ได้มันเหมือนจะตามพ่อไปแล้วตอนนั้น จนญาติพูดว่า สติ มีไหมเพราะลิเกก็ต้องเล่น งานพ่อก็ต้องทำมันลอยมากชีวิตไม่มีอะไร"

ทำให้ชีวิตเฉียดคิดว่าไม่อยากอยู่ ?

        จิ้งหรีดขาว : "ใช่ค่ะ บอกว่าได้เลยตรง ๆ ว่าคิดว่าไม่อยากอยู่ แล้วสิ่งที่เรียกสติเราคือ สงสารแม่ช่วงนั้นเพราะแม่เสียพ่อไป พอเผาพ่อเรียบร้อยแล้วยิ่งว่าเหว่มาก ไปบวชชีเลยตอนนั้นแล้วเหมือนว่าขอให้ลืมให้ได้เท่านั้นเอง แต่ถ้าไม่ได้บวชชี ฉันน่าจะไปแล้ว ไปบวชชี 1 เดือนถามว่าตัดได้ไหม ไปบวชชี 1 เดือน ช่วยได้บ้างเหมือนว่าทำงานในระหว่างที่เราบวชไปถูกุฏิบ้าง ถูศาลาบ้าง และหลังจากสึกเราไปเจอเขาด้วยแต่ไม่ได้คุยกันเพราะเหมือนน้ำตาเราไหลอยู่ตลอดเวลา แล้วชีวิตเราไม่ได้แล้ว เขาพยายามที่จะเคลียร์กับเราเหมือนกัน เราพูดคำเดียวเลยว่า ฉันเผาเธอไปกับพ่อแล้ว เธอหายไปแล้วจากใจฉัน แต่ใจจริง ๆ คือ เจอไม่ได้เลยเพราะเจอแล้วน้ำตามันไหลขนาดเจ็ดปีผ่านไปน้ำตายังไหลอยู่เลย”

แล้วพอเกิดความพังพินาศกับความรักครั้งนี้ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องของความรักเปลี่ยนไปอย่างไร ?

        จิ้งหรีดขาว : "หน้ามือเป็นหลังมือเลย มีความรู้สึกว่าในเมื่อความรักมันไม่มีจริง ไม่เป็นไร ก็ไม่รักใครเลย เพราะเราเจ็บมากที่สุดในชีวิตครั้งแรก ครั้งเดียว พบจบจากคนนี้ พอตั้งใจว่าฉันไม่รักใครแล้ว แต่ถ้าใครรักฉันช่วยไม่ได้ ตอนนั้นคือ เป็นนางมารร้ายเลย แต่ว่าเราไม่ได้เป็นคนที่หลอกใครนะ แต่ถ้าใครอยากรักก็มามีคนเข้ามาเยอะ ตำรวจ ทหาร หมอ ดีเจ นักร้อง เพราะตอนนั้นคือ เรามีชื่อเสียงมีเงินมีทุกอย่างครบซึ่งไม่ง้อใครเลย ทุกคนที่เข้ามาเราคุยแต่ไม่เคยคิดจริงจังกับใครเลย ไม่หวั่นไหวกับใครด้วย ปิดไปเลย และสิ่งที่น่าแปลกคือ คนที่เข้ามาหลัง ๆ คือ เขาก็ไม่โสดด้วย มีเมียมีลูกหมดแล้ว ส่วนใหญ่คือไม่บอกด้วย แล้วคนที่ต่อจากคนนี้ คือตอนที่พ่อป่วยเขารับราชการที่บ้าน เขามาเสียบพอดีเลยเหมือนเป็นรอยต่อ เข้าพาพ่อเราไปโรงพยาบาล ฐานะดีอะไรดีหมดอีกแล้ว พอพ่อเสียเขาดูแลหมด แล้วพี่น้องเราเห็นพ้องต้องใจว่า ผู้ชายคนนี้ดีเหลือเกิน ดูแลเราได้ หมั้นไหม ไม่ได้ทิ้งห่างจากคนที่เราจับได้ว่าเขามีลูกมีเมียเลยค่ะ เพราะเขามาเสียบแทนเลย เพราะคนนั้นเริ่มไม่โทรไม่มา ตอนนั้นคือ เราอยากลืมคนนี้ เลยคิดว่าจะแต่งก็แต่ง จะหมั้นก็หมั้นเพราะไม่รักอยู่แล้ว แต่แม่รักพี่น้องรัก แล้วก็ซื้อของหมั้นมาเลยสร้อยเพชร อะไรเพชรหมดเลย อีกหนึ่งเดือนกำลังจะหมั้น เมีย เขามาเลย ประกาศว่าฉันคือเมีย ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจนะคะ รู้สึกขำด้วยซ้ำ ตอนนั้นสามารถคบซ้อน 4-5 คนได้ในเวลาเดียวกัน รับทุกคนไม่ปฏิเสธ คุณจะตบรางวัลอะไร หรือให้อะไรคือ เราไม่ปฏิเสธใครเลย แต่เรามาเจอคนท้ายสุด คือ ตอนนั้นเรากำลังจะเป็นนักร้อง เมีย เขาโทรมาหาเราเลย เขาบอกว่าพี่เขาขอมีหนูอีกคนเขาอยู่กับพี่มา 8 ปี ถ้าเขาขอพี่ก็ยอมนะ แต่ตอนนี้ พี่เพิ่งท้อง เราช็อกแล้วก็ตัดเลย จริง ๆ อยากจะคบผู้ชายคนนี้นะเขาค่อนข้างพร้อมทุกอย่าง แต่ถ้ามีลูกมีเมียแล้วเลิกนะคะ"

เคยวิเคราะห์ไหมว่าทำไมเราถึงเกิดมาแล้ว ไม่ประสบผลสำเร็จในความรักสักที ?

        จิ้งหรีดขาว : "มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ ฟังดูแล้วลึกลับนะคะ มีผีมาปล้ำ คือ บ้านตอนนั้นเพิ่งสร้างได้ 2-3 ปี แล้วเราอยู่ห้องเราแล้วแอร์เสีย เราเลยต้องไปนอนอีกห้อง แล้วนัดช่างมาซ่อมแอร์ห้องเราที่เสีย ไปนอนครั้งแรกเหมือนกึ่ง ๆ ฝัน มีผู้ชายใส่โจงกระเบนตัวใหญ่ ๆ แต่เขาอ่อนโยนมากกับเรา เขาค่อย ๆ จับมือเราแล้วหอม แล้วเหมือนค่อย ๆ กอดเรา ความรู้สึกตอนนั้นอบอุ่นมากรักผู้ชายคนนั้นมาก แต่เรารู้ตัวว่าไม่ใช่คน ก็สวดมนต์แล้วเขาก็หายไป ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ครั้งที่สอง 6-7 เดือนผ่านไป แอร์เสียเหมือนเดิมเราก็ไปนอนห้องเดิมเหมือนจะเคลิ้มหลับมากอดเลย คนเดิมเลยด้วยค่ะ แล้วกอดเรารักเราเหมือนคิดถึงเรามากกว่าครั้งแรก เรารู้สึกไม่ดี ก็สวดมนต์อีกแล้วก็หายไป แต่ครั้งที่ 3 แอร์ไม่ได้เสีย แต่เราไปนอนเองเหมือนมีอะไรดลจิตดลใจเรา ตอนบ่ายเพราะเราไปเล่นลิเกกลับมา พอเข้าไปนอนยังไม่ทันหลับตาเลย เหมือนเขาคิดถึงเรามาก กระโดดกอดเราและเหมือนจะข่มขืนเลย แต่เหมือนเรารักผู้ชายคนนี้จังเลย เราก็ปล่อยตัวไปกับเขา แต่เราก็คิดได้ว่าเขาไม่ใช่คน ก็ท่องทุกบทสวดแล้วพอหลุดก็วิ่งออกจากห้องนั้นเลย ก็เลยมาบอกแม่ ก็เลยไปปรึกษาพระ ท่านบอกว่า เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้เป็นของเราเคยสาบานสัญญากันไว้ให้ว่าจะ รักกันทุกชาติไป พอได้ยินเราก็มาคิดเพราะแบบนี้หรือเปล่าเราถึงไม่สามารถรักใครได้ และรักใครก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะเขาจะมัดเราอยู่แบบนี้ แต่เหมือนว่าเขาไม่ไป แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเขาเลย เพราะเขาบอกเลยว่าถ้าไม่มีคู่ยิ่งอยู่ยิ่งรวย"

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

ที่มา : Club Friday Show, Instagram jingreedkhaow

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ